เด็จพี่ ร้อง กกต. สอบคลิปเสียง บิ๊กป้อม คุยปลัด มท. แทรกแซงตั้งโยกย้ายคน-ของบ ทั้งที่ไม่มีอำนาจ ชี้โทษหนักถูกเพิกถอนสิทธิการเมือง-จำคุกตลอดชีวิต
วันที่ 13 ก.ย. 67 ที่สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) นาย พร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ สมาชิกพรรคเพื่อไทย ยื่นคำร้องต่อ กกต.ขอให้เอาผิด พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ กรณีแทรกแซงการแต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการกระทรวงมหาดไทย เพื่อหวังหาผลประโยชน์ดึงงบประมาณขัด พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมืองมาตรา 46 วรรคสอง และเข้าข่ายเป็นการฝ่าฝืนจริยธรรมร้ายแรงที่เป็นเหตุให้ความเป็นรัฐมนตรีสิ้นสุดลงตามรัฐธรรมนูญมาตรา 160 (4)(5) จึงขอให้เสนอเรื่องต่อศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญมาตรา 82 เพื่อถอดถอนและเพิกถอนสิทธิทางการเมือง รวมถึงสั่งยุบพรรคพลังประชารัฐ ตาม พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง มาตรา 92 (3)
จากกรณีที่มีการเผยแพร่คลิปเสียงสนทนาคล้ายเสียงของ พล.อ.ประวิตร กับนายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ ปลัดกระทรวงมหาดไทย และนายสุทธิพงษ์ ออกมายอมรับ ซึ่งมองว่าคลิปเสียงถือเป็นใบเสร็จสำคัญที่สามารถให้ กกต. และหน่วยงานต่างๆ เอาผิด พล.อ.ประวิตรได้
นายพร้อมพงศ์ กล่าวว่า คลิปเสียงฟังแล้วมีลักษณะเป็นการแทรกแซง ของบประมาณ และเห็นว่าการที่ปลัดกระทรวงมหาดไทยออกมาระบุเป็นเพียงการรายงานต่อ พล.อ.ประวิตร ในฐานะรองนายกฯที่กำกับดูแลนั้น พูดความจริงเพียงครึ่งเดียว เพราะการแต่งตั้งข้าราชการกระทรวงมหาดไทยนั้น ตามระเบียบบริหารราชการแผ่นดินเป็นหน้าที่ของ รมว.มหาดไทย และปลัดกระทรวงมหาดไทย อีกทั้งยังมีคำแนะนำของเลขาธิการกฤษฎีกา และ กพ. จึงตั้งข้อสังเกตว่าการขอคน ของบ ชอบด้วยกฎหมายหรือไม่
หากเรื่องนี้เกิดตั้งแต่ปี 58 ถือว่าความผิดสำเร็จ ความผิดต่อเนื่อง ขอให้คนที่สนับสนุนหยุดอุ้ม พล.อ.ประวิตร ดังนั้นจึงมาขอให้ กกต.ตรวจสอบและส่งเรื่องไปยังศาลรัฐธรรมนูญให้ถอดถอนเพิกถอนสิทธิทางการเมือง อีกทั้งในข้อบังคับของพรรคพลังประชารัฐ ข้อ 61 – 63 ก็ได้ระบุเรื่องไม่ขอไม่รับไม่เรียก ซึ่งจะนำไปสู่การดำเนินการยุบพรรคการเมืองได้
นอกจากนี้เรื่องการแทรกแซงแล้ว ยังเรื่องของความผิดตามกฎหมายอาญา ประกาศ ป.ป.ช. กรณีรับทรัพย์เกิน 3,000 บาท รวมถึงผิดรัฐธรรมนูญมาตรา 160 (4)(5) ที่ระบุเรื่องความซื่อสัตย์สุจริตเป็นที่ประจักษ์ ดังนั้นในวันจันทร์ ที่ 16 ก.ย. เวลา 10.00 น. จะไปยื่นเรื่องต่อ ปปง.ให้ตรวจสอบเส้นทางการเงินของทุกคนที่ปรากฏชื่อในคลิปเสียง และเตรียมยื่นกรมสรรพากรให้ตรวจสอบการยื่นภาษีด้วย
พร้อมกันนี้ขอเรียกร้องไปยังพล.อ.ประวิตร ที่เป็นชายชาติทหาร เคยเป็นผู้บัญชาการทหารบก เป็นรองนายกฯรักษาการนายกรัฐมนตรีมาแล้ว แสดงความเป็นลูกผู้ชาย ออกมายอมรับว่าคลิปเสียงที่ออกมาเป็นเสียงของตัวเองจริงหรือไม่ อย่าใช้คนมาปกป้องตัวเองด้วยการเอาสีข้างเข้าถู เพราะความรับผิดชอบทางการเมืองต้องมาก่อนความรับผิดชอบทางกฎหมาย
นายพร้อมพงศ์ ยังได้ยื่นข้อเรียกร้องไปยัง พล.อ.ประวิตร 3 ข้อคือ 1.ออกมายอมรับและขอโทษประชาชน คนไทยพร้อมให้อภัย รวมถึงวุฒิภาวะของท่านต้องมีมากกว่านายสุทธิพงษ์ ที่ได้ออกมายอมรับแล้ว เนื่องจากมีตำแหน่งใหญ่กว่านายสุทธิพงษ์ 2.ขอให้ลาออกจากตำแหน่งหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ และสส. ซึ่งจะสง่างาม ทำให้พรรคเดินไปสู่การเป็นพรรคการเมืองในชั้นแนวหน้าได้ แต่ถ้ายังตัวนิ่งแล้วให้ลูกสมุนออกมาเบี่ยงเบนประเด็นและแก้ตัวว่าเป็นคลิปเอไอ ถูกดิสเครดิตทางการเมืองถือว่าไม่น่าจะมีวุฒิภาวะ และจะถูกมองว่าท่านเป็นโมฆะบุรุษได้ 3.ขอให้ลงจากหลังเสืออย่างสง่างามหมดเวลาของลุงแล้วพักผ่อนเถอะในฐานะที่ตนเป็นรุ่นลูกหลาน จึงขอเรียกร้องทั้ง 3 ข้อนี้ถ้าทำได้เชื่อว่าสังคมจะให้อภัยก่อนที่ความรับผิดชอบทางกฎหมายก็ตามมา เพราะงานนี้ถูกเพิกถอนสิทธิและตายยกพรรคถ้าถูกยุบพรรค และสุดท้ายติดคุกโทษจำคุกตลอดชีวิต
นายพร้อมพงศ์ ระบุว่า แม้จะมีการปล่อยคลิปออกมาหลายคลิป แต่ก็จะมีดูคลิปที่เกี่ยวข้องกับการกระทำผิดกฎหมาย เพราะ พล.อ.ประวิตร เป็นหัวหน้าพรรคการเมืองและกรรมการบริหารพรรค ต้องมีความรับผิดทางการเมือง อีกทั้งเห็นว่าตำแหน่งรองนายกรัฐมนตรีไม่สามารถขอคนและของงบได้ ฉะนั้นจะทำให้เจ้ากระทรวงมี 2 คน โดยคนที่จะมีหน้าที่บริหารงานในกระทรวงต้องเป็น รมว.มหาดไทย กับปลัดกระทรวงมหาดไทย ขณะที่รองนายกรัฐมนตรีมีหน้าที่กำกับดูแล ไม่มีหน้าที่แต่งตั้งคน เนื่องจากกฎหมายไม่ให้ ก็เรียกว่าไม่มีอำนาจ ก็ไม่สามารถทำได้ ดังนั้นก็น่าจะเข้าข่ายแทรกแซง หาประโยชน์
เมื่อถามว่า การที่มีทั้งคลิปหลุดออกมา และมีการยื่นเรื่องร้องเรียนจะยิ่งเป็นถูกมองตอกย้ำประเด็นเรื่องเกมล้มลุงป้อมให้ชัดเจนขึ้นหรือไม่ นายพร้อมพงศ์ กล่าวว่า ไม่ใช่เกมล้มลุงป้อมเลย ฝั่งที่เป็นองครักษ์พิทักษ์ลุงป้อมทั้งหลายออกมาเบี่ยงเบนประเด็น ตนมองว่าต้นทุนต่ำ เมื่อดูต้นทุนเขากับต้นทุนปลัดกระทรวงมหาดไทยแล้วใครจะมีต้นทุนสูงกว่ากันในสังคม ตนเชื่อว่าสังคมชื่นชมที่ปลัดกระทรวงฯออกมายอมรับ แต่พล.อ.ประวิตร ซึ่งเป็นผู้บังคับบัญชาในอดีตเหตุใดไม่แสดงวุฒิภาวะ คนอื่นที่เป็นองครักษ์นั้นวันนี้มันไปไม่ได้แล้ว เขาเรียกว่าวันนี้ป่าแตกแล้ว บ้านใหญ่ต่างๆทยอยลาออก
“วันนี้ป่าแตก ดูสิบ้านใหญ่ต่างๆ เขาลาออกเป็นแถว หนีตายกันเลย ถ้าท่านคิดว่าจะเป็นนายกฯอีกนะ ต้องมี 25 เสียงในสภาฯ แต่ท่านถึงไหมล่ะ จาก 40 ตอนนี้ฝั่งผู้กองฯ ก็น่าจะไปถึง 20 กว่าแล้ว ของท่านเหลือจริงๆ จะถึง 10 ไหมล่ะ เอาเป็นว่าผมสงสารท่านนะ เพราะบางคนก็ถามท่าน อาจจะเชื่อหมอดูว่าท่านจะเป็นนายกรัฐมนตรีได้ แต่คนรอบข้างอาจจะขอให้ท่านมีโอกาส แต่นี่มันหมดเวลาแล้ว เพราะในอดีตท่านต้องรักษาการเป็นนายกรัฐมนตรี ในขณะที่พล.อ.ประยุทธ์ไปปฏิบัติภารกิจต่างประเทศ ก็ถือว่าชีวิตมาถึงจุดสูงสุดแล้ว ถ้าเป็นผมลงหลังเสืออย่างสง่างามแล้วให้ประชาชนชื่นชมในอดีตที่เคยเป็นผู้บัญชาทหารบก รองนายกฯ ถ้าไม่ลงผมก็ตรวจ ไม่เรื่องเรื่องล้ม หรือเป็นเกม คลิปใครถ่ายใครปล่อยขอให้ตรวจสอบกันเอง จะบริวารเป็นพิษหรือจะมีคนใกล้ชิดหักหลังท่าน แต่เห็นว่าประชาชนเสียประโยชน์ ไม่ใช่เกมการเมือง” นายพร้อมพงศ์ กล่าว