นายกฯ ลุกขึ้นชี้แจงสภาฯ ครั้งแรก น้อมรับทุกคำแนะนำ เผย เข้าใจฝ่ายค้านดี เพราะเคยทำงานร่วมกันมา 4 ปี แต่ขอฝ่ายค้าน ไม่เป็นฝ่ายแค้น
วันที่ 12 ก.ย. 67 ที่รัฐสภา ในการประชุมร่วมรัฐสภา วาระการแถลงนโยบายรัฐบาลของ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีนั้น ภายหลังจากที่ สส.ฝ่ายค้าน ฝ่ายรัฐบาล และสมาชิกวุฒิสภา อภิปรายอย่างกว้างขวาง
ต่อมาในช่วงเย็น น.ส.แพทองธาร ลุกขึ้นชี้แจงต่อที่ประชุมรัฐสภาเป็นครั้งแรก ในหลายๆ ประเด็น โดยนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ตนรับฟังความคิดเห็นจากทุกท่านอย่างชัดเจน หลายนโยบายได้ทำเสร็จสิ้นแล้ว หลายนโยบายก็กำลังดำเนินการอยู่ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการแก้ไขหนี้เกษตรกร เช่น โครงการพักหนี้เกษตรกร รวมถึงการแก้ไขปัญหายาเสพติดที่จะสานต่อนโยบายจากนายเศรษฐา ทวีสิน อดีตนายกรัฐมนตรี
หลังได้รับรายงานว่า มีการลักลอบนำยาเสพติดเข้ามาภายในประเทศเป็นจำนวนมาก จึงต้องจำเป็นที่จะต้องกวาดล้างผู้ค้ารายใหญ่ให้ได้มากที่สุด ซึ่งตนพยายามที่จะแก้ไขปัญหาในเรื่องดังกล่าวนี้อย่างเข้มข้น โดยได้วางแผนเบื้องต้นแล้วว่า จะลงพื้นที่ต่าง ๆ อย่างไรได้บ้าง ซึ่งเท่าที่ได้ลงพื้นที่ไปก็มีชาวบ้านมาบอกว่า “ดิจิทัล วอลเล็ต” ไม่เอาแล้ว ขอให้แก้ไขปัญหาเรื่อง “ยาเสพติด” ก่อน
ส่วนเรื่องการแก้ไขกฎหมายรัฐธรรมนูญ เป็นเรื่องที่รัฐบาลได้ดำเนินการแล้ว ซึ่งเป็นกระบวนการที่สมาชิกรัฐสภาก็มีส่วนร่วม ซึ่งจะต้องดำเนินการไปพร้อมๆ กัน
นายกรัฐมนตรี กล่าวอีกว่า ตนขอน้อมรับคำแนะนำ ขอให้การเรียนรู้เรื่องประวัติศาสตร์ และบาดแผล ยึดมั่นในหลักนิติธรรม ตนเข้าใจฝ่ายค้านอย่างลึกซึ้ง ในเรื่องของการจัดตั้งรัฐบาล เพราะหลายปีที่แล้วพรรคเพื่อไทย ก็ชนะการเลือกตั้งได้เสียง สส. มาเป็นอันดับหนึ่ง แต่ก็จัดตั้งรัฐบาลไม่สำเร็จเช่นกัน โดยในขณะนั้นพรรคเพื่อไทยกับพรรคก้าวไกล ก็เป็นฝ่ายค้านร่วมกันถึง 4 ปี แต่ในวันนี้พรรคเพื่อไทย ก็ถือเป็นพรรคที่มีประชาชนเลือกมา 10.9 ล้านคน ซึ่งก็เป็นเสียงของประชาชนเช่นกัน
เฉกเช่นเดียวกับพรรคร่วมรัฐบาลที่ได้เสียงจากประชาชนให้เข้ามาทำหน้าที่เช่นกัน เพราะฉะนั้นทุกเสียงคือเสียงของประชาชนคนไทยทั้งนั้น ไม่มีเสียงใดด้อยศักดิ์ศรีไปกว่าซึ่งกันและกัน จึงอยากให้ทุกคนมาร่วมมือกันสร้างการอภิปรายที่สร้างสรรค์ ไม่สร้างวาทกรรมเกลียดชัง ไม่ทำให้เกิดความเข้าใจผิดในหัวข้อต่างๆ เพราะเราเป็นคนรุ่นใหม่แล้ว สามารถการเมืองที่สร้างสรรค์ได้ ซึ่งช่วงเวลานี้ก็ไม่ใช่ช่วงเวลาของการหาเสียงเลือกตั้ง จึงไม่จำเป็นต้องสร้างสิ่งเหล่านี้ให้เกิดการเข้าใจผิดเข้าใจผิด ต้องมองเห็นภาพส่วนรวมของประเทศมากกว่า ภาพลักษณ์ของตนเอง
นายกรัฐมนตรี กล่าวอีกว่า ภายหลังเสร็จสิ้นการแถลงนโยบายต่อรัฐสภาในวันนี้ ตนได้เข้าร่วมประชุมหารือการแก้ไขปัญหาอุทกภัยในพื้นที่ภาคเหนือ โดยเฉพาะที่จ.เชียงราย ที่เกิดน้ำท่วมหนักมาก ซึ่งก่อนที่ตนจะมีอำนาจในการสั่งการ ทางรัฐมนตรีกระทรวงต่างๆ ที่มีส่วนเกี่ยวข้องเกี่ยว ได้สั่งการล่วงหน้า และลงมือดำเนินการหมดแล้ว ไม่ว่าจะเป็นเจ้าหน้าที่ทหารที่ลงพื้นที่ไปเรียบร้อยแล้ว และมีการดำเนินการได้อย่างรวดเร็ว ซึ่งทั้งหมดนี้ตนไม่อยากให้สร้างความเกลียดชัง เพราะไม่อยากให้ฝ่ายแค้น หรือฝ่ายค้านที่มีเรื่องคับแค้นใจจนเป็นฝ่ายค้านแทน ซึ่งเราไม่ควรต้องแค้นกัน แต่ควรเข้าใจกัน