"ซานิ นิภาภรณ์" เผยเรื่องเศร้าที่สุดในชีวิตกับเหตุการณ์ที่จำฝังใจ!

6 ก.ย. 67

ซานิ นิภาภรณ์ น้ำตาคลอ! เผยเรื่องเศร้าที่สุดในชีวิตกับเหตุการณ์ที่จำฝังใจเรื่องแฟนคลับ

 

เมื่อรายการ "เมนูของพี่ใส่พริกกี่เม็ด" ขอสานฝันให้กับพิธีกร สาว "แก้มบุ๋ม ปรียาดา" คว้าตัว "ซานิ นิภาภรณ์" นักร้องและพิธีกรสายฮามาเป็นแขกรับเชิญ สืบเนื่องจาก EP.ที่แล้ว แก้มบุ๋มสารภาพรักกลางรายการกับ "โอ๊ต ปราโมทย์" ว่าแอบปลื้มซานิมานานมากแล้ว งานนี้ทีมงานเลยขอจัดให้แบบจุกๆ เล่นเอาเขินอายไม่เป็นอันทำงานกันเลยทีเดียว ด้านซานิได้เผยเรื่องเศร้าที่สุดในชีวิตกับเหตุการณ์ที่จำฝังใจเรื่องแฟนคลับ

ซานิ นิภาภรณ์

ช่วงนี้พี่ซานิทำอะไรบ้าง ?
ซานิ : ช่วงนี้ถ่ายรายการรวดๆ เลยแบบยาวมาก Youtube ก็ทำกับโอ๊ตก่อนคนแรก แล้วก็มีรายการที่เขาจ้างทำประมาณ 3 รายการ ก็คือรวมทั้ง 4 รายการที่เป็นของ Youtube แล้วก็มีรายการ TV รายการ Sound Check แล้วก็มีรายการอ่านข่าวรายการ ทัวร์มาลง! แล้วจริงๆไม่ได้เกิดมาจากพิธีกรด้วยนะ คือเกิดมาร้องเพลง แล้วตอนนี้คือไม่ได้ทำเพลงใหม่เลย เพราะว่าเราเดาทางไม่ถูกแล้วยุคนี้ เลยรู้สึกว่าไม่สนใจอะไรแล้วเอาความสนุกอย่างเดียวเลย แล้วเทรนด์เดี๋ยวนี้ 5 นาทีผ่าน 5 วันจบ รู้สึกว่ามันทำยาก โอเคร้องเพลงเท่าที่มีแล้วกัน เท่าที่ทำได้แล้วกัน

วันนี้ทำเมนูอะไร ?
ซานิ : แล้วที่วางอยู่คืออะไรคะ (เอื้อมมือไปจับแขนแก้มบุ๋ม)

แก้มบุ๋ม : แอร๊ย!!! (เขินอาย)

ซานิ : พิธีกรออกเฟรมเก่งมาก (หัวเราะ)

ล่าสุดไปเที่ยวยุโรปมาไปเที่ยวกับใคร ?
ซานิ : ไปเที่ยวกับแม่ ก็สนุกค่ะ เพราะจริงๆ แล้วพี่นิเป็นคนที่ชอบเที่ยวเองไม่ได้ไปกับทัวร์ อยากรู้ว่าตรงไหนมีที่เที่ยวบ้างก็ศึกษาไว้ตั้งแต่ก่อนตอนช่วงโควิดมา เชื่อไหมแล้วเราจองทุกอย่างหมดแล้วก็ต้องไปเคลียร์กับเขาใหม่เลย บางที่ก็คืนเงินเต็ม แต่บางที่ก็ไม่ให้คืนเลย

ไปประเทศอะไรบ้าง ?
ซานิ : สวิส อิตาลี ฝรั่งเศส คือมีความคิดว่าอยากเที่ยวตอนที่แม่เขายังมีแรง อย่าไปชวนคนแก่เที่ยวในตอนที่ต้องนั่งรถเข็นแล้ว ในตอนที่เขาเดินไหวอะไรไหวก็เลยอยากให้ไปได้เห็นอะไรเต็มๆ แล้วก็พาเขาไปเที่ยวแบบสุดๆไปเลย

ซานิ นิภาภรณ์

ตอนที่ไปมีวีรกรรมอะไรบ้างไหม ?
ซานิ : มีแค่แบบฝรั่งทำเหมือนจะมาขโมยมือถือ ไปถึงสวิสเราก็คิดว่าเป็นประเทศที่ค่าครองชีพคือแพงที่สุดถูกไหม เลยคิดว่าเป็นประเทศที่ไม่ต้องระวังที่สุดแล้ว ก็เลยถือมือถือกันอย่างปกติไม่ได้ดูอะไรเลย ฝรั่งเดินมาเมาแล้วก็หยิบมือถือ เรายืนถ่ายภาพแล้วก็แม่อยู่ด้านหลัง เราถ่ายอยู่ตรงสะพาน แล้วแม่ก็ถือมือถือแล้วเขาก็เดินมาข้างหลังเขาสูงไงก็หยิบไปเลย รู้แล้วล่ะว่าแม่ตกใจมาก เราก็ตกใจมากเหมือนกัน เราเป็นคนมือไวอยู่แล้วก็ต่อยหลังมันไงจะเอามือถือคืน ต่อยปึ้ง! เราก็คว้ามือถือคืน มันก็ทำหน้าแล้วโชว์อวัยวะใส่ ซึ่งพอดีคนจีนเขาน่ารักมาก เดินมาแบบแก๊งค์มังกรหยก จากด้านหลังแล้วเหมือนแบบยูมีเรื่องเหรอ เขาคงคิดว่าเราคือชาวจีนเดี๋ยวฉันจะช่วยเธอเอง แล้วขโมยมันก็เลยวิ่งหนีไป โอเคปลอดภัยก็ขอบคุณนะ เขาเป็นกลุ่มคนจีนที่กำลังเดินออกมาจากโรงแรมพอดี ตรงข้างหน้าสะพานมันมีโรงแรม

ดูไม่น่าจะเป็นคนที่ติดแม่หรือสนิทกับแม่มาก ?
ซานิ : สุดๆ ที่วันนี้ยังนอนด้วยกันอยู่เลย นอนห้องเดียวกันเราจะ 40 แล้วนะ อาบน้ำด้วยกัน จนคิดว่าเราติดแม่หรือว่าแม่ติดเรา พอหลังๆเริ่มสังเกตุตัวเองว่าเป็นเราติดแม่ มาด้วยกันทุกงานแล้วเพื่อนพูดทุกคนว่าจะ 40 แล้วนะติดแม่เป็นลูกแหง่ ก็ไม่เป็นไรค่ะ ก็มีแต่เขานะ แล้วเขาก็ขับรถให้เราด้วย เราไม่ขับเองไงเป็นคนกตัญญู เพราะว่าเงินเดือนเราที่ได้ให้เขาหมดไงก็ทำงานบ้างสิ กลางคืนก็พาแม่ไปด้วยนะไม่ใช่ไรเราเมาให้แม่ขับ แล้วทุกครั้งที่คุณตำรวจเห็นคนแก่ขับปล่อยผ่าน ณ วันนี้รู้สึกว่าอยู่ตัวแล้วก็ยังไม่ได้อยากทำอะไรเพิ่มที่มันจะดูเหนื่อยไปกว่านี้แล้ว อันนี้คือสุดๆ ของเราแล้ว

เวลาร้องเพลงกลางคืนเจอเหตุการณ์อะไรพีคๆ คนแปลกๆไหม ?
ซานิ : เจอเยอะ แต่ว่าไม่แปลกเท่าเรานะ สมมุติพอเขาแปลกมาเราก็แปลกกลับ หรือลูกๆหลานๆ LGBTQ เขาอยากโชว์ก็ให้โชว์บนเวทีเลย พอเขาโชว์เสร็จเขาก็จะบอกเราทำบ้างสิ เราก็พวกบ้ายุ เราก็ทำ เพราะฉะนั้นอะไรที่มันพีคๆไม่ค่อย ยกเว้นสมมุติว่าร้องเพลงอยู่แล้วเจอลูกค้าที่เมามากๆ แล้วก็ดึงคุยกับเราไม่จบ มาจับเราแล้วคุยไม่รู้เรื่อง เราก็จะบอกพี่แอดไลน์ไหมพิมพ์มาจะได้รู้เรื่อง เขาก็จะรู้แล้วว่าพูดไม่รู้เรื่องหรือเพื่อนเขาก็จะมาดึงออกไป เพราะฉะนั้นเหตุการณ์พีคๆไม่ค่อยมีเราเคลียร์ได้หมด

ซานิ นิภาภรณ์

มีเหตุการณ์ในชีวิตที่เป็นเรื่องเศร้าไหม ?
ซานิ : ส่วนใหญ่ในชีวิตที่สำคัญคือเรื่องความตาย ซึ่งเรามักจะจำแล้วไม่ค่อยลืม เพราะมันเป็นเหตุการณ์ที่เอากลับคืนมาไม่ได้แล้ว เป็นเรื่องของแฟนคลับที่เสียชีวิต แล้วแฟนคลับคนนี้ชื่อพี่เจี๊ยบ คือเราอยู่ด้วยกันเป็นครอบครัวมาตลอด และเขาเป็นเหมือนกำลังแรงใจที่ดีในเวลาที่เราออกไปอีเวนท์ไปงานต่างๆ ก็จะเห็นเขา อย่างสมมุติถ้าเราบอกว่าหิวน้ำจังเลยเขาก็จะเป็นคนแรกที่วิ่งไป หรือถ้าพูดว่าหนูหิวน้ำจังเลยตรงนี้มีร้านไหม เขาก็จะบอกว่าหนูรอแป๊ปนึงแล้ววิ่งไปเลย โดยที่ร่างกายของเขาก็มีโรคมีอะไรที่มันเยอะมาก แต่เราไม่เคยไปนั่งสังเกตุเลยว่าเขาเป็นอะไรหรือเปล่าเพราะเขาไม่เคยแสดงออกให้เราเห็น แล้วเราก็ไม่รู้ว่าเขาเป็นอะไรจนวันที่เขาเข้าโรงพยาบาลด้วยอาการหน้ามืดแล้วก็น็อคไปเลยเป็นลม ที่บ้านเขาก็พาไปส่งโรงพยาบาล

เราก็คิดว่าเขาจะหาย เพราะเรายังโทรคุยกับเขาอยู่ว่าโอเคหรือเปล่า คุยกับเขาในวันนั้นหลังจากนั้นอีก 2 วันเขาเสียชีวิตเลย เรางงเลยตั้งตัวไม่ทัน ณ ทุกวันนี้ยังไม่รู้สึกว่าเขาเสีย แค่รู้สึกว่าเขาไม่มา ในใจคิดว่าเขาไม่มาแล้วก็ไม่อยากรับความเป็นจริงว่าเขาไม่อยู่ตรงนี้แล้ว เพราะภาพเขามันชัดมากจนเรารู้สึกแค่ว่าเขาไม่อยู่ แต่วันที่รู้คือสุดมากคือเราเข้าบ้านไม่ได้เลย พอรู้ข่าวแฟนคลับผู้ใหญ่โทรมา เราเข้าบ้านไม่ได้แล้วแม่ก็งง ลูกเป็นอะไรทำไมไม่เข้าบ้าน นั่งอยู่หน้าบ้านเกือบชั่วโมงร้องไห้ๆๆ พอบอกแม่ แม่ก็ร้องไห้ด้วยกัน จะบอกทุกคนว่าถ้ายังมีกันอยู่บอกซะรักไหม เพราะไม่รู้เลยว่าจะเกิดอะไรขึ้น เราอยู่กันมาตั้งแต่ AF จนเป็นครอบครัวแล้ว หัวเราะ ร้องไห้ด้วยกัน มันก็สุดนะสำหรับเรา (น้ำตาคลอ)

ซานิ นิภาภรณ์

advertisement

คุณอาจสนใจข่าวนี้

ข่าวยอดนิยม