งบอาหาร สส. กับ งบอาหารกลางวันนักเรียน ความเหลื่อมล้ำที่สะท้อนผ่านถาดหลุม

6 ก.ย. 67

กางงบอาหาร สส. ในรัฐสภา กับ งบอาหารกลางวันนักเรียน ผ่านมาหลายสิบปี ความเหลื่อมล้ำที่สะท้อนผ่านถาดหลุมยังคงไม่จางหาย

กลายเป็นประเด็นที่ถูกหยิบยกขึ้นมาถกเถียงกันอีกครั้ง สำหรับงบประมาณรายปีค่าอาหาร สส. ซึ่งล่าสุดการประชุมสภาผู้แทนราษฎร พิจารณาร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2568 ได้ตั้งค่าอาหาร สส. ในวันประชุมสภา วันละ 3 มื้อ เช้า กลางวัน เย็น อยู่ที่ 72 ล้านบาท แต่ กมธ.หั่นงบทิ้งไป 15 ล้าน จนเหลือ 57 ล้านบาท

นายกรุณพล เทียนสุวรรณ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน ได้มีการลุกขึ้นอภิปรายถึงเรื่องนี้ โดยระบุว่า ถ้าเป็นวันประชุมสภาปกติ ค่าอาหาร สส.ต่อวันอยู่ที่ 5 แสนบาท ถ้าวันใดประชุมสภาเลิกดึกจะอยู่ที่ 7 แสนบาทต่อวัน ถึงเวลาแล้วที่รัฐสภาควรวางแผนเรื่องอาหาร สส. ไม่ให้มีอาหารเหลือมากมาย ต้องหาวิธีจัดการให้อยู่ในงบประมาณอย่างเพียงพอและเหมาะสม

ด้านนายธเนศ เครือรัตน์ กมธ.เสียงข้างมาก ชี้แจงว่า งบอาหาร สส. ตกปีละ 72 ล้านบาท แต่ใช้จริงอยู่ที่ปีละ 30 ล้านบาท มีเหลือส่งคืนทุกปี ปีนี้ กมธ.ตั้งใจปรับลดค่าอาหาร สส.ให้อยู่ที่ 40 ล้านบาทต่อปี แต่ทำไม่ได้ เนื่องจากต้องสำรองค่าอาหาร สส.ไว้ในกรณีที่มีการประชุมสภาเพิ่มเติมในวันศุกร์ รวมถึงการประชุมร่วมรัฐสภา ที่ฝั่งสภาผู้แทนราษฎรจะต้องเป็นผู้รับผิดชอบค่าอาหาร ซึ่งปีนี้จะประชุมร่วมรัฐสภาหลายครั้ง ทำให้ปรับลดได้แค่ 15 ล้านบาทเท่านั้น ขณะที่บางส่วนได้เสนอแนะให้แก้ไขปัญหานี้ ด้วยการเปลี่ยนเป็นวิธีใช้บัตรเติมเงิน โดยมีวงเงินให้ สส.ใช้วันละ 350 บาท นำไปซื้ออาหาร ถ้าใช้ไม่หมดก็ต้องจะคืนสภาในวันนั้น จะแก้ปัญหาลดค่าอาหาร สส.ได้

อย่างไรก็ตาม เรื่องอาหารของ สส.ในสภา เคยตกเป็นประเด็นให้ผู้คนได้ถกเถียงกันมาแล้ว ย้อนไปเมื่อกันยายน 2566 น.ส.สิริลภัส กองตระการ หรือหมิว สส.พรรคก้าวไกล ถูกเพื่อน สส.แอบถ่ายและแซวว่า "พบเห็นอดีตดาราสาวลักลอบนำอาหารสภากลับบ้าน" ⁣ โดยเจ้าตัวได้อธิบายว่า ไม่ใช่การลักลอบนำอาหารกลับบ้าน อาหารมีเตรียมไว้ให้สำหรับ สส.ทุกคน แต่มี สส.ที่เหลืออยู่จนจบการประชุมไม่กี่คน อาหารจึงเหลือมากมาย และเป็นอาหารปรุงสุก หากไม่นำกลับบ้านหรือมารับประทานต่อ ก็จะเหลือเป็นขยะหรือ Food Waste เรื่องนี้แม้จะดราม่าแต่ก็ทำให้ประชาชนเห็นว่าอาหารของรัฐสภาเหลือเยอะ ถึงเวลาแล้วหรือยังที่จะลดปริมาณกับข้าว สส. หรือตัดลดงบประมาณตรงส่วนนี้ไม่ให้สูญเสียไปโดยเปล่าประโยชน์

ทั้งนี้ เมื่อมีการคำนวณจากงบประมาณจะพบว่า การประชุม สส.ในแต่ละครั้ง ประเทศจะต้องจ่ายค่าอาหารวันละ 5 แสนบาท รัฐสภามี สส. 500 คน จึงตกหัวละ 1,000 บาท แบ่งเป็นอาหารเช้า 200 บาท (ค่าอาหาร 150 บาท น้ำ 50 บาท) อาหารกลางวันและอาหารเย็นมื้อละ 400 บาท (ค่าอาหาร 350 บาท น้ำ 50 บาท) ซึ่งเมื่อเรานำงบประมาณค่าอาหารรายหัวของ สส.ไปเทียบกับค่าอาหารกลางวันของเด็กนักเรียน จะพบว่าต่างกันแบบอย่างเห็นได้ชัด

45499205_1878592408860646_505

โครงการอาหารกลางวันมีมานาน 72 ปี แต่งบประมาณยังเดินตามไม่ทัน

สำหรับโครงการอาหารกลางวัน มีการริเริ่มครั้งแรกในปี พ.ศ. 2495 กระทรวงศึกษาธิการดําเนินโครงการอาหารกลางวัน ได้ทดลองจัดอาหารกลางวันแก่นักเรียนในสังกัดที่มีภาวะทุพโภชนาการ จนกระทั่งปี พ.ศ. 2542 คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบ ให้นักเรียนระดับชั้นเด็กเล็ก ถึงชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 ได้รับประทานอาหารกลางวันอิ่มทุกคน ทุกวัน โดยเริ่มจากหัวละ 10 บาท ปรับขึ้นมาเป็น 13 บาท/คน/วัน ในปี พ.ศ. 2551 จากนั้นปี พ.ศ. 2556 ปรับเพิ่มเป็น 20 บาท/คน/วัน ปี พ.ศ. 2564 คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบให้มีการปรับเพิ่มค่าอาหารกลางวัน จากอัตรา 20 บาท เป็นอัตรา 21 บาท/คน/วัน

ปี พ.ศ. 2565 คณะรัฐมนตรี (ครม.) ได้อนุมัติปรับเพิ่มค่าอาหารกลางวันให้แก่นักเรียนระดับชั้นอนุบาล 1 ถึงระดับชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 ของโรงเรียนประถมศึกษา 5 สังกัด ได้แก่ 1) โรงเรียนสังกัด สพฐ. 2) โรงเรียนและศูนย์พัฒนาเด็กเล็กสังกัดองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น 3) โรงเรียนสังกัดตำรวจตระเวนชายแดน 4) สถานศึกษาสังกัดการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัย 5) สถานศึกษาสังกัดกรมพัฒนาสังคมและสวัสดิการ ครอบคลุมนักเรียนจำนวนทั้งสิ้น 5,792,119 คน โดยแบ่งออกเป็น 4 ระดับ ดังนี้

• โรงเรียนที่มีจำนวนนักเรียน 1-40 คน ได้รับเงินค่าอาหารกลางวัน 36 บาท/คน/วัน
• โรงเรียนที่มีจำนวนนักเรียน 41-100 คน ได้รับเงินค่าอาหารกลางวัน 27 บาท/คน/วัน
• โรงเรียนที่มีจำนวนนักเรียน 101-120 คน ได้รับเงินค่าอาหารกลางวัน 24 บาท/คน/วัน
• โรงเรียนที่มีจำนวนนักเรียนตั้งแต่ 121 คนขึ้นไป ได้รับเงินค่าอาหารกลางวัน 22 บาท/คน/วัน

และล่าสุด พ.ศ. 2567 คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบ เมื่อวันที่ 26 มีนาคม 2567 ให้มีการจัดสรรค์าอาหารกลางวันของนักเรียนระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 – 3 ในโรงเรียนขยายโอกาสทางการศึกษา ในอัตราเดียวกันกับนักเรียนระดับชั้นเด็กเล็กถึงระดับชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 ตามมติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 8 พฤศจิกายน 2565 ให้กับโรงเรียนสังกัดสํานักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน กรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น กองบัญชาการตํารวจตระเวนชายแดนและกรุงเทพมหานคร

458396055_929550202539455_367

เมื่อดูตัวเลขแล้วก็เป็นเรื่องที่น่าตกใจไม่น้อย เพราะอนาคตของชาติกลับได้เงินอุดหนุนในเรื่องของอาหารกลางวันอย่างกระเบียดกระเสียร ซึ่งหากกางตัวเลขแบบเปรียบเทียบกัน โดย สส.ได้ค่าอาหารวันละ 1,000 บาท ส่วนนักเรียนได้เฉลี่ย 22-36 บาท/คน/วัน ก็จะเป็นดังนี้

ค่าอาหาร สส. 1 วัน (3 มื้อ) จะได้อาหารนักเรียนจำนวน 28 มื้อ/คน/วัน สำหรับโรงเรียนที่มีจำนวนนักเรียน 1-40 คน
ค่าอาหาร สส. 1 วัน (3 มื้อ) จะได้อาหารนักเรียนจำนวน 37 มื้อ/คน/วัน สำหรับโรงเรียนที่มีจำนวนนักเรียน 41-100 คน
ค่าอาหาร สส. 1 วัน (3 มื้อ) จะได้อาหารนักเรียนจำนวน 42 มื้อ/คน/วัน สำหรับโรงเรียนที่มีจำนวนนักเรียน 101-120 คน
ค่าอาหาร สส. 1 วัน (3 มื้อ) จะได้อาหารนักเรียนจำนวน 45 มื้อ/คน/วัน สำหรับโรงเรียนที่มีจำนวนนักเรียนตั้งแต่ 121 คนขึ้นไป

พ่อแม่ผู้ปกครองหลายคน รวมถึงบุคลากรทางการศึกษาเล็งเห็นถึงปัญหานี้ หลายโรงเรียนประสบปัญหาเงินอุดหนุนไม่เพียงพอต่อจำนวนนักเรียน สินค้าทั้งหลายทั้งของสด ของแห้ง ต่างขึ้นราคาแบบพุ่งพรวด ทำให้งบประมาณที่จะซื้อของดีๆ มาทำอาหารให้นักเรียนได้รับประทานนั้นต้องถูกจำกัดจำเขี่ย แม้ทางการจะออกแนวทางการจัดอาหารกลางวันตามมาตรฐานอาหารกลางวันเพื่อช่วยให้เด็กได้สารอาหารที่เพียงพอ หลากหลายในสัดส่วนและปริมาณที่เหมาะสมกับวัย เช่น ควรมีข้าวสวย หรือข้าวเหนียวนึ่ง เป็นหลักอย่างน้อย 4 วันต่อสัปดาห์ ควรมีเนื้อสัตว์ และผักเป็นส่วนประกอบอาหารเป็นประจําทุกวัน แต่ทางโรงเรียนหลายแห่งไม่สามารถทำได้เพราะติดขัดเรื่องงบประมาณ จึงต้องใช้วัตถุดิบหรือส่วนประกอบในการทำอาหารที่ง่ายที่สุด ถูกที่สุด เพื่อไม่ให้เกินงบ จนส่งผลต่อสุขภาวะของเด็กไทยในปัจจุบัน โดยข้อมูลกระทรวงสาธารณสุขในปี 2567 พบว่า เด็กไทยอายุต่ำกว่า 5 ปี ยังมีภาวะเตี้ย ผอม เริ่มอ้วนและอ้วน เฉลี่ยร้อยละ 11.9, 5.7 และ 8.7 ตามลำดับ นอกจากนั้น เด็กวัยเรียนอายุ 6-14 ปี ยังมีภาวะเริ่มอ้วนและอ้วน เฉลี่ยร้อยละ 13.1 ซึ่งสถานการณ์ดังกล่าวยังไม่บรรลุค่าเป้าหมายระดับชาติที่ตั้งไว้

45407890_1878592272193993_272

สำนักโภชนาการ เผยว่าจากการสำรวจปัญหา อุปสรรค การบริหารจัดการด้านอาหารและโภชนาการในโรงเรียน ตามกรอบการพัฒนาการพัฒนาคุณภาพอาหารกลางวันในโรงเรียน โดยจากผลการสำรวจยังพบปัญหาอุปสรรคในการดำเนินงาน บุคลากร เช่น ครู แม่ครัว โรงเรียนไม่เพียงพอ ซึ่งค่าแรงแม่ครัวไม่สามารถลงรายการวัตถุดิบและเครื่องปรุงในแบบจัดซื้อวัสดุเครื่องบริโภคได้ ต้องจัดทําเอกสารจัดจ้างผู้ประกอบอาหารตามระเบียบกระทรวงการคลัง ซึ่งหลายโรงเรียนไม่มีงบเพียงพอตรงนี้ แม่ครัวที่ได้มาทำอาหารให้นักีเนียนรับประทานจึงอาจจะขาดความรู้ด้านโภชนาการ บางส่วนขาดการอบรมการจัดการคุณภาพอาหาร การตักอาหารตามภาวะโภชนาการ สุขาภิบาลอาหารและอาหารปลอดภัย ซึ่งเรื่องนี้ล้วนเกี่ยวข้องกับงบประมาณทั้งสิ้น

สำหรับค่าอาหารของ สส. ที่รัฐสภาจัดสรรนั้น หากเทียบกับเด็กๆ แล้วนับว่ากินหรูอยู่สบาย แต่สิ่งที่ สส. 500 คน ยังให้คำตอบกับประชาชนไม่ได้เสียทีก็คือ งบอาหารรายวันสูงขนาดนั้น แต่ทำงานได้คุ้มค่าน้ำ ค่าข้าวหรือไม่ และจะเป็นไปได้หรือไม่ที่ควรจะมีแนวทางใหม่ๆ ในเรื่องของการจัดสรรงบประมาณอาหารของ สส.ให้เหมาะสม และสอดคล้องไปกับความเป็นจริง ไม่ให้สังคมตั้งคำถามได้ว่าทำไมผู้ใหญ่ในสภาถึงได้รับประทานอาหารแสนเลิศหรู ปริมาณเยอะจนเหลือแทบทุกวัน แต่เด็กๆ กลับได้รับอาหารที่คุณภาพและปริมาณ ที่ยังไม่เพียงพอและเหมาะสมกับวัย ผ่านไปหลายปีเรื่องนี้ก็ยังวนให้มาถกเถียงกันอยู่แบบไม่รู้จบ

ที่มา ศธ. 360 องศา , สำนักโภชนาการคู่มือการดําเนินงานอาหารกลางวันปี 2567

advertisement

คุณอาจสนใจข่าวนี้

ข่าวยอดนิยม