อุกอาจ! คนร้ายแต่งชุดดำบุกเดี่ยวใช้ปืนบุกจี้ร้านชำ 2 จุด ยิงบาดเจ็บ 2

2 ก.ย. 67

อุกอาจ! คนร้ายแต่งกายชุดดำ บุกเดี่ยวชิงทรัพย์ร้านชำ 2 แห่ง ยิงใส่คนดูแลร้านเจ็บ 2 คน ได้เงิน 200 บาท ส่วนอีกร้านยิงถูกผนัง คาดเป็นคนเดียวกัน

เมื่อเวลา 09.00 น. วันที่ 2 ก.ย.67 ตำรวจสภ.โคกเคียน ร่วมกับเจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐาน เข้าตรวจสอบเหตุคนร้ายบุกจี้ชิงทรัพย์ 2 จุด

โดยจุดที่ 1 คนร้าย 1 คน ใช้อาวุธปืนพกไม่ทราบขนาด บุกจี้ร้าน  จำหน่ายของชำในจพื้นที่ บ้านทุ่งกง ม.8 ต.โคกเคียน อ.เมือง จ.นราธิวาส ซึ่งเป็นอาคารพาณิชย์ชั้นเดียว 2 ห้องทำให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บ 2 ราย คือ น.ส.ปวีณา อายุ 25 ปี โดยถูกกระสุนปืนของคนร้ายที่บริเวณอกซ้าย 1 นัด และ น.ส.สุดารัตน์ อายุ 28 ปี ซึ่งทั้ง 2 คนเป็นพี่น้องกัน

โดย น.ส.สุดารัตน์ เป็นอาจารย์สอนวิชาวิทยาศาสตร์ที่วิทยาลัยเทคนิคนราธิวาส โดยถูกกระสุนปืนของคนร้ายที่บริเวณท้องน้อย 1 นัด เหตุเกิดเมื่อเวลา 21.00 น.ของคืนวันที่ 1 ก.ย. 67 ซึ่งกล้องวงจรปิดที่ติดตั้งไว้ภายในร้านสามารถบันทึกพฤติกรรมของคนร้ายเอาไว้ได้ โดยคนร้ายใช้เวลาในการบุกจี้ชิงทรัพย์ ประมาณ 2 นาที ก่อนหลบหนีคนร้ายได้ใช้อาวุธปืนยิงผู้ได้รับบาดเจ็บ 2 ราย คนละ 2 นัด

1725254841333

ตรวจสอบที่เกิดเหตุ พบกองเลือดจำนวนหนึ่ง ตกอยู่ที่พื้นข้างถังพลาสติกสีส้มและสีน้ำเงินที่ใช้บรรจุน้ำแข็งตรงประตูทางเข้า ซึ่งจุดนี้กล้องวงจรปิดที่ติดตั้งไว้ภายในร้านสามารถบันทึกพฤติกรรมของ 1 ใน 2 คนร้ายเอาไว้ได้

โดยระบุในวงจรปิดเวลา 21.01 น. ในระหว่างที่ น.ส.สุดารัตน์ กำลังจัดสินค้าอยู่ที่บริเวณภายในร้าน ได้มีคนร้าย 1 คน แต่งกายสวมใส่เสื้อยืดแขนยาวสีดำ สวมกางเกงขาสั้นสีดำ พร้อมสวมหมวกสีดำคลุมศีรษะและใส่ถุงมือสีขาว โดยเหน็บอาวุธปืนพกไว้ที่บริเวณเอว เมื่อเดินเข้ามาภายในร้าน คนร้ายได้ใช้มือขวาหยิบเอาอาวุธปืนที่เหน็บเอว ออกมาจี้ น.ส.ปวีณา ที่ยืนอยู่ที่เคาน์เตอร์เพื่อขอเงิน โดย น.ส.สุดารัตน์ พยายามพูดกับคนร้ายว่าเงินสดที่ขายของภายในร้านวันนี้ เถ้าแก่เดินทางมารับไปแล้ว และพยายามพูดหว่านล้อมให้คนร้ายพยายามอย่าทำร้ายร่างกายด้วยการใช้อาวุธปืนยิง เนื่องจากภายในร้ายได้ติดตั้งกล้องวงจรปิด เมื่อ น.ส.ปวีณา ที่ยืนอยู่ที่เคาน์เตอร์ได้หยิบเงินสด 200 บาทให้กับคนร้ายไป ก่อนเดินออกจากร้านคนร้ายได้ใช้อาวุธปืนยิงใส่ น.ส.ปวีณา ที่ยืนอยู่ที่เคาน์เตอร์ 2 นัด ถูกที่บริเวณหน้าอกซ้าย และหันอาวุธปืนมายิงใส่ น.ส.สุดารัตน์ 2 นัด ที่พยายามพูดหว่านล้อมคนร้าย ถูกที่บริเวณท้องน้อยแล้วคนร้ายได้เดินออกจากร้านไป
ต่อมาเมื่อ น.ส.ปวีณา ซึ่งยืนอยู่ที่เคาน์เตอร์ถูกกระสุนปืนของคนร้ายได้เดินเอามือกุมที่บริเวณบาดแผล เดินไปที่บริเวณหน้าร้านเพื่อดูคนร้ายที่กำลังหลบหนี

1725254892916

ส่วน น.ส.สุดารัตน์ ที่อยู่ภายในร้านได้ตะโกนเรียกขอความช่วยเหลือพลเมืองดี ซึ่งเจ้าหน้าที่มูลนิธิเมตตาธรรม ได้มารับตัวผู้บาดเจ็บทั้ง 2 ราย ส่งรักษาที่โรงพยาบาลกัลยาณิวัฒนาการุณย์

 1725260305427

ต่อมาเจ้าหน้าที่ได้เดินทางตรวจสอบจุดที่ 2 ซึ่งเป็นร้านขายของชำชื่อ ซัซซูวานี  ตั้งอยู่ในพื้นที่ บ้านฮูแตทูวอ ม.4 ต.โคกเคียน อ.เมือง จ.นราธิวาส ซึ่งเป็นบ้านไม้ 2 ชั้น ได้ต่อเติมดัดแปลงเป็นเพิงขายสินค้า มี น.ส.อาตีกะ อายุ 32 ปี เป็นเจ้าของ
1725260352167

จากการตรวจสอบพบว่าที่บริเวณฝาผนังภายในร้านถูกกระสุนปืนของคนร้าย 2 นัด และพบปลอกกระสุนปืนพก ขนาด 9 ม.ม.ของคนร้าย 2 ปลอก ตกอยู่ที่บริเวณพื้นหน้าร้าน เจ้าหน้าที่จึงได้เก็บรวบรวมไว้เป็นหลักฐาน

1725260383198

สอบสวนทราบว่าในขณะที่ น.ส.อาตีกะ กำลังดูสามีติดกรอบรูปที่บริเวณฝาผนังภายในร้าน ได้มีคนร้าย 1 คน ซึ่งแต่งกายเหมือนกันจุดแรก เดินเข้าไปในร้านมือขวาถืออาวุธปืนพก ซึ่งลูกสาวอายุ 14 ปี ที่นั่งอยู่ที่โต๊ะเก็บเงินภายในร้าน เมื่อลูกสาวพบเห็นคนร้ายตกใจจึงได้วิ่งไปบอกพ่อ ที่กำลังติดกรอบรูปอยู่ที่บริเวณฝาผนัง

จากนั้นพ่อได้วิ่งออกมาดูพบคนร้าย เกิดตกใจมือขวาที่ถือกรอบรูปได้เอาขว้างใส่คนร้าย พร้อมตะโกนขู่คนร้ายพร้อมบอกให้ภรรยาไปหยิบอาวุธปืน คนร้ายได้ยินดังนั้นเกิดความกลัวได้วิ่งออกไปจากร้าน พร้อมใช้อาวุธปืนพกยิงใส่เข้าไปในร้าน 2 นัด ถูกที่บริเวณกำแพงและสินค้าภายในร้ายได้รับความเสียหาย ก่อนที่คนร้ายจะวิ่งออกจากร้านไป โดยขี่รถ จยย.หลบหนีออกไปอย่างรวดเร็ว โดยที่ไม่ได้ทรัพย์สินไปแต่อย่างใด

เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเจ้าหน้าที่เชื่อว่า คนร้ายที่ก่อเหตุทั้ง 2 จุด เป็นคนร้ายคนเดียวกัน เพื่อก่อเหตุเพื่อต้องการชิงทรัพย์จากผู้เสียหาย ซึ่งล่าสุดเจ้าหน้าที่ได้นำภาพวงจรปิดที่บันทึกพฤติกรรมของคนร้ายเอาไว้ได้ ไปทำการตรวจสอบ รวมทั้งได้มีการไล่กล้องวงจรปิดที่ติดตั้งไว้บนเสาไฟฟ้าและบริเวณจุดตรวจ ที่มุ่งสู่ร้านขายของชำทั้ง 2 ร้าน ในการติดตามตัวคนร้ายมาดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

                                 

advertisement

advertisement

ข่าวยอดนิยม

ข่าวทั่วไป เป็นกระแส