“ศิริกัญญา” ไม่แปลกใจรบ. แจกเงินสด 1 หมื่นบาทผ่านบัตรสวัสดิการแห่งรัฐให้กลุ่มเปราะบาง เหตุต้องเร่งใช้เงินงบให้ทัน 30 ก.ย. จี้นายกฯ “รีบๆ แถลงนโยบาย
ที่รัฐสภา นางสาวศิริกัญญา ตันสกุล สส. บัญชีรายชื่อพรรคประชาชน กล่าวถึงกรณีกระแสข่าวการเปลี่ยนเงื่อนไขรับเงินดิจิทัลวอลเลต โดยจะมีการให้รับเงินสดก่อน โดยเฉพาะกลุ่มเปราะบาง โดยผ่านช่องทางของบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ว่า ต้องรอการยืนยันจากทางคณะรัฐมนตรีชุดใหม่ ผ่านการแถลงนโยบายต่อที่ประชุมรัฐสภา ซึ่งถือเป็นทางออกที่มีการพูดคุยมาสักพักแล้ว เนื่องจากเป็นการใช้งบประมาณเพิ่มเติมปี 2567 ซึ่งต้องใช้ให้หมดภายใน วันที่ 30 เดือนกันยายน 2567 ถือเป็นทางออกเดียวที่จะใช้งบประมาณดังกล่าวนี้ 122,000 ล้านบาท และบวกกับงบกลางอีกบางส่วนได้ จึงถือว่าไม่ใช่เรื่องที่น่าแปลกใจเท่าไหร่ ที่รัฐบาลจะเลือกใช้แนวทางนี้
เมื่อถามว่าจะสามารถกระตุ้นเศรษฐกิจได้จริงหรือไม่นั้น นางสาวศิริกัญญา ระบุว่า หากเม็ดเงินที่ใส่ลงไปในระบบน้อยลงผลของการกระตุ้นจะน้อยลงตามไป ซึ่งตนมองว่ากลุ่มเปราะบางมีผลต่อการใช้จ่ายมากกว่าคนที่มีรายได้ เพราะได้รับเท่าไหร่ก็ใช้หมด ส่วนผู้มีรายได้มากจะใช้บางส่วนและเก็บบางส่วน จึงมีผลกระทบต่อเศรษฐกิจ 1 บาท มากกว่าในกรณีที่จ่ายทุกคน หรือจ่ายกลุ่มคนรวย พร้อมระบุด้วยว่าเมื่อวงเงินน้อยลงก็จะส่งผลต่อระบบเศรษฐกิจน้อยลงตามไปด้วย แต่ยังไม่ทราบว่าท้ายที่สุดแล้วเงินงบปี 2568 จะถูกนำมาใช้กับโครงการดิจิทัลวอลเลทในรูปแบบใด
นางสาวศิริกัญญา ยังแสดงความคิดเห็นว่า สิ่งหนึ่งที่ตนเห็นด้วยคือ จำเป็นต้องมีการกระตุ้นเศรษฐกิจ หากต้องรอถึงไตรมาส 4 หรือไตรมาส 1 ปี 2568 สามารถทำให้ระบบการชำระเงินแล้วเสร็จได้อาจจะทำให้เกิดความล่าช้าเกินควร ใช้จากการดำเนินการดำเนินการในโครงการลักษณะดังกล่าวอาจจะเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจในระยะสั้นได้โดยที่ไม่ต้องรอ
ส่วนการกลับมาใช้บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ แต่กลับทำแอปพลิเคชั่นขึ้นมาใหม่ “ทางรัฐ” นางสาวศิริกัญญา มองว่า แอปพลิเคชั่นที่ทำมาใหม่หรือระบบชำระเงินต่างๆ ทำไว้เพื่อรองรับสำหรับ 50 ล้านคน สำหรับผู้ที่มีสิทธิ์รับเงินในโครงการฯ แต่หากเหตุผลที่และความจำเป็นของแหล่งเงินไปทางนั้นไม่ได้จริงๆ ต้องยอมรับและหาทางออก แต่แอปฯ “ทางรัฐ” ยังสามารถใช้ได้อีกหลายกรรมหลายวาระคงไม่สูญเปล่า พร้อมย้ำว่าระบบชำระเงินต้องให้คณะรัฐมนตรีชุดใหม่มายืนยัน และยอมรับว่าขณะนี้ความไม่แน่นอนนั้นมีอยู่สูงมากในโครงการดังกล่าวนี้ แต่ไม่ใช่เพียงแค่การแจกเงินสดให้กลุ่มเปราะบาง แต่ กรรมาธิการงบประมาณฯ กำลังจะมีการลงมติเพื่อเปลี่ยนแปลงงบประมาณ 35,000 ล้าน เพื่อนำไปใส่ในโครงการดิจิทัลวอลเลต โดยตัดงบประมาณชำระหนี้ ทั้งของธนาคารธกส. ธนาคารออมสิน ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย (ธสน.) หรือ EXIM Bank และธนาคารธอส. และหากจำกันได้เขาบอกว่าจะใช้การบริหารจัดการงบประมาณปี 2568 อีก 1.3 แสนล้านบาท โดยตนยืนยันว่าไม่เห็นด้วย กับการตัดลดงบชำระหนี้ ของธนาคารรัฐ เพราะเงินส่วนนี้ต้องใช้ชำระหนี้ในโอกาสแรก ตามม.28 ของพ.ร.บ. วินัยการเงินการคลัง ซึ่งเราติดหนี้ธนาคารรัฐมาอย่างยาวนาน เช่น หนี้ธกส. ตั้งแต่ปี 2554 ในโครงการรับจำนำข้าว ที่ยังไม่ได้มีการชำระคืน ซึ่งในช่วงบ่ายวันนี้จะมีการโหวต
ภายหลังจากการสัมภาษณ์ ผู้สื่อข่าวสอบถามนางสาวศิริกัญญา ว่า มีอะไรอยากจะฝากนางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีหรือไม่ นางสาวศิริกัญญา กล่าวว่า “ก็รีบๆ แถลงนโยบายค่ะ เพื่อให้ความไม่แน่นอนมันจบลง เดี๋ยวก็มีข่าวลืออะไรเข้ามาเยอะแยะ งบประมาณก็จะเอาทั้งปี 67-68 ทุกอย่างมันอยู่ในภาวะชะงักชะงันกันหมด เพราะเรายังไม่รู้นโยบายใหม่ของรัฐบาลจะเป็นอย่างไร เดี๋ยวก็จะถอย เดี๋ยวก็จะเดินหน้า เรางงกันไปหมดแล้ว ก็รีบๆมาแถลงนโยบายที่สภาฯค่ะ จะได้เกิดความชัดเจน”