"แนท อนิพรณ์ " รับโรคระบาดโควิด-19 ทำให้ชวดงานเดินแบบ มูลค่ากว่าแสนบาท

4 มี.ค. 63

 "แนท อนิพรณ์ " รับโรคระบาดโควิด-19 ทำให้ชวดงานเดินแบบ มูลค่ากว่าแสนบาท

เตือนสติสังคมอย่าพลิกวิกฤติเป็นโอกาส ปมขึ้นราคาหน้ากากอนามัย

  ยังกระทบอย่างต่อเนื่องเป็นรายวันเลยก็ว่าได้ สำหรับโรคระบาดไวรัสโควิด-19  โดยโรคระบาดนั้นส่งผลให้งานในบันเทิงต้องหยุดชะงักชั่วคราวเลยทีเดียว  ดูได้จากที่อีเว้นท์วันหนึ่งจะต้องมีดาราออกงานกันอย่างคึกคัก แต่ตอนนี้เหงาหงอยแบบเงียบกริบ เช่นเดียวกับนักแสดงสาวสวยพ่วงดีกรีนางงาม อย่าง " แนท อนิพรณ์" ที่ช่วงนี้เหมือนว่าจะได้รับผลกระทบในเรื่องของงานเดินแบบ เพราะหลายงานต่างยกเลิกกันเป็นระนาววันนี้เราได้มีโอกาสเจอกับ "สาวแนท อนิพรณ์" เลยต้องสอบถามถึงเรื่องงานในช่วงนี้ โดยเจ้าตัวเล่าให้ฟังว่า สำหรับผลกระทบจากโรคระบาดในขณะนี้ ส่วนตัวเข้าใจกับสิ่งที่เกิดขึ้น ยอมรับว่าส่งผลกระทบต่องานและเรื่องส่วนตัว ซึ่งไม่ใช่เป็นแค่ตนเพียงคนเดียว เพราะจากการสอบถามคนในวงการบันเทิงก็ล้วนเจอกันหมด แต่ในส่วนตนนั้นก็โดนเรื่องของงานเดินแบบที่ต้องเเคนเชิลไปกว่า 15 โชว์ ตีเป็นเงินเกือบแสน ยอมรับว่าเสียดายแต่แลกกับสุขภาพก็ต้องยอม ในส่วนของการรับปริญญาจากเดิมที่มีแพลนในช่วงเดือนเมษายนนี้ก็ ก็ไม่ทราบว่าจะมีการเลื่อนออกไปหรือไม่ แต่หากเลื่อนไปก็คงไม่มีปัญหาอะไร เพราะความรู้เราก็ยังคงอยู่ เผยคุณตาดีใจจนตัดชุดรอแล้วในส่วนเรื่องของหน้ากากอนามัยที่ตอนนี้กำลังเป็นปัญหาขาดแคลน ส่วนตัวไม่มีปัญหาในเรื่องนั้น เพราะปกติก่อนที่โรคจะระบาดเราก็เป็นคนลอบใส่หน้าอนามัยอยู่แล้ว เลยชื้อมาไว้ที่บ้านไว้เยอะ แต่กังวลกับเรื่องราคาที่สูงในขนาดนี้เพราะสงสารคนที่มีรายได้น้อย ต้องมาแบกรับอะไรที่ไม่ยุติธรรมจากการฉวยโอกาสจากกลุ่มคนบางคน

ไวรัสโควิด-19 รุนแรงจนกระทบงานเราเหมือนกันใช่ไหม?

“ใช่ค่ะ ไม่ใช่แค่เราคนเดียว อย่างคนที่รู้จักหลายคนก็มีการถูกเลื่อนงานไปก่อน ตัวเราก็โดนประมาณหนึ่งเพราะว่าเป็นนางแบบ ช่วงต้นปีจะมี Bangkok International Fashion Week อยู่แล้ว ตอนนี้ก็โดนยกโชว์ทั้งหมดประมาณ 15 โชว์     ตีเป็นเงินประมาณ 100,000 บาท ถามว่าเสียดายมั้ย คือตอนแรกไม่คิดเลยด้วยซ้ำว่ามันจะถูกยก แต่พอยกก็รู้สึกว่ามันก็ไม่ได้เสียดายขนาดนั้น ความที่ช่วงนี้เสพข่าวเกี่ยวกับโคโรน่าเยอะมาก ยิ่งเห็นว่ามันระบาดเยอะ เลยป้องกันไว้ดีกว่า”

กลัวเป็นโรคมากกว่าอยากได้เงินใช่ไหม?

“ใช่ค่ะ เรื่องสุขภาพต่อให้เรามีเงินเป็นแสนก็ซื้อไม่ได้ อันนี้ก็เซฟตัวเองไว้ดีกว่า”

แล้วกับงานอีเวนต์กระทบบ้างไหม?

“อีเวนต์น่าจะกระทบกับแสดงคนอื่นมากกว่า เพราะวันก่อนไปออกกำลังกายที่ยิมก็เจอนักแสดงหลายท่าน หนูก็ถามว่าทำไมวันนี้มาออกกำลังอยู่ได้ทั้งวัน ปกติคิวฮอต เขาก็บอกว่าพอดีอีเวนต์ยกไป 3-4 งาน เลยรู้สึกว่ากระทบหลายฝ่ายเหมือนกัน แต่ของแนทจะหนักไปทางแฟชั่นโชว์มากกว่า”

ทุกวันนี้ต้องไปเจอผู้คน ระแวดระวังยังไง?

“ปกติส่วนตัวเป็นคนชอบใส่หมวกใส่มาสก์อยู่แล้ว ป้องกันมานานแล้ว ส่วนหนึ่งเป็นเพราะว่าเราไม่ได้แต่งหน้า ตอนนี้หลายคนมีปัญหามาสก์ขาดแคลน แนทอ่ะไม่ขาดเพราะว่าซื้อตุนเอาไว้เยอะมาก ใช้อยู่ตลอด 2-3 เดือนที่ผ่านมาคือมีอยู่แล้ว แต่ว่าตอนนี้ก็เริ่มหมดแล้วเหมือนกัน”

ช็อกไหมที่เห็นราคามาสก์พุ่งขึ้นไปสูงขนาดนั้น?

“ช็อกมั้ย คือจะพูดยังไงดีล่ะ แต่ล่าสุดเห็นข่าวที่เอามาสก์ใช้แล้วมาซักและเอาไปขายใหม่ หนูว่าสถานการณ์มันเลวร้ายแล้วนะ แต่คนเรายิ่งทำให้มันเลวร้ายลงไปกว่าเดิม ดังนั้นสมมุติถ้าเกิดอะไรขึ้นมันร้ายแรงขึ้นจริงๆ ยังไงเราก็รับมือไม่ไหว มันไม่ใช่เพราะว่าอันนั้นไม่ดีอันนี้ไม่ดี แต่เป็นเพราะว่าไม่มีการจัดการและเห็นแก่ตัวมากเกินไป ไม่นึกถึงคนอื่นเลย เห็นข่าวนี้แล้วก็รู้สึกแย่ แล้วก็สงสารบางคนที่กว่าจะเอาเงินมาซื้อมาสก์ได้ ถ้าเราหาเงินได้วันละ 350 บาท ซื้อมาสก์ 100 บาท ให้ลูกไปโรงเรียน 100 บาท ไหนจะต้องจ่ายค่าข้าวค่าน้ำค่าไฟอีก แล้วได้มาสก์ปลอมมาหนูว่ามันไม่แฟร์เลย คำว่าพลิกวิกฤตให้เป็นโอกาสมันอาจจะใช้ไม่ได้กับสถานการณ์นี้ ในสถานการณ์นี้คุณก็ต้องขายให้มันได้ในราคาที่ยุติธรรมและเท่าเทียม เพื่อที่คนอื่นเขาสามารถป้องกันตัวเองได้ด้วย”

เห็นว่าลุ้นด้วยว่าจะได้รับปริญญาไหม?

“ใช่ค่ะ คือจริงๆ แนทจบธรรมศาสตร์มาได้สักพักแล้ว แล้วก็เพิ่งมีกำหนดการรับปริญญาออกมาประมาณวันที่ 10 เมษายนนี้ แต่ว่ามีข่าวเรื่องโคโรน่าก็ไม่แน่ใจว่าจะเลื่อนมั้ยเพราะจริงๆ การรับปริญญาเป็นงานที่หลายคนมารวมกัน ไม่แน่ใจว่าทางมหาวิทยาลัยจะมีการป้องกันมั้ย หรือว่าเลื่อนมั้ย จริงๆ ทุกวันนี้ก็เกาะติดในเพจของเรียนจบมธ.อยู่แล้วค่ะ ถ้าสมมุติว่าจะมีการเลื่อนอีกหนูก็ไม่ได้มีปัญหาอะไร เพราะสุดท้ายคือเราเรียนได้ความรู้มาแล้วถือว่าโอเคแล้ว”

เห็นว่าคุณตาตัดชุดรอแล้ว?

“พอกำหนดการออกหนูก็ตัดชุดรอเลย เพราะคุณตาแกก็อยากไปงานรับปริญญา เขาก็แฮปปี้เพราะว่าพี่นิต้า(อนิพรรณ)รับไปแล้ว เหลือหนูซึ่งเขาก็รู้สึกว่าจะร่อแร่ แต่พอเรียนจบปุ๊บแกก็เฮ! ดีใจด้วย ตอนนั้นคืออยู่ในภาวะเฝ้าระวังว่าจะจบมั้ย คณะสังคมสงเคราะห์มันทำงานกับคน ดังนั้นหนูไม่อยากล้อเล่นกับชีวิตของคน เลยดร็อปการทำงานไปช่วงหนึ่งเพื่อไปเรียนให้จบ ซึ่งก็จบแล้วค่ะ”

advertisement

คุณอาจสนใจข่าวนี้

ข่าวยอดนิยม

ข่าวบันเทิง เป็นกระแส