จากคดีสะเทือนขวัญ “น้องพลอย”
น.ส.พลอยนรินทร์ ผลิผล อายุ 28 ปี หายตัวไปอย่างลึกลับตั้งแต่ปี 2557 ซึ่งครอบครัวพยายามตามหากระทั่ง
นายวิชา ผลิผล และนางพัชรี ปั้นทอง อายุ 51 ปี พ่อแม่น้องพลอยเข้ายื่นหนังสือร้องต่อ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เพื่อให้เร่งรัดติดตามจับกุมคนที่ลักพาตัวลูกสาวไป ซึ่งตำรวจจึงรื้อคดีนี้ขึ้นมาสอบสวนอีกครั้ง กระทั่งพบผู้ต้องสงสัยคือ
ส.อ.พลกฤต วิเศษ อดีตแฟนผู้อุ้มตัวและพาน้องพลอยหายไป จนกระทั่งเจ้าหน้าที่สามารถจับกุมตัวสิบเอกรายนี้ได้และมีการรับสารภาพว่าได้ก่อเหตุฆ่า น.ส.พลอยนรินทร์ พร้อมพยายามอำพรางศพแล้วในพื้นที่แก่งคอย จ.สระบุรี ตั้งแต่เดือนพ.ค.2557
ล่าสุด วันนี้ (15 ส.ค.) ทีมข่าวลงพื้นที่บริเวณบริษัทแห่งหนึ่ง บริเวณ ถ.ท่าเรือ-ท่าลาน หมู่ที่ 7 ต.จำปา อ.ท่าเรือ จ.พระนครศรีอยุธยา จุดสุดท้ายที่ น.ส.พลอยนรินทร์ หายตัวไป ห่างจากด้านหน้าบริษัทประมาณ 50 เมตร จากการสำรวจพื้นที่พบว่าจุดเกิดเหตุไม่มีกล้องวงจรปิด จากการสอบถามชาวบ้านระบุว่า จุดที่น้องพลอยถูกอุ้ม คือบริเวณหน้าร้านอาหารตรงปากซอย ซึ่งเมื่อ 3 ปีที่แล้วเป็นพื้นที่รกร้าง
จากการสอบถาม
นายบี (นามสมมติ) รุ่นพี่ในที่ทำงาน เผยว่า เมื่อวันที่ 21 พ.ค. 2557 น้องพลอยก็มาทำงานปกติ ในวันดังกล่าวน้องพลอยเลิกงานเวลาประมาณ 20.00 น.เพราะมีการประชุมประจำสัปดาห์ เมื่อเลิกงานก็ยังเห็นว่าน้องโทรศัพท์ให้แม่เตรียมข้าวไว้ให้ ซึ่งตนก็ดูไม่ออกว่าน้องจะมีปัญหาอะไรหรือไม่ เพราะน้องไม่ค่อยนำเรื่องส่วนตัวมาร่วมกับงาน แต่น้องเป็นน่ารัก นิสัยดี หลังจากทราบเรื่องว่าน้องหายตัวไป ทุกคนก็ช่วยตามหาแต่ไม่พบ
นายบี บอกอีกว่า น.ส.พลอยนรินทร์ เพิ่งย้ายมาที่โรงงานแห่งนี้ไม่ถึง 2 เดือน ทำให้น้องยังไม่มีเพื่อนร่วมงานที่สนิทมาก ส่วนตัวมาทราบข่าวว่าน้องเสียชีวิตก็ไม่คิดว่าจะมาเกิดเรื่องลักษณะนี้จนถึงชีวิต
ทีมข่าวยังได้พบกับ
นางจินดา อารีรักษ์ วัย 65 ปี แม่ค้าขายอาหารตามสั่งตรงข้ามโรงงานที่ น.ส.พลอยนรินทร์ ทำงาน ระบุว่า น้องพลอยเคยมาซื้ออาหารที่ร้านตนบ่อยครั้ง แต่วันเกิดเรื่องตนก็ไม่ทราบว่าน้องพลอยประสบเหตุตามข่าว จนวันรุ่งขึ้นถึงมาทราบเรื่องจากคนย่านนี้ว่ามีคนถูกอุ้ม
โดยนางจินดา ระบุว่า น้องพลอยเป็นคนเรียบร้อย พูดเสียงเบา แม่น้องพลอยยังเคยแซวตนว่าน้องพลอยน่าจะเป็นลูกตนมากกว่า เนื่องจากมีลักษณะการพูดที่คล้ายกัน พอได้ยินข่าวก็ตกใจ ระหว่างที่เล่าเรื่องให้ทีมข่าวฟังนางจินดามีอาหารน้ำตาคลอ พร้อมบอกว่าส่วนตัวรู้สึกใจหาย รู้สึกสงสารทั้งแม่และผู้ตาย คิดว่าเป็นเรื่องที่น่าสลดใจเป็นอย่างมาก
ส่วนร้านเกมในพื้นที่ ที่ระบุว่ามีกล้องวงจรปิดสามารถจับภาพคนร้านได้ รวมถึงเจ้าของร้านก็ได้ยินเสียงคนทะเลาะกันในวันเกิด โดยทางด้าน น
.ส.รสิกากานต์ กรีประทุม เจ้าของร้าน เผยว่า ในวันเกิดเหตุยอมรับว่าตัวเองอยู่ภายในร้าน แต่ตนไม่ได้ยินเสียงใครทะเลาะกัน เพราะด้านในเป็นห้องกระจกจึงไม่ได้ยินอะไร แต่ตนมาทราบเรื่องช่วงเช้า เพราะมีคนมาขอดูภาพจากกล้องวงจรปิดที่หน้าร้าน แต่ไม่พบอะไร เนื่องจากกล้องตนมีเพียงตัวเดียว และมีกำแพงทึบ ส่วนใหญ่จะเห็นเพียงบรรยากาศที่หน้าร้านเท่านั้น