"บิ๊กแดง" เสียงเครือ พร้อมรับเสียงด่าจากประชาชน

11 ก.พ. 63
"บิ๊กแดง" น้ำตาคลอ ระหว่างหการแถลงข่าวตอนหนึ่ง เมื่อกล่าวถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น พร้อมระบุว่านาทีที่ จ.ส.อ.จักรพันธ์ ลั่นไกปืนฆ่าผู้บริสุทธิ์ เขาคืออาชญากร ไม่ใช่ทหารอีกต่อไปแล้ว พร้อมกล่าวคำขอโทษ และเสียใจ ต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เมื่อเวลาประมาณ 09.00 น. ที่กองบัญชาการกองทัพบก (บก.ทบ.) ถ.ราชดำเนิน พล.อ.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ ผู้บัญชาการทหารบก เปิดไมค์เดี่ยว แถลงกรณี จ.ส.อ.จักรพันธ์ ถมมา ผู้บังคับหมู่ปืนเล็ก หมวดรักษาการณ์ กองพันสรรพาวุธกระสุนที่ 22 กองบัญชาการช่วยรบที่ 2 ก่อเหตุชิงอาวุธปืน และกระสุน จากป้อมรักษาการณ์ภายในหน่วยนำไปใช้ก่อเหตุร้ายเจ้าหน้าที่ และประชาชนผู้บริสุทธิ์ในพื้นที่ จ.นครราชสีมา จนทำให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บ และเสียชีวิตเป็นจำนวนมาก เมื่อวันที่ 8 กุมภาพันธ์ ที่ผ่านมา ทั้งนี้ "บิ๊กแดง" ได้ ระบุว่า ตนในฐานะผู้บัญชาการกองทัพบก ต้องขอโทษ และแสดงความเสียใจอย่างสุดซึ้ง ต่อเหตุการณ์นี้ ขอแสดงความเสียใจต่อครอบครัวของประชาชน และข้าราชการ ที่ต้องเสียชีวิตขณะปฏิบัติหน้าที่ และเสียใจกับประชาชน ที่เสียชีวิต และบาดเจ็บจำนวนมาก วอนอย่าด่าทหารหรือกองทัพบก หากอยากจะด่าก็ให้ด่าตนในฐานะผู้บัญชาการทหารบก ตนน้อมรับคำตำหนิทุกอย่าง แม้จะเหลือเวลาในการรับราชการอีกเพียงไม่กี่เดือน แต่ก็จะพยายามพัฒนาปรับปรุงกองทัพบกให้ดียิ่งขึ้น และจะอยู่จนถึงการส่งมอบธงให้กับผู้บัญชาการทหารบกคนต่อไป พล.อ.อภิรัชต์ ยังชี้แจงลำดับเหตุการณ์เพื่อให้เกิดความเข้าใจที่ถูกต้อง หลังจากก่อเหตุฆ่า ในการปล้นปืนนั้น จ.ส.อ.จักรพันธ์ ได้เข้ามาที่ป้อมในค่ายก่อน จี้เอาปืน ไม่ได้ยิงเพราะกลัวทหารรักษาการณ์ได้ยิน และบรรจุกระสุน จากนั้นจึงไปที่ป้อมรักษาการณ์ยิงทหารเสียชีวิต ก่อนจะใช้ปืนลูกซองอานุภาพร้ายแรง ยิงทำลายกุญแจคลังอาวุธ เอาปืน เอชเค 33 และ ปืนกล เอ็ม 60 ที่เก็บในคลังเอาไปอย่างละกระบอก ยิงกราดใส่พลทหาร บาดเจ็บสองนาย ก่อนจะขับรถส่วนตัว เข้าไปกองบังคับการกองพันเข้าไปด้านหลัง ตอนนั้นทหารภายในเริ่มทราบ เริ่มรู้ ได้ยินเสียงปืนหลังจากนั้น จ.ส.อ.จักรพันธ์ ได้ไปขโมยรถ ซึ่งไม่ใช่รถฮัมวีแบบที่สื่อมวลชนเข้าใจ แต่เป็นรถจี๊ปดัดแปลง หรือ เอ็ม 51 ก่อนออกไปจากค่ายทหาร “สำหรับสาเหตุเพราะไม่ได้รับความเป็นธรรมจากเครือญาติ ซึ่งผู้ก่อเหตุและคู่กรณีซึ่งเป็นผู้บังคับบัญชาและเครือญาติ ได้มีการซื้อขายที่ดิน เกิดการผิดสัญญากันในเรื่องผลตอบแทน โดยในรายละเอียดจะต้องไปสืบต่อว่ามีใครที่เกี่ยวข้อง ในระดับผู้บังคับบัญชาที่ยังเกี่ยวข้องอยู่บ้าง เมื่อผิดสัญญา จึงเกิดแรงจูงใจในการก่อเหตุ แต่ ณ วินาทีที่ผู้ก่อเหตุได้สังหาร ลั่นไกใส่คู่กรณี ณ วันนั้น ณ นาทีนั้น เขาคืออาชญากร ไม่ใช่ทหารอีกต่อไปแล้ว” ทั้งนี้ ตลอดระยะเวลาการแถลงข่าว มีน้ำเสียงสั่นเครือ พร้อมเปิดเผยว่า กองทัพบกพร้อมรับผิดชอบ ตามมาตรฐานสูงสุด ทั้งต่อผู้เสียหาย ทหารตำรวจ ประชาชนทั่วไป อ้าแขนรับผู้เสียหาย และผู้บาดเจ็บ จากกรณีดังกล่าว ทำงานในกองทัพ ซึ่งหากขาดโอกาสในการทำงาน แต่ไม่ลาออกจากตำแหน่งผู้บัญชาการทหารบก ขออยู่พัฒนากองทัพ จนเกษียณอายุราชการอีก 7 เดือน ในช่วงหนึ่ง ผู้สื่อข่าวได้ถามว่าในฐานะผู้บัญชาการทหารบกจะรับผิดชอบในกรณีนี้อย่างไร พล.อ.อภิรัชต์ ระบุว่านี่ไม่ใช่ความผิดพลาดด้านปฏิบัติการทางทหาร เป็นความบาดหมางส่วนตัว กองทัพบกได้แสดงความรับผิดชอบต่อทหารที่เสียชีวิตตามมาตรฐาน อย่างสมเกียรติ และกองทัพบกยินดีรับทายาทของผู้เสียชีวิตเข้ารับราชการทหารตามคุณวุฒิอย่างไม่มีข้อแม้

advertisement

คุณอาจสนใจข่าวนี้

ข่าวยอดนิยม

ข่าวที่ได้รับความสนใจ