ภาครัฐส่ง จนท.เข้าเยียวยาจิตใจครอบครัว "จ่ากราดยิง"

10 ก.พ. 63
เจ้าหน้าที่จากภาครัฐ เข้าปรับสภาพอารมณ์ของครอบครัวจ่าทหารที่ก่อเหตุกราดยิง แต่ไร้เสียงตอบรับ ยังคงปิดบ้านเงียบ เมื่อช่วงบ่ายวานนี้ (9 ก.พ.) เจ้าหน้าที่จากสำนักงานพัฒนาสังคม และความมั่นคงของมนุษย์จังหวัดชัยภูมิ และเจ้าหน้าที่จากกรมสุขภาพจิตจังหวัดชัยภูมิ เดินทางมาขอพบญาติ ๆ ของ จ่าสิบเอกจักรพันธ์ ถมมา มือปืนที่ก่อเหตุกราดยิงในพื้นที่จังหวัดนครราชสีมา เพื่อสอบประวัติภูมิหลัง ของสมาชิกในครอบครัวแต่ละคน และออกแบบมาตรการในการช่วยเหลือ ให้สามารถอยู่ร่วมกับสังคมได้อย่างปกติสุขเหมือนเดิม แต่เจ้าหน้าที่ทุกคนก็ต้องพบกับความผิดหวัง เนื่องจากสมาชิกในครอบครัวของ จ่าสิบเอกจักรพันธ์ ต่างเก็บตัวเงียบอยู่ภายในบ้าน พร้อมปิดประตูหน้าต่าง และประตูหน้าบ้านอย่างแน่นหนา มีเพียงสุนัขคู่กายของจ่าสิบเอกจักรพันธ์ ที่คอยเห่าต้อนรับแขกอยู่หน้าบ้านเหมือนทุกวันที่ผ่านมา ส่วนบรรยากาศโดยทั่วไป คนในชุมชนต่างอยู่ภายในบ้านและไม่ขอให้สัมภาษณ์ใด ๆ โดยนางทิพวรรณ ตันสุริยวงค์ รักษาการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ จังหวัดชัยภูมิ ยอมรับว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในครั้งนี้ เป็นเหตุการณ์สะเทือนขวัญที่ไม่มีใครอยากให้เกิด แม้กระทั้งสมาชิกในครอบครัวของผู้ก่อเหตุ ดังนั้นเวลานี้นอกจากครอบครัวของผู้ที่ถูกยิงจนเสียชีวิตที่น่าสงสารแล้ว ยังมีครอบครัวของผู้ก่อเหตุ ที่ไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง แต่พลอยได้รับผลกระทบไปด้วย ดังนั้นการเข้ามาช่วยเหลือของภาครัฐในครั้งนี้ จะเน้นไปที่เรื่องของการดูแลด้านจิตใจ และความจำเป็นพื้นฐานบางอย่างเนื่องจาก จ่าสิบเอกจักรพันธ์ เป็นคนเดียวที่เป็นเสาหลักของครอบครัว ต้องดูแลคนในครอบครัวถึง 3 ชีวิต และทุกคนก็ล้วนแต่เป็นผู้ชราแล้ว โดยเฉพาะแม่ของจ่าสิบเอกจักรพันธ์ ที่ขณะนี้น่าจะยังอยู่ในสภาพที่รับไม่ได้กับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ด้านร้อยตำรวจเอก ประทีบ แก้วดี รองสารวัตรจราจร สภ.เมืองชัยภูมิ ในฐานะเพื่อนบ้านติดกันและเป็นเพื่อนสนิทกับผู้ก่อเหตุ ก็ออกมายอมรับว่า ครั้งแรกที่ทราบข่าวรู้สึกตกใจเป็นอย่างมาก เพราะคิดไม่ถึงว่าเพื่อนตนจะเป็นผู้ก่อเหตุร้ายแรงนี้ โดยเท่าที่รู้จักและคบกันมา เจ้าตัวเป็นคนรักสัตว์ จิตใจดีมีน้ำใจ เป็นคนพูดจาดี แต่จะเลือกคบเพื่อน และตลอดเวลาที่รู้จักกัน เขาไม่เคยโอ้อวดเรื่องอาวุธปืน และแสดงตนว่าเป็นคนชื่นชอบอาวุธปืนแต่อย่างใด ตรงข้ามทุกครั้งที่เดินทางกลับมาบ้านไม่เคยเห็นว่ามีอาการพกพาอาวุธปืนใด ๆ ทุกเช้าจะนำสุนัขคู่ใจออกมาเดินเล่นหน้าบ้าน ส่วนกรณีที่มีการวิสามัญ ตนมองในหลักวิชาการ คือตำรวจทำถูกต้องแล้ว เพราะหากไม่สามารถควบคุมสถานการณ์ได้ ก็ต้องหาทางยุติโดยเร็ว เพื่อไม่ให้เกิดการสูญเสียมากขึ้น โดยส่วนตัวตนห่วงคนที่อยู่ข้างหลังคือแม่และญาติ ๆ ของจ่าสิบเอกจักรพันธ์ ที่อยู่ในภาวะเครียด และรู้สึกว่าสังคมรอบข้างมองด้วยสายตาที่ไม่เป็นมิตรเท่านั้น

advertisement

คุณอาจสนใจข่าวนี้

ข่าวยอดนิยม

ข่าวที่ได้รับความสนใจ