หนุ่มใหญ่ปล่อยฟันผุเรื้อรัง สุดท้ายติดเชื้อรุนแรง หมอชี้เสี่ยงตาย ถ้ารักษาช้า

20 พ.ย. 62
วันที่ 20 พ.ย. 62 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เฟซบุ๊กชื่อ “Arak Wongworachat” ซึ่งเป็นเฟซบุ๊กส่วนตัวของ นพ.อารักษ์ วงศ์วรชาติ ผอ.รพ.สิชล จ.นครศรีธรรมราช ได้โพสต์ภาพการผ่าตัดพร้อมทั้งระบุข้อความว่า "#ฝีหนองเนื้อเยื่อใต้คางจากฟันผุเรื้อรัง #โรค Ludwig's angina #หายใจติดขัดต้องเจาะคอช่วยหายใจ #เหตุจากโรคฟันผุเหงือกอักเสบเรื้อรัง #ฟันผุอย่านิ่งนอนใจ"
ภาพจากเฟซบุ๊ก Arak Wongworachat
นพ.อารักษ์ ระบุข้อความในโพสต์ดังกล่าวอีกด้วยว่า "เหตุจากฟันผุ ทำให้ติดเชื้อรุนแรงจนลิ้นคับปากดันปิดทางเดินหายใจ เสี่ยงเสียชีวิตหากรักษาไม่ทันท่วงที ผู้ป่วยชายอายุ 40 ปี ฟันกรามผุเรื้อรังมานาน ไม่สนใจไปรักษา ปวดหาย ซื้อยาร้านยามากินเอง 7 วันก่อนมาโรงพยาบาล มีไข้ ปวดฟันกรามมาก ซื้อพลาสเตอร์ปิดลดปวดที่แก้ม เริ่มปวด บวมแดงร้อน ที่คาง ลามไปรอบคอด้านหน้า หน้าอกตอนบนอย่างรวดเร็ว ลิ้นจุกคับปาก กลืนน้ำลาย น้ำ อาหารไม่ลง อ่อนเพลีย เบื่ออาหาร ปวดเมื่อยตามตัวไปหมด 1 วันก่อนมาโรงพยาบาล ไข้หนาวสั่นมาก หายใจติดขัด จึงรีบมาโรงพยาบาล เข้าห้องฉุกเฉิน แพทย์อีอาร์ รีบให้สารน้ำแก้ภาวะขาดน้ำ งดน้ำ และอาหาร ช่วยหายใจ ให้ออกซิเจนทางจมูกพอหายใจเองได้เล็กน้อย ออกซิเจนในเลือดต่ำลง ให้ยาต้านเชื้อทางเส้นเลือด รีบส่งห้องผ่าตัดปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านหูคอจมูกเป็นการด่วน
ภาพจากเฟซบุ๊ก Arak Wongworachat
ลำดับแรกที่แพทย์ ทีมงานต้องทำคือการเจาะคอแบบฉุกเฉิน ช่วยหายใจให้ได้ก่อนเป็นการเร่งด่วน แล้วให้ยาสลบ ตามมาด้วยการผ่าฝีหนองออกเพื่อลดอาการบวม ได้หนองประมาณ 150 ซีซี หนองขังอยู่ในโพรงใต้คางและดันเข้าไปโพรงใต้ลิ้น ยกลิ้นขึ้นมาจนปิดช่องปาก ผู้ป่วยหลังผ่าตัดต้องใส่เครื่องช่วยหายใจ เข้ารักษาในห้องไอซียู 5 วัน จึงเอาเครื่องออกได้ แต่ยังคงต้องคาท่อที่เจาะคอช่วยหายใจเอาไว้จนกว่าจะยุบบวมหมด หลังจากนั้นค่อยส่งพบหมอฟันมาจัดการเรื่องต้นเหตุฟันผุกันต่อ"
นพ.อารักษ์ วงศ์วรชาติ ผอ.รพ.สิชล จ.นครศรีธรรมราช (แฟ้มภาพ)
นพ.อารักษ์ ระบุข้อความด้วยว่า "วิทยาทาน โรคนี้ปัจจุบันเจอได้น้อย แต่รุนแรงมาก @@Ludwig's angina ได้ถูกเรียกชื่อตาม Wilhelm Frederick von Ludwig ในปี ค.ศ.1836 หมายถึง การอักเสบติดเชื้อของชั้นเนื้อเยื่อในโพรงใต้คาง (Submandibular space) เป็นภาวะที่พบได้น้อยมากในปัจจุบัน เนื่องจากมีการพัฒนาของยาต้านจุลชีพ โดยอัตราการเสียชีวิตลดลงจาก 50 เปอร์เซ็นต์ ในปี ค.ศ.1940 ก่อนที่จะมีการใช้ยาต้านจุลชีพในการรักษาการติดเชื้อที่เหงือกและฟัน (odontogenic infection) เหลือเพียง 10 เปอร์เซ็นต์ หลังจากมีการใช้ยาต้านจุลชีพ โดยภาวะนี้มักพบในผู้ใหญ่มาก@@" ดูโพสต์ต้นฉบับ

advertisement

คุณอาจสนใจข่าวนี้

ข่าวยอดนิยม

ข่าวที่ได้รับความสนใจ