ญาติผู้ต้องหาตำรวจทางหลวง เผย ถูกชายอ้างเป็น จนท.เรือนจำเรียกเงินครึ่งหมื่น อ้างกินอยู่สบายมีคนซักผ้าให้ หลังไม่เป็นจริง อยากทวงถามเงินแต่ติดต่อไม่ได้
จากกรณีเมื่อกลางดึกวันที่ 6 ก.ย. 66 ที่ผ่านมา เมื่อ "กำนันนก" หรือ นายประวีณ จันทร์คล้าย กำนัน ต.ตาก้อง จ.นครปฐม ผู้กว้างขวางและทำบริษัทรับเหมาก่อสร้างขนาดใหญ่ ได้ชวนตำรวจสังกัดกองบังคับการตำรวจทางหลวง (บก.ทล.) ให้ไปงานกินเลี้ยงประจำเดือน ในพื้นที่บ้านพัก โดยอ้างว่าอยู่ในพื้นที่เดียวกัน จึงอยากทำความรู้จัก ซึ่ง พ.ต.ต.ศิวกร สายบัว สว.ส.ทล.1 กก.2 บก.ทล. ถูกยิงเสียชีวิต ตามข่าวที่นำเสนอไปก่อนหน้านี้นั้น
วันที่ 20 ก.ย. 66 ทีมข่าวอมรินทร์ทีวี ได้รับรายงานเรื่องร้องเรียนจาก หนึ่งในญาติของ 5 เจ้าเจ้าหน้าที่ตำรวจทางหลวงที่ถูกจับ ชื่อ นายก้อง นามสมมติ ญาติผู้ต้องหาตำรวจทางหลวง (ร.ต.ท.ประสาร รอดผล รอง สว.ส.ทล.1 กก.2 บก.ทล.) บอกว่าภายหลังที่ตำรวจมีการควบคุมตัวดำเนินคดี มีเจ้าหน้าที่หน้าห้องเรือนจำ จ.นครปฐม มีการเรียกเงิน 6,000 บาท โดยบอกว่า จะได้อยู่ที่เรือนจำนครปฐม อยู่สบาย อาหาร 3 มื้อ มีคนซักผ้าให้ ซึ่งญาติของตนเอง เป็นภรรยาของ 1 ใน นายตำรวจ ก็อยากให้สามี อยู่ดีกินดี อยู่อย่างสบาย ตามข้อเสนอ จึงตัดสินใจโอนเงินให้
แต่สุดท้ายแล้ว ถูกส่งตัวไปเรือนจำที่ จ.สมุทรสงคราม ไม่ได้อยู่จ.นครปฐมตามที่ตกลง อีกทั้งยังกินอยู่เหมือนกันผู้ต้องขังคนอื่น ๆ เลยอยากได้เงินคืน พอโทรจะติดต่อกลับไป แต่ก็ไม่สามารถติดต่อได้ ตนเองพอได้ทราบเรื่อง ก็รู้สึกว่าเรื่องนี้ไม่ชอบมาพากล เนื่องจากว่าเป็นเจ้าหน้าที่รัฐไม่ควรจะมาซ้ำเติมญาติผู้ต้องหาแบบนี้ และอยากให้ถูกจัดการ
ขณะเดียวกัน ทีมข่าวย้อนกลับไปพูดคุยกับนางสาวหญิง นามสมมติ ภรรยาของผู้ต้องหาตำรวจทางหลวง ยืนยันกับทีมข่าวอีกเสียง ว่า เมื่อวันที่ 10 ก.ย. 66 ตนเอง ก็ถูกผู้ชายคนหนึ่ง บอกว่าได้เบอร์โทรศัพท์มาจากพนักงานสอบสวน อ้างว่า ตัวเองเป็นรองผู้บัญชาการที่เรือนจำ จ.นครปฐม (อ้างว่าชื่อ อำนวย) โดยเรียกเงิน 7,000 บาท โดยแจงรายละเอียดว่า 6,000 บาท เป็น ค่าอาหารตกวันละ 200 บาท ส่วนอีก 1,000 บาท เป็นค่าเสื้อผ้า ซึ่งการันตีว่า ได้อยู่เรือยจำจ.นครปฐม จะได้กินข้าว 3 มื้อ เพราะภรรยาเป็นแม่ครัวแดน3 อยู่สุขสบาย มีคนซักผ้าให้ แต่จะต้องโอนเงินภายในวันที่ 10 ก.ย. 66 ก่อน 20.00 น.
ตนเองด้วยความที่เป็นห่วงสามี กลัวว่าอยู่ลำบาก ก็เลยยอมโอนเงิน 7,000 บาท เป็นชื่อบัญชีภรรยา แต่พอมีการฝากขังจริง ปรากฎว่า ถูกส่งตัวไป เรือนจำจังหวัดสมุทรสงคราม ไม่ได้อยู่ที่จังหวัดนครปฐมตามที่ตกลง จึงมีการสอบถาม เจ้าตัวบอกว่า จะมีการโอนเงินไปให้ทางเรือนจำจังหวัดสมุทรสงคราม
แต่พอไปติดต่อสอบถาม ทางสามีตนเองก็ได้กินข้าวเหมือนกับผู้ต้องขังท่านอื่น ๆ ไม่เป็นไปตามที่ตกลง และสอบถามถึงชื่อที่แอบอ้าง ก็ไม่ได้ปรากฏว่าอยู่มีตำแหน่งนั้นจริง รู้ตัวว่าถูกหลอกจึงพยายามจะโทรขอเงินคืนแต่ก็ไม่สามารถติดต่อได้ พอมาถามกลุ่ม ญาติของ ผู้ต้องหาด้วยกัน ต่างก็พูดเป็นเสียงเดียวกันว่ามีคนโทรมาเสนอแบบนี้ เท่าที่ตนเองทราบมีคนจ่ายเงินไป 3 คน ส่วนที่เหลือคาดว่าไม่ได้มีการจ่าย
ในวันพรุ่งนี้คาดว่าจะมีการเข้าแจ้งความกับทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ เพราะมองว่านี่อาจจะถูกหลอก ส่วนตัวสภาพจิตใจก็ย่ำแย่อยู่แล้ว เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเลยรู้สึกเหมือนว่าถูกซ้ำเติม เส้นทางครอบครัวไม่ได้เป็นคนมีเงินเยอะ ก็ต้องไปวิ่งเต้นหาเงินจำนวนนี้มาโอนให้เหมือนกัน ในส่วนนี้ก็จะมีการแจ้งความดำเนินคดีตามกฏหมาย
ขณะเดียวกันทีมข่าวไปยังบ้านของนายตำรวจอีกท่าน เพื่อสอบถาม ถึงเรื่องการถูกเรียกเงิน ซึ่งภรรยานายตำรวจท่านนี้ ปิดประตูหนีนักข่าว
ครอบครัวคนที่โอนเงินให้ มีข้อมูล 3 คน คือ
- ร.ต.ท.ประสาร รอดผล อายุ 58 ปี รอง สว.ส.ทล.1 กก.2 บก.ทล.
- ร.ต.ต.สรรเสริญ ศรีสวัสดิ์ อายุ 55 ปี รอง สว.ส.ทล.1 กก.2 บก.ทล.
- ร.ต.ต.นิมิตร สลิดกุล อายุ 57 ปี (เจ้าของปืนที่ใช้ยิง พ.ต.ต.ศิวกร) รอง สว.จร.สภ.เมืองนครปฐม
ด้าน พ.ต.อ.พัลลภ สุริยกุล ณ อยุธยา รอง ผบก.ภ.จว.นครปฐม ให้ข้อมูลจากทีมข่าวว่า จากการสืบข้อมูลเชิงลับ ทราบว่ามีรายงานเป็นในส่วนของเรือนจำ ไม่ได้มีความเกี่ยวโยงกับทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ แต่มองว่าเรื่องนี้ไม่เหมาะสม ไม่ถูกต้อง และแย่มาก ตนเองจะมีการเร่งตรวจสอบข้อมูลเพิ่มและแจ้งดำเนินคดี อีกทั้งจะมีการเรียกในกลุ่มผู้เสียหายเข้ามาพูดคุยข้อมูลเพิ่มเติมในวันพรุ่งนี้ด้วย