กองปราบฯยันไม่ได้รื้อคดีทำใหม่ แต่เป็นการทำอย่างต่อเนื่องจากชุดคณะทำงานที่ภาค7 จ่อแจ้ง ม.157 ตำรวจ 13 นายงานเลี้ยงกำนันนกสัปดาห์หน้า
ภายหลังจากการประชุมชุดพนักงานสอบสวนกองบังคับการปราบปราม เพื่อติดตามความคืบหน้าการดำเนินคดีกับผู้ที่เกี่ยวข้องกับการเสียชีวิตของพันตำรวจตรีศิวกร สายบัว หรือ สารวัตรแบงค์ ตำรวจทางหลวงที่เสียชีวิตภายในที่ทำการของนายประวีณ จันทร์คล้าย อดีตกำนันนก นานกว่า 1 ชั่วโมง
พันตำรวจเอกวิวัฒน์ จิตโสภากุล ผู้กำกับการ 3 กองบังคับการปราบปราม ในฐานะโฆษกชุดสืบสวนคลี่คลายคดี ยืนยันว่าการรับโอนคดีมาสอบสวนต่อจากตำรวจภูธรคภาค 7 ของกองปราบปรามไม่ใช่เป็นการรื้อคดีมาทำใหม่ แต่เป็นการทำอย่างต่อเนื่องจากชุดคณะทำงานที่ภาค7 โดยเมื่อรับมาจะมุ่งเน้นการตรวจสอบข้อเท็จจริงในที่เกิดเหตุ และข้อกฎหมายเพื่อดำเนินคดีกับตำรวจที่เกี่ยวข้อง
สำหรับกล้องวงจรปิดในที่เกิดเหตุแม้ว่าใน 15 ตัว จะมีกล้อง 2 ตัว บันทึกภาพไว้เพียงเดือนสิงหาคม ส่วนอีกตัวที่เป็นจุดเกิดเหตุบันทึกภาพไว้ได้ถึงเวลา10นาฬิกา แต่โฆษกยืนยันว่าแม้จะกู้ไม่ได้ แต่ตำรวจมีประจักษ์พยานที่จะให้ข้อมูลเพื่อดำเนินคดีกับตำรวจที่เข้าข่ายความผิดได้
ส่วนตำรวจ 13 นาย ก่อนหน้าที่พบว่าอาจจะถูกแจ้งข้อกล่าวหาละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ฯ ตามมาตรา 157 นั้น พันตำรวจเอกวิวัฒน์ กล่าวว่า ขอเวลาตรวจสอบพยานหลักฐาน และนำมาไล่เรียงเหตุการณ์ทั้งหมดก่อนว่าคืนนั้นแต่ละคนทำอัไรยังไงบ้าง ต้องไล่รายละเอียด 1 นาย ต่อ 1 รายงาย และแม้ว่าตำรวจจะอ้างว่าไปร่วมงานเลี้ยงนอกเวลาราชการ แต่หากเป็นตำรวจแล้วก็จะต้องมีหน้าที่ในการควบคุมสถานการณ์ และระงับเหตุให้ได้ เพราะยังอยู่ในสถานภาพตำรวจ
นอกจากนั้นคณะทำงาน ได้ทำเรื่องถึงศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 7 เพื่อขอย้ายการฝากขังตัวผู้ต้องหาในคดีมาควบคุมตัวในอำนาจของศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง ซึ่งจะต้องย้ายมาจากเรือนจำกลางจังหวัดสมุทรสงคราม มาที่เรือนจำกลางพิเศษกรุงเทพมหานคร เพื่อป้องกันการแทรกแซงของผู้มีอิทธิพลในพื้นที่ ส่วนผู้ต้องหาทั้งตำรวจและอดีตกำนันนก จะถูกคุมขังอยู่ที่เดียวกันหรือไม่ขึ้นอยู่กับระเบียบของกรมราชทัณฑ์ และจะเร่งดำเนินการให้ทันพลัด 2 ของการฝากขัง
พันตำรวจเอกวิวัฒน์ ยังกล่าวว่าภายในสัปดาห์หน้า คดีนี้จะมีความคืบหน้ามากขึ้น โดยเฉพาะการแจ้งข้อกล่าวหากับตำรวจที่พบความผิด โดยขณะนี้ยังไม่จำเป็นต้องเรียกตำรวจที่เคยให้การไปแล้วมาให้ปากคำใหม่ แต่ชุดทำงานได้ลงพื้นที่ไปสอบปากคำพยานคนอื่นเพิ่ม เพื่อขัดแย้งกับคำให้การหรือไม่ โดยหากตำรวจนายใดให้การเท็จ หรือมีความผิดก็จะแจ้งข้อกล่าวหาทันที.