“พิธา” ประชุม 3 สมาคม อปท. แลกเปลี่ยนโรดแมพ กระจายอำนาจ

1 มิ.ย. 66

 

พิธา” ประชุม 3 สมาคม อปท. นำเสนอแลกเปลี่ยนโรดแมพกระจายอำนาจ 3 ขั้น ด้านนายกท้องถิ่นแห่ตอบรับ พร้อมสนับสนุน 

วันที่ 1 มิ.ย. 66 นาย พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้า พรรคก้าวไกล และแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี พรรคก้าวไกล พร้อมด้วย นาย ชัยธวัช ตุลาธน เลขาธิการพรรคก้าวไกล นาย วรภพ วิริยะโรจน์ ทีมเศรษฐกิจของพรรคก้าวไกล รวมทั้งว่าที่ ส.ส.และตัวแทนจากพรรคก้าวไกล ร่วมประชุม เพื่อรับฟังข้อเสนอแนะนโยบายด้านการกระจายอำนาจของพรรคก้าวไกล 

ร่วมกับสมาคมองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) ทั้ง 3 สมาคม ประกอบด้วย สมาคมสันนิบาตเทศบาล, สมาคมองค์การบริหารส่วนจังหวัด และ สมาคมองค์การบริหารส่วนตำบล

นาย พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้า พรรคก้าวไกล และแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี พรรคก้าวไกล

โดยเนื้อหาของการพูดคุยหลักในวันนี้ เป็นการประมวลข้อเสนอจากทั้ง 3 สมาคมองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น เข้ากับข้อเสนอต่างๆ ในนโยบายการกระจายอำนาจของพรรคก้าวไกล พร้อมทั้งร่วมแลกเปลี่ยนกันในประเด็นต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง 

โดยนาย พิธา ระบุว่า วันนี้ตนตั้งใจมารับฟังจากตัวแทน อปท.ทุกคนถึงอุปสรรคในการทำงาน และเป้าหมายที่เราจะทำร่วมกันในอนาคตเพื่อประชาชนได้ เมื่อจัดตั้งรัฐบาลได้สำเร็จ 

นายก อปท. ทุกคนทราบดีอยู่แล้วว่า อำนาจบริหารท้องถิ่นทุกวันนี้ ถูกมัดมือมัดเท้าไว้ อำนาจบริหารทำไม่ได้ด้วยกฎหมาย การเงิน การขาดอำนาจต่อรอง และการตรวจสอบที่ไม่ได้มาจากประชาชน ทั้งหมดนี้นำไปสู่สภาพที่อำนาจการตัดสินใจงบประมาณ 84% อยู่กับส่วนกลาง เหลืออยู่ที่ท้องถิ่นแค่ 16% ซึ่งตนไม่เคยเห็นประเทศไหนที่เป็นแบบนี้ จะสามารถก้าวข้ามกับดักประเทศรายได้ปานกลางได้เลย 

นาย พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้า พรรคก้าวไกล และแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี พรรคก้าวไกล

ดังนั้น ตนเชื่อว่าเป้าหมายที่พวกเราต่างอยากเห็นร่วมกัน ก็คือการกระจายความเจริญ กระจายอำนาจ กระจายงบประมาณ กระจายบุคลากร และการกระจายภารกิจ ซึ่งพรรคก้าวไกลมีแผนการทั้งในระยะ 100 วันแรก 1 ปีแรก และ 4 ปีแรกของรัฐบาล ที่พรรคก้าวไกลขอนำเสนอเพื่อขอรับฟังความคิดเห็นจากทุกคนในวันนี้ กล่าวคือ 

ภายใน 100 วันแรก ยกเลิกระเบียบกระทรวงมหาดไทยที่เป็นอุปสรรคต่อการกระจายอำนาจ และการทำงานของท้องถิ่น รวมถึงคำสั่ง คสช. 8/2560 เพื่อคืนอำนาจการคัดเลือกบุคลากรให้ท้องถิ่น ให้ท้องถิ่นสามารถทำบริการสาธารณะได้ทั้งหมดยกเว้นที่ห้ามทำ รวมทั้งการแก้ไข พ.ร.บ.แผนขั้นตอนการกระจายอำนาจ และแก้ไข พ.ร.บ.จัดตั้ง 5 ท้องถิ่น ให้ออกระเบียบการเบิกจ่ายเองได้ 

นาย พิธา กล่าวต่อว่า ภายใน 1 ปีแรก จัดทำประชามติให้มีการเลือกตั้งผู้บริหารจังหวัด และยกเลิกราชการส่วนภูมิภาค พร้อมกับการแก้ไข พ.ร.บ.ข้าราชการท้องถิ่นให้สอดคล้องกัน และภายใน 4 ปีแรก บรรลุเป้าหมายการถ่ายโอนภารกิจ งบประมาณ และบุคลากร โดยมีเป้าหมายอยู่ที่ 2 แสนล้านบาทต่อปีภายใน 4 ปี 

“พิธา” ประชุม 3 สมาคม อปท. นำเสนอแลกเปลี่ยนโรดแมพกระจายอำนาจ

การกระจายอำนาจคือการระเบิดพลังทางเศรษฐกิจ 7 พันกว่าลูกพร้อมๆ กัน ผลการศึกษาเกี่ยวกับการกระจายอำนาจล้วนแต่บ่งชี้ไปในทางเดียวกันว่ายิ่งมีการกระจายอำนาจมาก ก็ยิ่งทำให้จีดีพีโตมากขึ้น ยิ่งกระจายอำนาจมากความเหลื่อมล้ำแต่ละภูมิภาคก็ยิ่งลดลง และยิ่งกระจายอำนาจมากการทุจริตก็จะยิ่งลดลง 

ดังนั้น ความเจริญทางเศรษฐกิจ การลดความเหลื่อมล้ำ และการลดการทุจริต คือความสำคัญของการกระจายอำนาจ ซึ่งไม่ใช่แค่สำหรับประเทศที่พัฒนาแล้วเท่านั้น แต่รวมถึงประเทศที่กำลังพัฒนาด้วย ทั้งหมดเป็นสถิติที่มากพอ ที่บ่งชี้ไปในทางเดียวกันว่าการทำให้ท้องถิ่นมีอำนาจ งบประมาณ และบุคลากรเพียงพอ จะนำไปสู่การระเบิดพลังทั้งทางเศรษฐกิจ การลดความเหลื่อมล้ำ และการลดการทุจริตไปได้พร้อมกัน 

“พิธา” ประชุม 3 สมาคม อปท. นำเสนอแลกเปลี่ยนโรดแมพกระจายอำนาจ

“ไม่มีอะไรท้าทายเกินความคาดหวังของประชาชน การกระจายอำนาจมีทั้งสิ่งที่ทำได้โดยรวดเร็ว มีทั้งสิ่งที่ทำได้อย่างรวดเร็วและต้องรอบคอบ และมีสิ่งที่ต้องอาศัยส่วนร่วมจากประชาชน มีเรื่องที่รัฐบาลทำได้เลย มีเรื่องที่ต้องทำประชามติ และบางเรื่องต้องมีการแก้รัฐธรรมนูญ ทั้งหมดนี้ผมมั่นใจว่าจะทำให้เกิดความเข้าใจและสบายใจร่วมกัน ว่าการกระบายอำนาจไม่ใช่เรื่องสุดโต่ง แต่เป็นสิ่งที่จะนำความเจริญมาสู่พี่น้องประชาชนคนไทยและประเทศไทย” นาย พิธา กล่าว 

ทั้งนี้ ภายหลังการประชุม ตัวแทนจากทั้งพรรคก้าวไกล และ 3 สมาคม อปท. ได้หารือกำหนดวันและแผนการจัดทำเวิร์กช็อปร่วมกัน ระหว่างตัวแทน อปท. และพรรคก้าวไกล เพื่อประมวลข้อเสนอจากทั้งสองฝ่ายเข้ามาร่วมกัน โดยเฉพาะในการเพิ่มเติมข้อเสนอเกี่ยวกับการแก้ไข และยกเลิกระเบียบต่างๆ ของส่วนกลาง ให้ครอบคลุมทุกมิติของการเปลี่ยนผ่านสู่การกระจายอำนาจ โดยเบื้องต้นคาดว่าจะมีการหารือร่วมกันอีกครั้งในวันที่ 15-16 มิ.ย. นี้

advertisement

คุณอาจสนใจข่าวนี้

ข่าวยอดนิยม

ข่าวการเมือง เป็นกระแส