"รังสิมันต์ โรม" ทวงสปิริต "ประยุทธ์" ยอมรับความพ่ายเเพ้ อย่าหวังส้มหล่น

1 มิ.ย. 66

 

"รังสิมันต์ โรม" ทวงสปิริต "ประยุทธ์" ยอมรับความพ่ายเเพ้ อย่าหวังส้มหล่น จวก "วิษณุ" ชี้โพรง ไปบอก "บิ๊กตู่" เก็บของออกจากทำเนียบดีกว่า

วันที่ 1 มิ.ย. 66 ที่พรรคก้าวไกล นาย รังสิมันต์ โรม โฆษกพรรคก้าวไกล แถลงว่า ผ่านมาสองสัปดาห์กว่าจากการ เลือกตั้ง 66 เป็นเรื่องที่แปลกประหลาดมากที่เรายังไม่เคยได้ยินคำพูดแสดงความยินดีกับผู้ชนะการเลือกตั้งจากปาก พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม เลยแม้แต่น้อย 

นาย รังสิมันต์ โรม กล่าวว่า เรายังไม่ได้เห็นการเตรียมความพร้อมของรัฐบาลชุดที่แล้ว ที่จะต้องมีการเก็บข้าวของเตรียมความพร้อม เพื่อส่งมอบงานให้กับรัฐบาลใหม่ ทั้งที่ผลของการเลือกตั้งมีความชัดเจน แต่เราไม่เห็นอะไรเลย

 นาย รังสิมันต์ โรม กล่าวต่อว่า ที่สำคัญมากไปกว่านั้น เราก็เห็นท่าทีของ พล.อ.ประยุทธ์ ตนคิดว่า มองเป็นอย่างอื่นไม่ได้เลย นั่นก็คือการหวังส้มหล่น จากรัฐบาลของพรรคก้าวไกล และหวังว่าตัวเองจะสามารถเป็นนายกรัฐมนตรีต่อไป คิดว่ามันคงไม่สายจนเกินไป ถ้าสุดท้ายจะได้ยินจากปากของ พล.อ.ประยุทธ์ว่า ยอมรับความพ่ายแพ้การเลือกตั้ง เพื่อทำให้การเปลี่ยนผ่านรัฐบาล เป็นไปอย่างที่ควรจะเป็น เหมือนหลายประเทศเจริญแล้วเขาทำกัน หวังเป็นอย่างยิ่งว่าเราจะเห็นสปิริตนี้จากคนอื่น และจากคนในรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ เพื่อให้การทำงานของทุกฝ่ายมันราบรื่นต่อไป 

นาย รังสิมันต์ โรม กล่าวถึงกรณีที่นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี หยิบยกกรณีคุณหญิงพจมาน ดามาพงศ์ มาเปรียบเทียบกับกรณีนาย พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล โดยอาจนำไปสู่การเลือกตั้งซ่อมต่างๆ นั้นว่า ตนไม่อยากไปพูดถึงข้อวิจารณ์ จริงๆ ยุคนั้นมีข้อวิจารณ์มากมายที่มีปัญหาในเชิงข้อกฎหมายอยู่ แต่ต้องบอกว่ามันคนละกรณีกัน ไม่น่าจะเอามาเทียบกันได้ ยืนยันว่าพรรคก้าวไกลเตรียมความพร้อมต่อสู้ข้อกฎหมายต่างๆ และเรายืนยันว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องทางการเมือง เป็นเรื่องการกลั้นแกล้งกัน ถ้าเราดูจากช่วงเวลาปล่อยออกมาใกล้จะมีการเลือกตั้งแล้วก็คงหวังผลทางการเมือง 

"จุดประสงค์ของนายวิษณุที่ออกมาในการพูด ก็เพื่อชี้นำ ส.ว. ใช่หรือไม่ เป็นการชี้นำสังคม เพื่อที่จะหวังผลทำให้ ส.ว.เกิดความลังเลใจ มันคือการหวังส้มหล่น ทั้งที่ในความเป็นจริง เรามีการเลือกตั้งแล้ว ทุกอย่างมันกำลังไปได้สวย แต่ทำไมถึงต้องใช้กระบวนการแบบนี้ คำถามคือว่าทำแบบนี้บ้านเมืองจะวุ่นวายหรือเปล่า ทำแบบนี้มันก็เท่ากับเป็นการไม่เคารพเจตจำนงประชาชนที่เขาไปใช้สิทธิเลือกตั้งหรือไม่ นายวิษณุแทนที่จะออกมาให้สัมภาษณ์ชี้นำ ควรที่จะไปบอกให้ทาง พล.อ.ประยุทธ์ มีสปิริต ช่วยกันในเรื่องการเก็บข้าวของออกจากทำเนียบฯ แล้วส่งมอบงานให้กับรัฐบาลต่อไป" นาย รังสิมันต์ โรม กล่าว 

เมื่อถามถึงกรณีนาย จเด็จ อินสว่าง ส.ว. ออกมาพูดเรื่อง รัฐบาลแห่งชาติ นาย รังสิมันต์ โรม กล่าวว่า จะไปทำกระบวนการแบบนั้นทำไม ประเทศไทยไม่ได้อยู่ในสถานะ หรือสภาพที่จะต้องใช้เงื่อนไขแบบนั้น เราสามารถเดินหน้าตั้งรัฐบาล ประชาชนอุตส่าห์มอบความไว้วางใจ การที่เราเคารพมติมหาชนในวันที่ 14 พ.ค. เป็นสิ่งที่ทำได้ วันนี้สถานการณ์ประเทศ ไม่ได้เจอปัญหา หรือวิกฤตอะไร ที่จะทำให้เราไม่สามารถตั้งรัฐบาล หรือเดินหน้ายอมรับผลเลือกตั้ง ทุกอย่างกำลังเป็นไปได้สวย ถ้าเราใช้วิธีการนอกรัฐธรรมนูญ ที่ไม่ได้สอดคล้องกับระบบประชาธิปไตย ประเทศไทยจะมีแต่วิกฤต นายจเด็จก็ไม่ได้เป็นตัวแทนของ ส.ว. ทุกคน เราก็เห็น ส.ว.หลายสนับสนุนพรรคก้าวไกล และถ้าเราปิดสวิตช์ มาตรา 272 ได้เชื่อว่าการเดินหน้าของรัฐบาลก้าวไกล จะไม่มีปัญหาอะไรเลย 

นาย รังสิมันต์ โรม กล่าวถึงกรณี พล.อ.ประยุทธ์แสดงความเห็นว่านาย พิธาเดินสายไปพบส่วนราชการต่างๆ นั้นเป็นการละลาบละล้วงว่า จริงๆไม่ได้ละลาบละล้วงอะไร ตนคิดว่าการพูดคุยกันปรึกษากัน ไม่น่าจะมีปัญหาอะไร การพูดคุยกับท้องถิ่น แลกเปลี่ยนกันเป็นเรื่องธรรมดามาก สามารถทำได้ ไม่ผิดกฎหมาย พล.อ.ประยุทธ์ต่างหาก วันนี้ท่านนับวันรอออกจากทำเนียบฯ ช่วยแสดงสปิริตหน่อย ถ้าตนเป็น พล.อ.ประยุทธ์ ก็ควรจะแสดงความยินดีแสดงความยินดีกับนาย พิธา ช่วยแสดงออกมาบ้างว่าเตรียมตัวเก็บของออกจากทำเนียบฯ อย่ารอส้มหล่น สำหรับ พล.อ.ประยุทธ์ ก็อาจจะยังคิด ยังฝันอยู่ไม่รู้ไปปรึกษาใครว่าตัวเองอาจจะยังมีโอกาสกลับมาได้ ซึ่งก็เรื่องมาตรา 272 ที่ส.ว.มีอำนาจในการโหวต ที่สุดมันก็นับถอยหลังเต็มที่ก็คือปีหน้า แต่คำถามคือประเทศชาติได้อะไร เราก็ไม่จำเป็นต้องรอให้ มาตรา 272 มันไปหมดอายุขัยในปีหน้า เราก็มาช่วยกันปิดสวิตช์ตั้งแต่วันนี้ 

นายรังสิมันต์ กล่าวว่า กรณีบรรดานักร้อง เจตนาของคนที่ร้องมีแค่เรื่องเดียวคือ ต้องการทำให้พรรคก้าวไกลไม่สามารถตั้งรัฐบาล ต้องการเตะขัดขานาย พิธา เพื่อไม่ให้เป็นนายกฯ ตนยืนยันว่าข้อเท็จจริงหลายๆ อย่าง ไม่เป็นความจริง เราได้มีการเตรียมการ พร้อมที่จะต่อสู้ทางกฎหมาย และรวมถึงการดำเนินคดีกับคนที่อาจจะเรียกว่าใส่ร้าย เอาเรื่องเท็จไปร้องด้วย ซึ่งมีความผิดตามกฏหมาย

advertisement

คุณอาจสนใจข่าวนี้

ข่าวยอดนิยม

ข่าวการเมือง เป็นกระแส