อดีต ผจก.ธนาคารดังเมืองเชียงใหม่ ชักปืนยิงภรรยาเสียชีวิต ก่อนยิงตัวตายตาม ชาวบ้านลืออาถรรพ์บ้านที่เกิดเหตุตายโหงมาแล้ว 4 ศพ
ช่วงค่ำที่ผ่านมาเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.หางดง จ.เชียงใหม่ ได้รับแจ้งเหตุพบศพพถูกยิงเสียชีวิตภายในบ้าน 2 ศพ เหตุเกิดที่บ้านพักใน ต.สันผักหวาน อ.หางดง จ.เชียงใหม่ ทางพนักงานสอบสวนจึงพร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ตำรวจพิสูจน์หลักฐานเชียงใหม่และแพทย์เวรโรงพยาบาลหางดงเข้าตรวจสอบ
ที่เกิดเหตุพบศพผู้เสียชีวิตจำนวน 2 ราย อยู่ภายในโรงรถข้างบ้าน ศพแรกเป็นชายทราบชื่อคือ นายพิสุทธ์เ มืองสุวรรณ อายุ 71 ปี อดีตอดีตผู้จัดการธนาคารแห่งหนึ่งในเชียงใหม่ นอนเสียชีวิตอยู่ท้ายรถยนต์เก๋งยี่ห้อมิตซูบิชิ รุ่นมิราจ ทะเบียน ขร 691 เชียงใหม่ สภาพนอนหงายมีบาดแผลถูกยิงบริเวณศีรษะ นอนจมกองเลือด เสื้อสีเขียว กางเกงลายพราง รองเท้าผ้าใบ จากการตรวจค้นร่างกายพบซองปืนพกในเหน็บเอวข้างซ้าย ใกล้กันพบอาวุธปืนขนาด 11 มม. ยี่ห้อโคลท์ตกอยู่ ทางเจ้าหน้าที่จึงได้ตรวจบันทึกเอาไว้เป็นหลักฐาน ส่วนอีกศพเป็นศพของนางพัชรา นาคเสน อายุ 68 ปี อดีตข้าราชการสรรพากร และเป็นอดีตภรรยาของนายพิสุทธิ์นอนเสียชีวิตอยู่ข้างรถฝั่งคนขับ สภาพศพนานหงายมีบาดแผลถูกยิงที่หน้าอกทะลุออกหลังและชายโครงซ้ายรวม 2 นัด
จากการสอบสวนของทางเจ้าหน้าที่ตำรวจทราบว่า ผู้ตายทั้งสองเป็นอดีตสามีภรรยากันและได้หย่าร้างกันแต่ยังอยู่บ้านติดกัน โดยสามีอยู่บ้านหลังข้างๆ ซึ่งไม่มีรั้วกั้นสามารถเดินไปมาหากันได้ ส่วนลูกๆ นั้นได้ไปมีครอบครัวอยู่ที่อื่นแล้ว
พยานเพื่อนบ้านเผยว่าก่อนเกิดเหตุก็ไม่ได้ยินเสียงว่ามีการทะเลาะกัน กระทั่งช่วงเย็นลูกสาวของผู้ตายเอาข้าวมาส่งก็พบว่าทั้งคู่อยู่ในสภาพสิ้นลมหายใจไปแล้ว ขณะที่พยานชาวบ้านอีกคนหนึ่งซึ่งมีบ้านข้างๆ ที่เกิดเหตุได้เผยว่า ช่วงบ่ายได้ยินเสียงปืนแต่ก็ไม่คิดว่าจะเป็นเสียงปืน เพราะละแวกนั้นาส่วนมากมักจะมีการจุดประทัดไล่นก มาทราบอีกทีก็ตอนเย็นที่มีคนมาพบว่าเพื่อนบ้านได้ยิงกันตาย
อย่างไรก็ตาม ทางพนักงานสอบสวนได้สันนิษฐานว่านายพิสุทธ์อาจไปงอนง้อขอคืนดีกับภรรย าแต่ภรรยาไม่เล่นด้วย จึงทะเลาะมีปากเสียงกัน ก่อนที่นายพิศุทธ์จะใช้อาวุธปืนจ่อยิงศีรษะอดีตภรรยาจนเสียชีวิต แล้วยิงตัวเองตายหนีความผิดตาม ซึ่งทางพนักงานสอบสวนจะได้เรียกลูกของผู้ตายทั้งสองและบุคคลที่เกี่ยวข้องมาสอบสวนประมวลเหตุการณ์เพื่อหาสาเหตุแรงจูงใจในการก่อเหตุครั้งนี้อีกครั้ง ส่วนศพทั้งสองทางอาสาสมัครกู้ภัยบรรเทาหางดงได้นำส่งไปให้แพทย์ภาควิชานิติเวช โรงพยาบาลมหารราชนครเชียงใหม่ ผ่าชันสูตรหาสาเหตุการตายและมอบศพให้ญาตินำกลับไปตั้งบำเพ็ญกุศลตามประเพณีต่อไป
อย่างไรก็ตาม ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมอีกว่า สำหรับบ้านหลังที่เกิดเหตุ เมื่อช่วงเดือนพฤศจิกายน 2563 ที่ผ่านมาได้เกิดเหตุพี่สาวของนางพัชราพร้อมด้วยลูกชายได้จบชีวิตด้วยการรมควันภายในห้องนอน สาเหตุมาจากพิษโควิด-19 ซึ่งตอนนั้นก็เป็นข่าวเศร้าของทางครอบครัวมาแล้วครั้งหนึ่ง และมาวันนี้ก็มาเกิดเหตุซ้ำรอยอีก รวมแล้วบ้านหลังดังกล่าวมีคนตายถึง 4 ศพ ในเวลา 3 ปี โดยชาวบ้านในหมู่บ้านต่างวิพากษ์วิจารณ์กันว่าบ้านหลังดังกล่าวจะมีอาถรรพ์อะไรสักอย่างหรือไม่ เพราะมีคนตายรวมกันแล้ว 4 ศพ ซึ่งเรื่องนี้ทางญาติของผู้ตายทั้งสองในวันนี้ไม่ได้ให้ความเห็นในเรื่องนี้กับผู้สื่อข่าวแต่อย่างใด