น้ำเพชร เพชรลดา ปิดปากเงียบ เพื่อนเชื่อไม่รู้เห็น ตร.แจ้งข้อหาเพิ่มทั้งแก๊ง

18 เม.ย. 66

น้ำเพชร เพชรลดา ปิดปากเงียบ เพื่อนเชื่อไม่รู้เห็น เพราะเพื่อนตนเป็นคนรักครอบครัว ตร.แจ้งข้อหาเพิ่มทั้งแก๊งร่วมกันปล้นทรัพย์, พรบ.คอมพ์ฯ

กรณี MR.WANG NANFENG อายุ 33 ปี ผู้เสียหายชาวจีนถูกคนร้ายจับยัดใส่กล่องพลาสติกลงจากห้องพัก อาคารสินธรเรสซิเดนซ์ ถนนวิทยุ แขวงลุมพินี เขตปทุมวัน กทม. แล้วนำไปกักขังที่รีสอร์ท ในพื้นที่จ.ประจวบคีรีขันธ์ เพื่อทำการเรียกค่าไถ่จากเพื่อนและญาติๆ เป็นเงินจำนวน 3.93 ล้านบาท จากนั้น MR.YU JIE อายุประมาณ 30 ปี เพื่อนผู้เสียหายชาวจีน ได้แจ้งความกับพนักงานสอบสวน สน.ลุมพินี ให้ช่วยติดตามคนร้าย เหตุเกิดเมื่อวันที่ (15 เม.ย.)

ต่อมา พล.ต.ต.นพศิลป์ พูลสวัสดิ์ รอง ผบช.น. พล ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.บช.น.นำกำลังเจ้าหน้าที่ กก.สส.บช.น.ร่วมกับ สืบ บก.น.5 และสน.ลุมพินีเข้าจับกุมผู้ต้องหาทั้ง 6 ราย ประกอบด้วยนายณัฐภัทร หรือกบสวัสดี อายุ 27 ปี และ นายณัฐพงศ์ หรือจูน ฆ้องคำอยู่ อายุ 24 ปี น.ส.เพชรลดา หรือน้ำเพชร แสงสกุล อายุ 24 ปี นายศุภพล ฮาลมัน หรือ บอส หรือ กาย อายุ 24 ปี แฟนหนุ่มชาวไทย น.ส.สริตา ดอนม่วง อายุ 28 ปี และ นายโจ (ยังไม่ทราบชื่อและนามสกุล) อายุราว 35-40 ปี ซึ่งทั้งหมดถูกจับกุมเมื่อวานนี้ 17 เม.ย. ที่ผ่านมานั้น

ความคืบหน้าเมื่อเวลา 09.30 น.วันที่ (18 เม.ย.) ที่ สน.ลุมพินี พ.ต.อ.นิมิตร นูโพนทอง ผกก.สน.ลุมพินี เปิดเผยว่า ขณะนี้สามารถจับกุมผู้ต้องหาที่ก่อเหตุได้ทั้ง 6 ราย ซึ่งผู้ต้องหาให้การเพียงว่าเป็นบุคคลตามหมายจับ โดยยังไม่ให้การเกี่ยวกับพฤติการณ์ในคดีแต่อย่างใด และผู้ต้องหาบางรายให้การว่า ได้มีการประชุมวางแผนกัน ซึ่งเจ้าหน้าที่ได้มีอาการอายัดบัญชีบสงส่วนแต่ยังมีเงินอีกจำนวนหนึ่งที่ยังหลงเหลือ โดยเมื่อวานนี้หลังจาก สอบปากคำ ผู้เสียหายเพิ่มเติม จึงได้แจ้งข้อหาเพิ่มกับกลุ่มผู้ต้องหาในข้อหาร่วมกันปล้นทรัพย์, พรบ.คอมพ์ฯ

โดยวันนี้จะมีการนำตัว ผู้ต้องหา 1รายไปยื่นคำร้องต่อศาล เพื่อขอฝากขังคือ นายณัฐภัทรหรือกบ ที่ถูกจับกุมรายแรก ส่วนผู้ต้องอีก 5 ราย จะทำการสอบปากคำในวันนี้และจะขยายผล จากนั้นจะส่งตัวไปยื่นขอฝากขังยังศาลฯ ซึ่งขณะนี้ยังไม่มีญาติของผู้ต้องหาคนใดเข้ามาติดต่อเยี่ยมที่ สน. ส่วนรายละเอียดทั้งหมดอยู่ในสำนวนการสอบสวนยังไม่สามารถเปิดเผยได้ เนื่องจากยังเป็นคดีที่อยู่ในระหว่างการสืบสวนขยายผล พ.ต.อ.นิมิตร กล่าว

ส่วนกรณีของนางสาวเพชรลดา หรือน้ำเพชร ขณะนี้ยังไม่ให้การใดๆ แต่เจ้าหน้าที่มีพยานหลักฐานเพียงพอจนสามารถขอศาลอนุมัติหมายจับได้

ขณะเดียวกันเพื่อนๆ ของน.ส.น้ำเพชร พร้อมครอบครัวและทนายความเดินทางนำอาหารเตรียมเข้าเยี่ยม โดยทางครบอครัวน้ำเพชร ไม่ขอให้ข้อมูลใดๆกับผู้สื่อข่าว ในขณะที่  เพื่อนน้ำเพชร เปิดเผยกับทีมข่าวว่า ตนเองไม่เชื่อว่า น้ำเพชรจะทำเรื่องดังกล่าว และในวันเกิดเหตุ น้ำเพชรอยู่กับตน ก่อนจะแยกย้ายกันกลับคอนโด อีกทั้งในช่วงเวลาที่ Mr.Wang หายไป น้ำเพชรก็เป็นคนช่วยตามหา และเดินทางเข้าแจ้งความคนหายที่ สน.ลุมพินี แต่ตอนนั้นตำรวจไม่รับแจ้ง เพราะยังไม่ครบ 24ชม.

โดยเพื่อนของ น.ส.น้ำเพชรได้เล่ารายละเอียดให้ฟังว่า เมื่อวัน14 เม.ย. เวลาประมาณ 19.00น. น้ำเพชร ไปที่ยวกับพี่ๆ ที่สยาม  จนกระทั้ง เวลาประมาณ 01.50  ของวันที่ 15 เม.ย. น้ำเพชร ได้โทรตน และเล่าว่า ตอนนี้ยังไม่ได้นอนเลย เพราะเพื่อนๆของพี่หวัง โทรมาว่าติดต่อพี่หวัง แฟนหนุ่มไม่ได้ ทั้งที่เมื่อช่วงเย็น น้ำเพชร ยังคุยกับพี่หวังอยู่เลย โดยพี่หวังโทรมาว่าไม่ต้องมาที่ห้องเพราะพี่หวัง จะไปเที่ยวพัทยา 

ตอนนั้นน้ำเพชรยังสงสัยว่าแฟนหนุ่มอาจจะแอบไปเที่ยวกับสาวๆ จึงชักชวนตนไปที่คอนโดของแฟนหนุ่ม โดยขอเช็คกล้องวงจรปิด แต่ทางนิติของคอนโด ปฏิเสธเพราะก่อนหน้านี้มีคนจีนมาขอดูกล้องไปแล้วรอบหนึ่ง จากนั้นเวลาประมาณ 02.30น. พี่หวังได้โทรมาหาน้ำเพชรอีกครั้ง โดยครั้งนี้บอกว่าไม่ต้องเป็นห่วง เพราะอยู่พัทยากับเพื่อนแล้ว ตนเองจึงแยกย้ายกับน้ำเพชรกลับไปพักผ่อน จนกระทั่งช่วงเช้าวันเดียวกันก็ไม่สามารถติดต่อพี่หวังได้อีกครั้ง จึงตัดสินใจแจ้งความ กับตำรวจ สน.ลุมพินี แต่เจ้าหน้าที่ตำรวจไม่รับแจ้งความเนื่องจากยังไม่คบ 24ชม.

ส่วนนายกาย ซึ่งที่หลายคนเข้าใจว่าเป็นกิ๊ก ของ น.ส.น้ำเพชร จริงๆแล้วชื่อบอส ซึ่งก่อนหน้านี้น้ำเพชร คบหากับพี่หวังมาประมาณ 1 ปีโดยรู้จักกันผ่านการทำงาน ไม่ใช่การเกาะผู้ชายกินอย่างที่คนอื่นเข้าใจ เพราะน้ำเพชรไม่ได้เดือดร้อนเรื่องเงิน จนกระทั่งเมื่อช่วงปลายปีที่แล้ว น้ำเพชรได้เลิกลากับพี่หวัง และเป็นจังหวะเดียวกันกับที่นายบอสเข้ามาพอดี จึงได้คบหากับนายบอส 

ต่อมาเมื่อช่วงเดือนเม.ย. ก่อนเกิดเหตุประมาณ 2 อาทิตย์ พี่หวังได้ตามมาง้อ และน้ำเพชรได้เลือกพี่หวัง ทั้งคู่จึงกลับมาคบกัน ซึ่งในจุดนี้อาจจะทำให้นายบอสเกิดหึงห่วง ประกอบกับช่วงหลังๆรู้สึกว่านายบอสจะมีปัญหาเรื่องเงิน จึงอาจจะว่างแผนก่อเหตุดังกล่าว ส่วนเรื่องที่นายบอสใช้รถยนต์และคีย์การ์ดของน้ำเพชรในการก่อเหตุนั้น 

โดยปกติแล้ว นายบอสมักจะใช้รถยนต์ของน้ำเพชรเดินทางไปไหนมาไหนโดยตลอดอยู่แล้ว ส่วนคีย์การ์ดก็อยู่ในรถดังกล่าว ส่วนเลขที่ห้องพักเป็นข้อมูลพื้นฐานอยู่แล้ว  เพราะคนเป็นกิ๊กก็ต้องเคยไปมาหาสู่ หรือสอบถามพูดคุยเรื่องพื้นฐานพวกนี้อยู่แล้ว ซึ่งในระหว่างที่น้ำเพชรคนหานายบอส ตนเองก็ตักเตือนมาโดยตลอด เพราะไม่ชอบพฤติกรรมส่วนตัวของนายบอสอยู่แล้ว ส่วนที่ตนเชื่อว่าน้ำเพชรไม่ได้กระทำเรื่องแบบนี้อย่างแน่นอน เพราะเพื่อนตนเป็นคนรักครอบครัว ช่วยเหลือครอบครัวทุกอย่าง เป็นคนเฟรนลี่ เชื่อว่าน้ำเพชรไม่รู้เรื่องนี้ อยากให้สักคม อย่าพึงตัดสินเพื่อนของคนจากเพียงแค่คำให้การของบอส

 

advertisement

advertisement

คุณอาจสนใจข่าวนี้

ข่าวยอดนิยม

ข่าวทั่วไป เป็นกระแส