เมีย "สามารถ พยัคฆ์อรุณ" ฟ้องแบ่งสมบัติ เจ็บจี๊ดอยู่กิน 10 ปี ผัวพูดไม่เห็นค่า "ให้ล้านเดียวแล้วไปแต่ตัว"

21 ส.ค. 62
จากกรณี น.ส.วลัยทิพย์ ภพธีรธรรม หรือ "หญิง" อดีตภรรยาคนที่ 2 ที่จดทะเบียนสมรสตามกฎหมายของนักมวยรุ่นใหญ่ "สามารถ พยัคฆ์อรุณ" ได้มีการส่งหนังสือถึงสื่อมวลชนว่าจะเดินทางมาศาลจังหวัดมีนบุรี ในช่วงเช้าวันนี้ (21 สิงหาคม 2562) เพื่อให้ศาลตัดสินเกี่ยวกับการแบ่งสินสมรสและเคลียร์ภาระหนี้สินหลังจากการหย่า เบื้องต้น จากการให้ข้อมูลของ น.ส.วลัยทิพย์ ทำให้ทราบว่า น.ส.วลัยทิพย์ จดทะเบียนสมรสกินอยู่กับ "สามารถ พยัคฆ์อรุณ" มาร่วม 10 ปี ทว่าเมื่อปลายปี 2556 ความสัมพันธ์ของทั้งคู่เริ่มแย่ลงเรื่อยๆ และแยกกันอยู่ในปี 57-58 แต่ยังคงทำธุรกิจด้วยกัน เพราะมีภาระหนี้สินร่วมกันคือ ค่ายมวยและบ้านย่านสายไหมอีก 2 หลัง แต่สุดท้ายทั้งคู่ก็ตัดสินใจจดทะเบียนหย่ากันในวันที่ 13 มกราคม 2560 สาเหตุของการฟ้องร้องแบ่งสินสมรสในครั้งนี้ น.ส.วลัยทิพย์ ให้เหตุผลว่า "สามารถ พยัคฆ์อรุณ" กลับคำในการแบ่งทรัพย์สินและไม่ยอมขายค่ายมวย เพื่อมาใช้หนี้ที่เป็นการกู้ร่วมกัน (กู้สร้างบ้านและค่ายมวย) และมีการท้าทายให้ฟ้องร้องหากอยากได้เงิน โดย "หญิง วลัยทิพย์" บอกกับสื่อว่าตัวเองมีหลักฐานและคลิปเสียงทุกอย่าง ทั้งนี้ "หญิง วลัยทิพย์" ยังบอกกับสื่ออีกว่าคดีนี้เป็นการฟ้องร้องกันตั้งแต่ปี 2560 โดยเธอได้เดินทางมาศาลตลอด แต่ฝ่าย "สามารถ" ไม่เคยมาแม้แต่ครั้งเดียว มีเพียงส่งทนายมาเท่านั้น ที่ผ่านมามีการนัดไกล่เกลี่ยกัน 3-4 ครั้ง แต่ไม่เป็นผล ถึงจะให้ผู้ใหญ่เข้าไปช่วยเจรจาก็ไม่เป็นผล เพราะ "สามารถ พยัคฆ์อรุณ” อ้างแต่ว่าไม่มีเงิน ซึ่งในวันนี้ (21 สิงหาคม 2562) ก่อนที่ "หญิง วลัยทิพย์" จะเข้าไปยังห้องพิจารณาคดี เจ้าตัวพร้อมทนายความ ธงวัช วราสุวรรณ ได้ให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนว่า วันนี้ตนจะได้เจอกับฝ่ายชายเป็นครั้งแรกในรอบ 2 ปี เพราะศาลนัดให้มาสืบพยาน ตนไม่มั่นใจตัวเลขหนี้สินที่แน่ชัด เพราะยังไม่ได้เช็คตัวเลขล่าสุด แต่เป็นหนี้สินที่กู้มาสร้างบ้าน 2 หลัง ย่านสายไหมและกู้มาทำค่ายมวยร่วมกัน ซึ่งการกู้หนี้เป็นชื่อร่วมกันตั้งแต่แรก และสร้างทุกอย่างมาด้วยกันตั้งแต่ยังเป็นพื้นดินเปล่า "หญิง วลัยทิพย์" ยังบอกอีกว่า คนเลิกกันแล้ว ก็ควรจะเคลียร์กันทุกอย่าง อย่างชื่อหนี้ที่กู้ร่วมกัน เพราะหย่ากันแล้ว ถ้าฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดไม่ชดใช้หนี้ จะทำให้เดือดร้อนทั้ง 2 ฝ่าย ซึ่งตอนนี้ต่างฝ่ายต่างใช้หนี้กันคนละทาง และทางทนายของสามารถบอกแต่เพียงว่า "สามารถ" ไม่มีเงิน ให้เงินได้เพียง 1 ล้านบาทเท่านั้น แล้วให้ไปแต่ตัว ตนมองว่ารักกันอยู่ด้วยกันสร้างทรัพย์สินด้วยกันมา เลิกกันก็ควรจะได้สิ่งที่ควรจะได้ บ้าน 2 หลัง ในรั้วเดียวกันย่านสายไหมบนพื้นที่ 2 ไร่ ตนก็ขอแบ่งคนละหลัง ส่วนหนี้สินถ้าไม่มีเงินก็ขายค่ายมวยใช้หนี้ให้จบ ตนไม่ได้เรียกร้องอะไรมากกว่านี้ ตนพยายามจะเจรจามาตลอดระยะเวลา 2 ปี แต่โทรหาก็ไม่รับ อยู่บ้านในรั้วเดียวกัน (คนละหลัง) ก็ไม่มีโอกาสได้คุยกัน เพราะ "สามารถ" คอยหลบหน้าตลอด ด้านทนายธงวัช วราสุวรรณ เผยว่า วันนี้เป็นฟ้องร้องเพื่อให้แบ่งทรัพย์สินตามสิทธิ์ โดยหลังจากที่โจทก์ได้ฟ้องร้องดำเนินคดี ทาง "สามารถ พยัคฆ์อรุณ" ได้ฟ้องกลับโจทก์เกี่ยวกับที่ดินจังหวัดขอนแก่น จำนวน 1 ไร่ ว่าให้แบ่งเป็นสินสมรส 30 % โดยทนายธงวัชแย้งว่าที่ดินนี้เป็นที่ดินส่วนตัวของคุณแม่โจทก์ (หญิง) ตนมองว่าเป็นลักษณะฟ้องซ้อน ซึ่งต้องพิสูจน์กันที่ศาลต่อไป (คดีย่อยนี้คาดว่าจะตัดสินเสร็จเที่ยงวันนี้) ความรักพอมันเป็นแบบนี้แล้วรู้สึกยังไง “มันต้องเสียใจอยู่แล้วค่ะ แต่ว่าหญิงข้ามจุดนั้นมาแล้ว หญิงอยากให้พี่สามารถเป็นตัวของตัวเอง ไม่ต้องไปฟังใครมาก ตอนเรารักกัน เราก็รักกันมา 10 ปี วันที่อยากได้ทำทุกสิ่งทุกอย่างเพื่อให้ได้มา แต่วันที่จากลามาทำแบบนี้มันไม่ใช่ค่ะ มันต้องคุยกัน” แสดงว่ามีบุคคลที่สามเข้ามาทำให้เขาเปลี่ยนไป “เขาบอกชัดเจนอยู่แล้วว่ามีคนหาทนายไว้ให้เขาแล้ว หญิงมีคลิปเสียงด้วยค่ะ” เรื่องค่ายมวยที่บอกจะขาย แต่เขาเปลี่ยนใจ ตรงนี้เราก็มีหลักฐานใช่ไหม “มีค่ะ แต่จริงๆ หญิงไม่ต้องการให้ขายอะไรหรอกค่ะถ้าเกิดเราตกลงกันได้ ถ้าพี่สามารถหามา พี่สามารถอยากทำคนเดียว พี่ก็เก็บไว้เลย หญิงค่อนข้างแฟร์ๆ แมนๆ อยู่แล้วค่ะ แต่ในเมื่อพี่สามารถบอกว่าไม่มีจะให้ ไม่รู้จะให้อะไร ถ้าอย่างนั้นสิ่งที่สร้างร่วมกันมาก็เอาไปทำอะไรเพื่อให้ได้เงินมา แล้วชำระหนี้ แล้วแบ่งกันดีมั้ย ก็แค่นั้นเองค่ะ” ปัญหาเดียวที่เราอยากได้คือชำระหนี้ให้เรียบร้อยใช่ไหม “ชำระหนี้ด้วย และสิ่งที่เราร่วมทำกันมา เสียเวลาอยู่ด้วยกันมา โอกาสที่เราเสียไปพี่สามารถเป็นลูกผู้ชาย พี่สามารถก็น่าจะรู้ว่าอะไรควรไม่ควร” ฝั่งนั้นเขามีปัญหาเรื่องการเงินด้วยหรือเปล่า “ไม่ทราบเลยค่ะ ตั้งแต่แยกกันมาก็ไม่ได้คุยกันเลย หญิงพยายามโทรไปเขาก็ไม่รับสาย” คือไม่ได้คุยกันมา 2 ปีแล้วตั้งแต่เลิกใช่ไหม “ใช่ค่ะ ไม่ได้คุยกันเลย บ้านก็อยู่รั้วเดียวกันนะคะ ในพื้นที่ 1 ไร่ แต่โฉนดแบ่งแยกกัน ก็ไม่ค่อยได้เจอ เพราะหญิงทำงานต่างจังหวัด ถึงเจอพี่สามารถก็หลบค่ะ เคยโทรมาก็ไม่รับ โทรไปเบอร์ของเด็กๆ ในค่ายเขาก็บอกว่าพี่สามารถไม่คุย” แต่วันนี้ต้องเจอกันในศาล เตรียมตัวจะคุยอะไรกับเขายังไงบ้าง “ก็มีหลายอย่างนะคะ” คิดว่าจะจบในทางที่ดีไหม “ตอนนี้ไม่สามารถจะคิดแทนพี่เขาได้แล้ว เพราะพี่เขาเปลี่ยนไปเยอะ กาลเวลามันเปลี่ยน สิ่งใดไม่เปลี่ยนแปลงมันไม่มีอยู่จริงหรอกค่ะ เขาเปลี่ยนไปแล้ว” ตัวเราคาดเดาว่าจะต้องจบยังไง “อย่าพูดว่าคาดเดาเลยค่ะ เรียกว่าภาวนาให้มันจบสวยๆ แล้วกันค่ะ” เรามั่นใจว่าจะชนะคดี “ก็มั่นใจในคุณธงวัช ทนายความค่ะ” ทนายเองก็มั่นใจในหลักฐานที่มี ทนาย “ใช่ครับ เพราะส่วนใหญ่จะเป็นเอกสารสิทธิ ซึ่งโดยตัวแรกเลยจะเป็นที่ดินที่มีการจดทะเบียนอยู่แล้ว ฉะนั้นพยานหลักฐานเราค่อนข้างที่จะมั่นใจ แต่เราก็ไม่ตัดสิทธิในเรื่องของการเจรจาเพื่อที่จะหาข้อยุติ” หญิง “คือทนายของเราเขาไม่ได้วางหมากซะทุกอย่าง เขาปรึกษาหารือและมีความเมตตา เพราะในเรื่องของคดีครอบครัวมันต้องมีความเมตตา มันต้องได้เจรจากันอย่างนี้ค่ะ ทนายของเราเป็นแบบนี้ พูดคุยกันค่ะ” นัดหน้าอีกทีเมื่อไร ทนาย “จะมีวันที่ 21-23 สิงหาคม แล้วก็วันที่ 28 สิงหาคมวันสุดท้าย ก็ต้องดูนัดวันนี้ เพราะดูแนวโน้มของศาลแล้วค่อนข้างที่จะอยากให้เจรจามากกว่า วันนี้ก็เป็นสืบพยานนัดแรก” ทั้งนี้ ศาลจังหวัดมีนบุรีจะนัดสืบพยานอีกครั้งในวันที่ 21-23 สิงหาคม และวันที่ 28 สิงหาคม

advertisement

คุณอาจสนใจข่าวนี้

ข่าวยอดนิยม

ข่าวบันเทิง เป็นกระแส