ไฟป่านครนายกยังไม่หยุด แต่ควบคุมวงจำกัดได้แล้ว ยืนยันไม่ลามไปถึงสระบุรี วันนี้จะมีเฮลิคอปเตอร์ช่วยดับไฟ 5 ลำ
ความคืบหน้ากรณีเกิดไฟไหม้ป่าในพื้นที่จังหวัดนครนายก จนถึงขณะนี้เพลิงยังไม่สงบ โดยเช้าวันนี้ (31 มี.ค.66) อยู่ระหว่างการควบคุมเพื่อจำกัดพื้นที่ของกลุ่มไฟ ไม่ให้เข้าบริเวณพื้นที่สำคัญและที่อยู่อาศัยของประชาชน ส่วนผู้ว่าราชการจังหวัดนครนายก บอกตอนนี้ควบคุมเพลิงอยู่ในวงจำกัด
สำหรับการปฏิบัติภารกิจที่ผ่านมา หลังเกิดพายุลมแรงและฟ้าผ่า ทำให้เกิดไฟลุกไหม้บนเขาชะพลู เมื่อ 28 มีนาคม 2566 ต่อมาไฟปะทุรุนแรงขึ้นในวันที่ 29 มีนาคม 2566 ก่อนลุกไหม้ไปทางเขาแหลม ใกล้เขตพื้นที่ หมู่ 13 ต.พรหมณี และ หมู่ 10-13 ต.เขาพระ อ.เมือง จ.นครนายก และลุกไหม้เข้านางดำและเขาวังรี ซึ่งเจ้าหน้าได้เข้าควบคุมเพลิงอย่างต่อเนื่อง กระทั่งวานนี้ (30 มี.ค. 66) ได้ใช้เฮลิคอปเตอร์ขึ้่นบินทิ้งน้ำบนเขาที่มีไฟป่า ประกอบด้วย เฮลิคอปเตอร์ของ ปภ. 1 ลำ จำนวน 20 เที่ยว, เฮลิคอปเตอร์ของหน่วยทหาร 1 ลำ จำนวน 20 เที่ยว, เฮลิคอปเตอร์ของกระทรวงทรัพยากรฯ 1 ลำ จำนวน 50 เที่ยว รวม 3 ลำ ทิ้งน้ำจำนวน 154,500 ลิตร ขณะเดียวกัน วันนี้ (31 มี.ค 66) กระทรวงทรัพยกรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจะนำเฮลิคอปเตอร์มาเพิ่มอีก 1 ลำ โดยบินตรงมาจากจังหวัดเชียงใหม่ คาดว่าจะถึงที่จังหวัดนครนายกช่วงเที่ยง
ทั้งนี้จากปฏิบัติการทิ้งน้ำของเฮลิคอปเตอร์ดูเหมือนไฟป่าจะอ่อนลงไปบ้าง อย่างไรก็ตาม ตั้งแต่ช่วงเย็นวานนี้จนถึงช่วงดึก ไฟป่าได้ปะทุขึ้นมาอีกครั้ง หลังจากมีกระแสลมพัดเข้ามาในพื้นที่
สำหรับพื้นที่ด้านล่างบริเวณตีนเขา หน่ายงานต่างๆ ได้แก่ อปท., ศูนย์ ปภ.เขต 3 ปราจีนบุรี, หน่วยทหาร และหน่วยงานเกี่ยวข้องทุกภาคส่วน ได้นำรถดับเพลิงและเครื่องมือเครื่องใช้ต่างๆ เฝ้าระวังและเตรียมความพร้อม ปฏิบัติการป้องกันไฟป่าไม่ให้ลุกลามเข้าใกล้พื้นที่ที่อยู่อาศัยของประชาชน โดยแผนปฏิบัติงานของวันนี้ (31 มีนาคม 2566) ยังคงปฏิบัติการทางอากาศ เฝ้าระวัง และเตรียมความพร้อมปฏิบัติการป้องกันไฟป่าบริเวณตีนเขา นอกจากนี้จะบูรณาการกำลังพลจากหน่วยต่างๆ ประกอบด้วย มวลชนเขาพระ 50 คน, โรงเรียนเตรียมทหาร 20 คน, เจ้าหน้าที่ไฟป่านครนายก 10 คน, เจ้าหน้าที่หน่วยเขาใหญ่ 7 คน, เจ้าหน้าที่ป่าไม้สำนัก 9 ปราจีนบุรี 85 คน, อบต. กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน และจิตอาสาดับไฟป่า อ.เมืองนครนายก 30 คน รวมกำลังพล 252 คน ปฏิบัติการภาคพื้นดิน เดินขึ้นเขาดับไฟและทำแนวกันไฟ
นายบัญชา เชาวรินทร์ ผู้ว่าราชการจังหวัดนครนายกในฐานะผู้อำนวยการจังหวัด เผยว่า ได้ให้เมื่อวานเป็นวันแรกในการยกระดับเป็นศูนย์บัญชาการป้องกันแก้ไขปัญหาไฟป่านครนายก เมื่อวานนี้ใช้ ฮ.ดำเนินการทางภาคอากาศจำนวน 3 ลำ เป็นของกองทัพบก กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และ กรมปภ. ซึ่งบินดับไฟมากว่า 90 เที่ยวบิน ใช้น้ำไป 154,000 ลิตรในการดับไฟ ในส่วนสภาพปัญหาในช่วงแรกตอนเช้าเป็นเรื่องของทิศทางลม แต่พอมาถึงช่วงบ่ายสถานการณ์ดีขึ้นสามารถพุ่งเป้าได้ตรงจุดมากขึ้น จนกระทั่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ได้มีข้อสั่งการให้ทำงานภาคพื้นดินควบคู่ภาคพื้นอากาศ โดยเช้าวันนี้ได้มีการสั่งการและปฏิบัติการตั้งแต่เวลา 07.00 น. โดยให้ผู้รับผิดชอบชุดควบคุมซึ่งมีหัวหน้าสถานีป่าไม่เขาใหญ่เป็นผู้บินขึ้นไปตรวจการณ์ พบว่าควันไฟจากจุดต่างๆ น้อยลง อาจจะมีหัวไฟใหญ่บ้าง ซึ่งเมื่อวานจะมีอยู่ 3 หัว แต่ตอนนี้เหลือ 1 หัว ดังนั้นก็จะพบเห็นควันที่ยังปะทุอยู่บ้าง เมื่อได้ทำการชี้เป้าเสร็จเรียบร้อย
สำหรับในช่วงบ่ายจะมี ฮ.มาเพิ่ม 2 ตัว จากรมป้องกันบรรเทาสาธารณะภัยที่ได้รับจากรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาไทย พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา สั่งการให้นำมาเพิ่ม และกรมทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมส่งมาเพิ่มอีก 1 ตัว เมื่อรวมแล้ววันนี้จะมีปฏิบัติการทางอากาศด้วย ฮ. ทั้งหมด 5 ลำ โดยยังไม่รวมเครื่องบินจากกองทัพอากาศที่ช่วยบินตรวจสภาพการณ์เพื่อประเมินให้กับชุดที่โจมตีทางอากาศ ขณะเดียวกันก็เป็นไปตามข้อสั่งการของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาไทย ที่เพิ่มชุดเดินเท้าเข้าพื้นที่ไปด้วย 100 กว่าคน ไปตามเป้าที่ได้จากการบินสำรวจเมื่อช่วงเช้าเพื่อเข้าไปทำการดับไฟ และส่วนไหนที่จำเป็นต้องสร้างแนวเพิ่มก็จะดำเนินการร่วมด้วย
ในส่วนสถานการณ์สรุปในตอนนี้ ใช้คำว่า ตอนนี้เราสามารถควบคุมจำกัดวงได้ และจะเข้าทำการโจมตีเป้าหมายในวันนี้ ทั้งภาคพื้นอากาศและพื้นดิน
ส่วนเหตุการณ์เมื่อคืนนี้ช่วงเวลาประมาณ 23.00 น. มีคลื่นลมเกิดขึ้นนิดนึงไปทางตะวันออกเฉียงเหนือของเขาแหลมจึงทำให้ไฟรามลงมา แต่ทั้งนี้ในแผนได้มีชุดเฝ้าระวังภาคพื้นดินบริเวณเชิงเขารอไว้อยู่แล้วโดยมีนายอำเภอเมืองนครนายกและนายก อบต.เขาพระเป็นผู้ดูแลรับผิดชอบ ซึ่งไฟดังกล่าวก็ไม่ได้ลงมายังพื้นที่ด้านล่าง โดยเจ้าหน้าที่ได้ทำความชื้นบนพื้นที่เชิงเขาไว้ตลอด ทั้งนี้ก็อยากขอบคุณกำลังใจจากทุกท่าน ทุกภาคส่วนที่ส่งกำลังใจมาให้เจ้าหน้าที่ปฏิบัติงาน ที่สนับสนุนอาหารน้ำดื่มให้กับทีมเจ้าหน้าที่
ส่วนพื้นที่ที่ถูกไฟไหม้นั้น เมื่อวานตนได้โทรหาผู้ว่าราชการจังหวัดสระบุรี หลังจากที่มีภาพไฟไปทางทิศทางเหนือ และมีการประเมินว่าไฟอาจจะไปทิศทางนั้น ปรากฏว่าทางจังหวัดสระบุรีได้ทำแนวกันไฟเพิ่มเติมจากเดิมซึ่งเป็นการเตรียมความพร้อม ซึ่งมันเลยจุดความร้อนขึ้น พออยู่ในโลกโซเชียลก็เกิดดราม่า ว่าไฟจากจังหวัดนครนายกลามไปยังจังหวัดสระบุรี ซึ่งความจริงระยะทางยังห่างไกลกันอีกมาก เพียงแต่ทางจังหวัดสระบุรีได้ทำแนวกันไปจึงทำให้จุดความร้อนเกิดขึ้น หลังจากที่ตนได้คุยกับผุ้ว่าราชการจังหวัดสระบุรีจึงทราบข้อเท็จจริง ว่าจุดความร้อนนั้นเป็นการทำแนวกันไฟเพิ่มเติมจากเดิม
ด้านการสาธารณสุข หากต้องมีการอพยพชาวบ้านก็จะพาไปอยู่ที่วัดวังรี และวัดเขาทุเรียน ในพื้นที่ตำบลเขาพระ ทั้ง้นี้ทีมสาธารณสุขอำเภอได้ลงพื้นที่ โดยมีข้อมูลประชากรว่าบ้านไหนมีผู้ป่วย หรือผู้ป่วยติดเตียง ผู้สูงอายุ ก็จะมีการคัดก่อนเบื้องต้น หากเกิดเหตุฉุกเฉินก็จะนำบุคคลกลุ่มนี้เคลื่อนย้ายไปก่อน ขณะที่เจ้าหน้าที่ปฏิบัติงานเดินเท้าก็จะมีเจ้าหน้าที่สาธารณะสุขตามไปด้วยปฐมพยาบาลเบื้องต้นและมีการสับเปลี่ยนกำลังพลในการออกทำงาน