“ทิพานัน” ยัน ยุบสภา ไม่กระทบ “บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ” 

23 มี.ค. 66

“ทิพานัน” ยัน ยุบสภาฯ ไม่กระทบ “บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ” ย้ำคือรัฐสวัสดิการพื้นฐานที่กลุ่มมีสิทธิควรได้ ย้ำ “ประยุทธ์” ทำแล้ว ทำอยู่ ทำต่อ

วันที่ 23 มี.ค. 66 น.ส.ทิพานัน ศิริชนะ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า จากกรณีที่มีประกาศ พ.ร.ฎ.ยุบสภา เพื่อให้มีการจัดการเลือกตั้งใหม่ภายใน 45 วัน ไม่เกิน 60 วันนั้น

ขอย้ำกับประชาชนผู้ผ่านเกณฑ์ และยืนยันตัวตนบัตรสวัสดิการแห่งรัฐสำเร็จภายในวันที่ 26 มี.ค. 66 จะสามารถใช้สิทธิสวัสดิการผ่านบัตรประจำตัวประชาชนได้ตั้งแต่วันที่ 1 เม.ย. 66 ตามกำหนดการที่กำหนดไว้ โดยไม่มีการเปลี่ยนแปลง ซึ่งผู้ผ่านเกณฑ์และยืนยันตัวตนบัตรสวัสดิการแห่งรัฐเรียบร้อยแล้ว

น.ส.ทิพานัน กล่าวว่า ทั้งนี้ข้อมูลล่าสุด ณ วันที่ 21 มี.ค. 66 เวลา 13.00 น. มีผู้ผ่านเกณฑ์โครงการลงทะเบียนเพื่อสวัสดิการแห่งรัฐปี 2565 ยืนยันตัวตนสำเร็จ 11,383,700 ราย คิดเป็น 77.99% ของจำนวนผู้ผ่านเกณฑ์ทั้งหมด 14,596,820 ราย โดยมีจำนวนผู้ยื่นอุทธรณ์ผลการพิจารณาคุณสมบัติของผู้ที่ไม่ผ่านเกณฑ์การพิจารณาคุณสมบัติ ทั้งสิ้น 1,122,950 ราย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม มุ่งยกระดับสวัสดิการประชาชน ขยายผลการดูแลให้ทั่วถึงเท่าเทียมเพื่อลดความเหลื่อมล้ำ

“ส่วนกรณีที่นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ วิจารณ์ บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ว่าแจกเงินแบบไม่คิดนั้น จะสังเกตว่านายทักษิณวิจารณ์โจมตี บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ เป็นครั้งที่ 2 แล้ว ตนก็ได้ทวงถามถึงความชัดเจนว่า จะเสนอให้พรรคเพื่อไทยยกเลิก บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ หรือไม่ ทั้งที่ บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ เป็นบัตรรัฐสวัสดิการขั้นพื้นฐาน ที่ประสบความสำเร็จประชาชนพึงพอใจมาก สิ่งที่ประชาชนอยากให้นายทักษิน รีวิวบ้างคือ รัฐบาลทักษิณ-ยิ่งลักษณ์ โกงชาติโกงประชาชนไปเท่าไร จากนโยบายจำนำข้าว คดีจัดซื้อที่ดินย่านรัชดาภิเษก คดีปล่อยกู้กรุงไทยที่ปล่อยให้ลูกน้องติดคุกแทน และอีกอีกหลายคดี จนกลายเป็นรัฐล้มเหลวมากที่สุดในประวัติศาสตร์” น.ส.ทิพานัน กล่าว

น.ส.ทิพานัน กล่าวต่อว่า ส่วนการเพิ่มรายได้ประชาชนเป็นสิ่งที่ พล.อ.ประยุทธ์ทำแล้ว  ซึ่งได้แยกจากการการให้สวัสดิการพื้นฐานของรัฐที่ประชาชนตามกลุ่มเป้าหมายควรได้ โดยผ่านโครงการต่างๆ ที่ทำให้เกิดการจ้างงาน สร้างอาชีพและยกระดับรายได้ การต่อยอดยกระดับอุตสาหกรรมเดิม และ7 อุตสาหกรรมใหม่  โครงการเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC) พื้นที่การลงทุนและแหล่งบ่มเพาะ 12 อุตสาหกรรมเป้าหมายของประเทศ มีการสนับสนุนให้การพัฒนาเกษตรกรรุ่นใหม่ หรือสมาร์ทฟาร์มเมอร์ มีการจัดการผลผลิต/ตลาดใส่ใจคุณภาพ ซึ่งเป็นการทำงานเพื่อยกระดับรายได้ และอื่นๆ อีกมาก เป็นสิ่งที่ พล.อ.ประยุทธ์ ทำแล้ว ทำอยู่ และเชื่อว่าประชาชนจะไว้วางใจให้ พล.อ.ประยุทธ์ทำต่อ

advertisement

คุณอาจสนใจข่าวนี้

ข่าวยอดนิยม