งูกัด ไม่จำเป็นต้องฉีด 'เซรุ่ม' แก้พิษ แต่จะได้รับเมื่อเริ่มมีอาการ แพทย์จะพิจารณาว่าจำเป็นต้องใช้หรือไม่ เพราะส่วนใหญ่ได้รับพิษไม่รุนแรง
รู้หรือไม่ว่า ถูกงูกัด ไม่ได้หมายความว่าเมื่อไปถึงโรงพยาบาลแล้วจะได้รับเซรุ่มถอนพิษ ไม่เพียงแค่ในประเทศไทยเท่านั้น แต่ทั่วโลกยังคงมีความเข้าใจผิดเกี่ยวกับการใช้เซรุ่มพิษงูคือ เมื่อเรารับยาถอนพิษหรือว่าเซรุ่มเข้ามาแล้วเราจะหายเป็นปกติ แต่ในความเป็นจริงการรักษาผู้ป่วยถูกงูพิษกัดจะต้องใช้การรักษาอื่นๆ เพิ่มเติม เพราะว่าเซรุ่มไม่สามารถป้องกันอันตรายที่อาจเกิดจากพิษงูได้ทั้งหมด
นายสัตวแพทย์ทักษะ เวสารัชชพงศ์ สัตวแพทย์จาก สวนงู สถานเสวภา สภากาชาดไทย ให้ข้อมูลว่า หลังฉีดเซรุ่มแล้วจะหยจากอาการที่ได้รับพิษเลยว่า การได้รับเซรุ่มเข้าร่างกายหลังถูกงูพิษกัดแล้วจะหายเลยนั้นไม่เป็นความจริง เพราะเซรุ่มจะออกฤทธิ์ได้ดีคือต้องเข้าไปจับกับพิษที่อยู่ในกระแสเลือดก่อนที่พิษจะเริ่มทำงาน แต่ส่วนใหญ่ในสถานการณ์จริงเมื่อโดนงูพิษกัดเราได้รับพิษก่อน และกว่าจะได้รับเซรุ่มก็เป็นเวลาที่พิษจะเริ่มออกฤทธิ์แล้ว ส่วนใหฯการให้เซรุ่มตามกันไปจึงช่วยลดความรุนแรงส่วนหนึ่งได้แต่ไม่ได้รักษาอาการบาดเจ็บลงได้
ผลข้างเคียงหลังการฉีดเซรุ่ม
อาจเกิดอาการแพ้เซรุ่มได้ การแพ้เกิดจากรณีที่เราได้รับภูมิคุ้มกันจากม้าเข้าไป และกรณีที่เกิดอาการแพ้จะเริ่มเกิดจากการแพ้ระยะแรกจะมีอาการผื่นขึ้น คัน ลักษณะคล้ายกับแพ้อาหาร จนกระทั่งอาการรุนแรง คืออาจมีอาการรุนแรงเฉียบพลัน ความดันโลหิตตก และอาจถึงขั้นเสียชีวิตได้
ถูกงูพิษกัดจะได้รับเซรุ่มตอนไหน
ในการใช้เซรุ่มแต่ละชนิดจะขึ้นอยู่กับข้อบ่งชี้ เช่น กรณีของการได้รับพิษจากงูที่มีผลต่อระบบประสาท จะเริ่มใช้เซรุ่มในกรณีที่ผู้ป่วยเริ่มมีอาการทางประสาทเช่น ตาตก หรือกล้ามเนื้ออ่อนแรง แต่ถ้ากรณีในระบบเลือด หรือระบบโลหิต จะเริ่มใช้เมื่อตรวจเลือดแล้วพบว่าการแข็งตัวของเลือดมีความผิดปกติไป ซึ่งแต่ละชนิดจะมีข้อบ่งชี้การใช้ที่แตกต่างกันและไม่ใช้กับผู้ป่วยที่ถูกงูพิษกัดทุกรณี
ผู้ป่วยถูกงูกัดเซรุ่มได้รับทุกคน?
ไม่ได้รับเซรุ่มทุกคน แพทย์จะพิจารณาก่อนว่าผู้ป่วยจำเป็นต้องได้รับเซรุ่มหรือไม่ เพราะโดยส่วนใหญ่ผู้ป่วยที่โดนงูพิษกัดมักไม่ได้รับพิษรุนแรงจนถึงกับต้องได้รับเซรุ่ม หลายรายที่โดนงูพิษกัดไม่ได้มีอาการรุนแรง สามารถหายเองได้ เพราะฉะนั้นคนที่จะได้รับหรือไม่นั้นขึ้นอยู่กับอาการแสดง และการวินิจฉัยของแพทย์
