จากกณีที่เพจ อีซ้อขยี้ข่าว 2 ได้ออกมาโพสต์ภาพที่ทำให้สะเทือนวงการพระสงฆ์อีก โดยเป็นภาพของชายคล้ายสามเณรเข้าใช้บริการคลินิกเสริมความงาม พร้อมใบเสร็จการชำระเงิน โดยระบุว่า “เพราะความสวยรอไม่ได้...เดินเข้าคลินิคเติมโบ ฉีดกลูต้าอัพสกิลความสวยด้วยเงินหลักหมื่นแล้วสลัดจีวรเปลี่ยนลุคเป็นสาวสวยผมยาว...พระวัดหนึ่งในที่ จ.พะเยา”
ทีมข่าวลงพื้นที่เข้าไปยังวัดที่พระที่ถูกกล่าวหาจำพรรษาอยู่ แต่ไม่พบพระรูปดังกล่าว พระครูเจ้าอาวาส เผยว่า พระรูปดังกล่าวเป็นคนพื้นเพในพื้นที่อำเภอดอกคำใต้ จังหวัดพะเยา และมาจำวัดที่วัดหลวงราชสัณฐาน เป็นระยะเวลานานพอสมควร จนได้รับการแต่งตั้งให้เป็นผู้ช่วยเจ้าอาวาส รวมทั้งเลขานุการรองเจ้าคณะอำเภอ
ทั้งนี้ทางสำนักพระพุทธศาสนา จ.พะเยา และคณะสงฆ์จะมีการตั้งคณะกรรมการขึ้นมาสอบสวนหาข้อเท็จจริงกรณีที่เกิดขึ้นดังกล่าวแล้ว
ด้าน นายเม่น (นามสมมติ) และ นางอ้อน (นามสมมติ) ชาวบ้านที่ทำการค้าขายอยู่หลังวัด กล่าวว่า พระรูปนี้จำวัดอยู่ที่วัดแห่งนี้จริง ๆ ที่ผ่านมาเคยเห็นพระรูปนี้มาตลอด ลักษณะจะตุ้งติ่งดูออกเลยว่าเป็นพระตุ๊ด ส่วนตัวไม่ศรัทธาและไม่เคยทำบุญด้วย ไม่อยากให้มาเป็นพระเพราะดูไม่สำรวม เพราะวัดแห่งนี้มีอายุเป็น 100 ปี ไม่เคยมีเรื่องเสื่อมเสียมาก่อน เพิ่งมีพระรูปนี้ที่รักสวยรักงามมาทำให้วัดเสื่อมเสีย ความคิดเห็นส่วนตัวก็อยากให้ศึกออกจากวัดไปซะ เพราะบวชเป็นพระไม่ควรจะเข้าคลินิกเสริมความงาม แล้วทำให้วัดเสื่อมเสียชื่อเสียง
ทีมข่าวได้ข้อมูลจากคลีนิคที่พระรูปนี้เข้าไปใช้บริการจากแพทย์ผู้รักษาระบุว่า พระรูปนี้เข้ามาใช้บริการที่คลินิกจริงแต่ไม่ได้มาเสริมความงาม พระติดต่อมาขอรักษาที่คลินิกเพราะมีอาการปวดตา ตาอักเสบ ใต้ตาบวม ตั้งแต่พระรูปนี้ติดต่อมาขอให้รักษาก็ไม่ได้ปกปิดตัวเองแต่อย่างใดว่าเป็นพระ เพราะเข้ามาทำการรักษาจริง ๆ ไม่ใช่การเข้ามาเสริมความงาม
ซึ่งทางคลินิกเองมีประวัติการรักษาทั้งหมดแต่ไม่สามารถที่จะเปิดเผยได้ เนื่องจากเป็นประวัติของคนไข้ตามจรรยาบรรณแพทย์แล้วไม่สามารถที่จะเปิดเผยประวัติของคนไข้ได้ แต่ทางคลินิกเห็นว่าเพื่อความเป็นธรรมกับพระที่ถูกกล่าวหาจึงอยากให้สังคมเข้าใจว่าพระไม่ได้มาเสริมความงามแต่มารักษาอาการตาอักเสบ ซึ่งทางคลินิกได้ให้ยาฆ่าเชื้อและยาแก้แพ้ไปด้วย ซึ่งตามบิลที่หลุดออกไปในโลกโซเชียลมีเดียที่ระบุว่า เป็นการทำ Skin detox blink จำนวน 5 ครั้งราคา 9,950 บาทนั้น เป็นการล้างสารพิษออกจากผิวไม่ใช่การมาฉีดทำโบท็อกหน้าอย่างที่ทุกคนเข้าใจ
พระรูปดังกล่าวเดินทางเข้ามารักษาที่คลินิกวันที่ 27 ธ.ค. 65 หลังจากนั้นทางคลินิกก็ให้กินยาฆ่าเชื้อจนถึงวันที่ 3 ม.ค. 66 ตามบิลที่หลุดออกไป ทางคลินิกขอยืนยันว่าพระรูปดังกล่าวไม่ได้เข้ามาที่คลินิกเพื่อเสริมความงามแต่มารักษาอาการตาอักเสพ พระรูปนี้เคยมารักษาสิวกับทางคลินิกตั้งแต่ปี 60 ที่ผ่านมากับทางคลินิก ซึ่งเมื่อมีภาพบิลของทางคลินิกหลุดออกไปในโลกโซเชียลจึงทำให้ทุกคนเข้าใจว่าพระมาเสริมความงาม แต่ความจริงแล้วพระนั้นมารักษาอาการตาอักเสบที่คลินิกไม่ได้มาเสริมความงามได้อย่างใด
ขณะที่ “แพรรี่ ไพรวัลย์” อดีตพระนักเทศน์ ได้ให้ความเห็นถึงกรณีดังกล่าวว่า ได้ทราบข่าวนี้แล้ว ทางเจ้าอาวาสวัดก็ออกมายอมรับว่าเป็นพระลูกวัดจริง ซึ่งเป็นเรื่องน่าตกใจที่พระในยุคนี้ไม่มีความละอายใจเลย การไปทำแบบนี้มันไม่ถูก ฆราวาสไม่ได้กราบเคารพเพราะท่านสวยเหมือนนางงาม แต่เขากราบเพราะท่านงามที่ในศีลในธรรม เพราะท่านปฏิบัติตัวดีอยู่ในผ้าเหลือง แต่ถ้าอยากสวยอยากงามก็ต้องสึกออกไปเป็นนางงามอยู่บนเวที
และที่เห็นใบเสร็จชำระเงินส่วนตัวชื่อว่า เป็นเงินทำบุญจากทางวัดและนำมาใช้จ่าย เพราะจริง ๆ แล้วพระจะไม่มีเงินเก็บส่วนตัว ส่วนใหญ่ได้มาจากการทำบุญของญาติโยม และเงินส่วนที่ได้มานี้เขาก็คิดว่าพระจะนำไปใช้ในทางสมณคือการใช้สอยในทางพระภิกษุ จะนำมาใช้เสริมความงามไม่ได้เลย ถ้าอยากสวยงามต้องสึกออกมาแล้วไปทำงานหาเงินแล้วค่อยเสริมความสวยได้เต็มที่
ฉะนั้นการกระทำเช่นนี้ เจ้าอาวาสต้องจัดการ จะต้องมีการสอบถามตักเตือนว่าจะไม่มีการกระทำเช่นนี้อีก แต่ถ้ายังทำก็ต้องมีการนิมนต์ให้สึก ส่วนของคลินิกความงามก็ไม่ควรทำ เขาอาจจะมองว่าเป็นลูกค้าแต่หากมีจรรยาบรรณนิดหนึ่งก็คงไม่ทำ หรือเขาอาจจะเข้าใจผิดว่าพระสามารถทำได้ตนก็ไม่รู้ ตนก็ต้องให้ความเป็นธรรมกับคลินิกด้วย
สุดท้ายอยากจะฝากทิ้งท้ายว่า หากจะทำอะไรต้องรู้จักบริบทหน้าที่ของตัวเองอย่าสับสน อย่าเอาความเป็นนักบวชไปทำเรื่องน่ารังเกลียดแบบนี้