จากกรณีเจ้าที่กู้ภัยสมาคมอยุธยารวมใจหน่วยกู้ภัยอยุธยา ได้รับแจ้งเหตุทำร้ายร่างกายและพบอาวุธปืนลูกซองสั้นไทยประดิษฐ์ตกอยู่ในที่เกิดเหตุ หน้าวิหารพระมงคลบพิตร ถนนนเรศวร ต.ประตูชัย อ.พระนครศรีอยุธยา จ.พระนครศรีอยุธยา บนถนนกินเส้น ทางเข้างานยอยศยิ่งฟ้าอยุธยามรดกโลก
และพบ นายชญานนท์ (สงวนนามสกุล) อายุ 19 ปี ผู้ก่อเหตุ ถูกทำร้ายร่างกายได้รับบาดเจ็บมีบาดแผลถลอกบริเวณใบหน้า โดยชาวบ้านในพื้นที่ได้ช่วยกันควบคุมตัวไว้ ก่อนที่เจ้าหน้าที่กู้ภัยจะมาถึงแล้วนำตัวส่งเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.พระนครศรีอยุธยา
ล่าสุดวันที่ 30 ม.ค. 66 ทีมข่าวอมรินทร์ ทีวี ตรวจสอบกล้องวงจรปิดบริเวณจุดเกิดเหตุ จากภาพวงจรปิดจะเห็นคู่กรณีวัยรุ่นสองคนขี่รถจักรยานยนต์มาจอดอยู่ตรงหัวโค้ง คนแรกเป็นชายสวมเสื้อแจ็คเก็ตสีดำกางเกงขายาวสีดำ ขี่รถจักรยานยนต์สีขาวไม่ทราบยี่ห้อ ส่วนอีกคนเป็นชายสวมเสื้อแจ็คเก็ตสีเขียวกางเกงขายาวสีดำ
หลังจากนั้นไม่นาน นายชญานนท์ ผู้ต้องหา ได้ขี่รถจักรยานยนต์มา โดยมีแฟนสาวเป็นผู้ซ้อนท้าย ระหว่างที่กำลังขี่รถจักรยานยนต์ผ่านชายทั้ง 2 คน นายชญานนท์กับชายคู่กรณีทั้งสองคนได้หันมองหน้ากันคล้ายกับมีปากเสียงอะไรบางอย่าง ก่อนที่นายชญานนท์จะขี่จักรยานยนต์เลยไปไม่ไกลแล้วจอดข้างถนนก่อนที่จะเดินเข้ามาหาชายที่สวมเสื้อแจ็คเก็ตสีดำ พร้อมกับจับปืนที่อยู่บริเวณเอวจากนั้นได้เริ่มมีปากเสียงกับชายทั้งสองคนขึ้น
จากนั้นชายที่สวมแจ็คเก็ตสีดำได้ใช้หมวกกันน็อกฟาดเข้าที่ใบหน้าของนายชญานนท์ และเกิดการต่อสู้กันจนปืนที่นายชยานน์พกมาด้วยตกลงสู่พื้นถนน จากนั้นชายที่สวมแจ็คเก็ตสีเขียวเมื่อเห็นปืนตกลงสู่พื้นถนนได้วิ่งเข้ามารุมทำร้ายนายชญานนท์ ขณะที่แฟนสาวของนายชยานนท์ได้พยายามเข้ามาห้าม
คู่กรณีทั้งสองคนก็ยังทำร้ายนายชยานนท์จนล้มลงบนพื้น แล้วกระทืบซ้ำ จากนั้นไม่นานชายที่สวมแจ็คเก็ตสีเขียวได้เดินมาใช้เท้าเหยียบอาวุธปืนที่ตกอยู่บนพื้นเอาไว้ จากนั้นได้โทรศัพท์ไปตามพวกให้มายังที่เกิดเหตุเป็นชาย 2 รายและหญิงอีก 3 ราย เมื่อมาถึงที่เกิดเหตุก็ได้มีการรุมทำร้ายนายชญานนท์อีกครั้ง โดยมีแฟนสาวของนายชญานนท์เป็นผู้ห้าม จากนั้นเจ้าหน้าที่กู้ภัยจึงเดินทางมาระงับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นไม่ให้บานปลายไม่มากกว่านี้
ต่อมาทีมข่าวอมรินทร์ทีวีลงพื้นที่มายังที่เกิดเหตุ ได้พูดคุยกับ นายประเทือง (นามสมมติ) และ นางฟ้า (นามสมมติ) ชาวบ้านที่เห็นเหตุการณ์ เล่าให้ผู้สื่อข่าวฟังว่าเมื่อเวลาเที่ยงคืนของคืนที่ผ่านมา ทั้งสองคนได้ยินเสียงวัยรุ่นตะโกนด่ากันว่ามึงมองหน้ากูทำไม
จากนั้นได้มีเรื่องชกต่อยกันขึ้น จนคู่กรณีทำปืนตกลงบนพื้นถนน ชาวบ้านจึงตะโกนบอกว่ามีปืนจากนั้นคนที่เห็นเหตุการณ์บริเวณใกล้เคียง ก็เข้าไปห้ามแต่วัยรุ่นคู่กรณีก็ได้รุมทำร้ายร่างกายชายที่ปืนมาด้วยจนได้รับบาดเจ็บ ส่วนแฟนสาวของนายชญานนท์ที่เดินทางมาด้วยพยายามปกป้องแฟนหนุ่มไม่ให้โดนทำร้ายร่างกาย หลังจากนั้นไม่นานเจ้าหน้าที่กู้ภัยก็มาระงับเหตุ จากนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจก็ควบคุมตัวนายชญานนท์พร้อมอาวุธปืนไปดำเนินคดีที่ สภ.พระนครศรีอยุธยา
ที่ สภ.พระนครศรีอยุธยา พบว่า นายชญานนท์ ผู้ต้องหา ถูกควบคุมตัวอยู่ภายในห้องขัง แล้วจะถูกพนักงานสอบสวนส่งตัวไปฝากขังที่ศาลจังหวัดพระนครศรีอยุธยาในวันพรุ่งนี้ โดยทางครอบครัวได้พยายามยื่นประกันตัวแต่ไม่สามารถที่จะประกันตัวได้เพราะต้องใช้หลักทรัพย์สูงถึง 300,000 บาท
นางดาว (นามสมมติ) อายุ 20 ปี แฟนสาวของนายชญานนท์ ที่อยู่ในเหตุการณ์เล่าให้ผู้สื่อข่าวฟังว่า เมื่อคืนที่ผ่านมานายชญานนท์ ได้ขี่รถจักรยานยนต์มาจากอำเภอภาชี เพื่อที่จะไปส่งเธอที่อำเภอบางบาล จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ระหว่างทางได้แวะเที่ยวที่งานมรดกโลกในตัวเมืองอยุธยา
เมื่อไปถึงปากซอยกินเส้น ทางเข้างานนายชญานน์แฟนของเธอได้ขี่จักรยานยนต์ผ่านคู่กรณี แล้วมีการมองหน้ากันซึ่งคู่กรณีได้ถามกลับมาว่า ”มึงมองควยอะไร” จากนั้นแฟนเธอจึงจอดรถจักรยานยนต์เพื่อที่จะไปสอบถามว่าด่าตนทำไม จากนั้นชายที่ใช้เสื้อแจ็คเก็ตสีดำคู่กรณีได้ใช้หมวกกันน็อกฟาดเข้าที่ใบหน้าของนายชญานนท์ทันที จนปืนที่พกมาด้วยตกลงบนพื้นถนน
จากนั้นเพื่อนของคู่กรณี ที่สวมเสื้อแจ็คเก็ตสีเขียวก็วิ่งมารุมกระทืบแฟนของเธอจนได้รับบาดเจ็บ จากนั้นชายที่สวมเสื้อแจ็คเก็ตสีเขียวได้โทรเรียกเพื่อนให้มายังที่เกิดเหตุ แล้วเพื่อนของคู่กรณีก็ได้รุมทำร้ายร่างกายนายชญานนท์อีกครั้ง โดยเธอได้ยืนค่อมนายชญานนท์เอาไว้เพื่อไม่ให้ถูกทำร้ายร่างกาย จากนั้นไม่นานเจ้าหน้าที่กู้ภัยจึงเดินทางมาระงับเหตุ ส่วนสาเหตุที่แฟนของเธอพกปืนเนื่องจากว่าต้องไปส่งเธอเป็นระยะทางที่ไกลจากอำเภอภาชีไปจนถึงอำเภอบางบาลทำให้แฟนหนุ่มต้องพกปืนเพื่อป้องกันตัวพร้อมกับยืนยันว่า แฟนหนุ่มของเธอไม่ใช่ฝ่ายที่ไปหาเรื่องคู่กรณีก่อน
ขณะที่พนักงานสอบสวน สภ.พระนครศรีอยุธยาได้ให้ข้อมูลกับผู้สื่อข่าวว่า เบื้องต้นได้แจ้งข้อกล่าวหา พยายามฆ่าผู้อื่น ครอบครองอาวุธปืนและเครื่องกระสุนโดยไม่ได้รับอนุญาต พกพาอาวุธปืนและเครื่องกระสุนมาในที่สาธารณะหรือเมืองโดยไม่ได้รับอนุญาต แก่นายชญานนท์ผู้ต้องหาแล้ว ซึ่งผู้ต้องหายอมรับสารภาพในเรื่องของ พรบ.อาวุธปืน ส่วนในข้อหาพยายามฆ่าผู้ต้องหายังคงให้การปฏิเสธข้อกล่าวหา ส่วนในเรื่องของคดีทำร้ายร่างกายไม่ได้แจ้งข้อกล่าวหาแก่คู่กรณี เนื่องจากทางผู้ต้องหาไม่มีความประสงค์ที่จะแจ้งความดำเนินคดีในข้อหาทำร้ายร่างกายกับคู่กรณี
ขณะที่ นางยุพิน (นามสมมติ) แม่ของผู้ต้องหาบอกกับผู้สื่อข่าวว่า นายชญานนท์ลูกชายเป็นคนใจร้อน ตามประสาวัยรุ่น ระหว่างที่ไปเยี่ยมลูกชายที่สถานีตำรวจ ลูกชายบอกว่ามีเรื่องกับคู่กรณีเพราะมองหน้ากันแล้วถูกคู่กรณีด่าว่า “มึงมองอะไร” จึงจอดรถจักรยานยนต์สอบถามเมื่อเดินไปถึงก็ถูกคู่กรณีใช้หมวกกันน็อกฟาดจนปืนที่พกด้วยไปตกสู่พื้นแล้วถูกกระทืบซ้ำ
จากนั้นก็โทรตามเพื่อนมารุมกระทืบลูกชายเธออีกครั้ง ซึ่งลูกชายของเธอถูกแจ้งข้อหาหนักทั้งพยายามฆ่าและพกพาอาวุธปืนรวมไปถึงครอบครองอาวุธปืน จากที่ดูภาพจากกล้องวงจรปิดเธอคิดว่าลูกเธอนั้นไม่ได้จะพยายามฆ่าคู่กรณี เพราะว่าไม่ได้ชักปืนออกมาจะยิงแต่อย่างใด ทางครอบครัวเธอไม่ได้แจ้งข้อหาทำร้ายร่างกายกลับไปยังคู่กรณี เพราะตัวแม่เองไม่ได้ติดใจและไม่ได้โกรธคู่กรณีแต่อย่างใด เพราะเข้าใจว่าเป็นการมีเรื่องของกลุ่มวัยรุ่น
ซึ่งอยากจะประกันตัวลูกชายให้ออกมาต่อสู้คดี แต่หลักทรัพย์ในการประกันตัวที่สถานีตำรวจสูงถึง 300,000 บาท ทำให้เธอมีเงินไม่เพียงพอ และไม่สามารถประกันตัวลูกชายออกมาได้ ส่วนพรุ่งนี้จะไปดำเนินการขอประกันตัวในชั้นศาลอีกครั้ง ซึ่งก็ต้องดูว่าในชั้นศาลจะต้องใช้หลักทรัพย์ในการประกันตัวเท่าไหร่
