การ์ดห้ามศึกนักเที่ยวกระสุนเจาะอกดับ โจ๋ช่วยเพื่อนทิ้งปืนซวยติดคุก (คลิป)

วันที่ 27 ม.ค. 66 เวลา 02.20 น. ที่ผ่านมา ร.ต.อ.ประยุพวงศ์ รัตนมัจฉา รอง สว. (สอบสวน) สภ.ช้างเผือก เมืองเชียงใหม่ ได้รับแจ้งจากศูนย์วิทยุช้างเผือกว่า มีเหตุทำร้ายร่างกายกันบริเวณหน้าร้านอาหารแห่งหนึ่ง ถนนช้างเผือก ต.ศรีภูมิ อ.เมืองเชียงใหม่ จ.เชียงใหม่ โดยมีอาวุธปืนและมีคนได้รับบาดเจ็บ

ที่เกิดเหตุพบ กระสุนปืนขนาด 9มม.จำนวน 2 นัด, ปลอกกระสุนปืนจำนวน 7 ปลอก, ชิ้นส่วนโลหะจำนวน 1 ชิ้น, รองเท้าแตะจำนวน 1 คู่ และพบรอยเลือดบริเวณหน้าร้านและภายในร้านอาหารที่เกิดเหตุ ส่วนคนเจ็บถูกอาวุธปืน ได้รับบาดเจ็บถูกนำส่งโรงพยาบาลมหาราชนครเชียงใหม่ แต่ทนพิษบาดแผลไม่ไหวเสียชีวิตในเวลาต่อมา ทราบชื่อคือ นายศุภกิจ เต็มเปี่ยม อายุ 28 ปี

จากการสอบสวนเบื้องต้น ได้ความว่าเมื่อวันที่ 27 ม.ค. 66 เวลาประมาณ 02.00 น. มีลูกค้า 2 กลุ่ม ที่เข้าไปใช้บริการภายในร้านอาหารที่เกิดเหตุ ได้มีเรื่องชกต่อยกัน แล้วพนักงานในร้านเข้าไปห้ามปราม แต่ถูกกลุ่มลูกค้าทำร้ายร่างกาย เมื่อเพื่อนพนักงานเห็นว่า เพื่อนถูกทำร้ายจึงเข้าไปช่วยและเกิดการชุลมุนชกต่อยกันจากด้านในร้านมาถึงศาลาหน้าร้าน

ขณะเดียวกันมี 1 ในกลุ่มลูกค้าได้วิ่งไปที่รถยนต์ ที่จอดอยู่บริเวณลานจอดรถแล้วได้หยิบอาวุธปืนกลับมาหน้าร้าน พร้อมกับใช้อาวุธปืนยิงไปบริเวณจุดที่มีการชกต่อยกัน เป็นเหตุให้กระสุนปืนไปถูกบริเวณด้านหลังซ้ายของ นายศุภกิจ ได้รับบาดเจ็บ แล้วนายศุภกิจ ได้วิ่งหลบหนีเข้าไปในร้าน ส่วนกลุ่มคนร้ายซึ่งเป็นลูกค้าได้ขับรถยนต์หลบหนี และเพื่อนพนักงานได้นำตัวนายศุภกิจส่งรักษาตัวที่โรงพยาบาลมหาราชนครเชียงใหม่ และเสียชีวิตในเวลาต่อมาขณะรักษาตัวที่โรงพยาบาล

ทีมข่าวตรวจสอบกล้องวงจรปิด ร้านอาหารใกล้เคียงกับร้านเกิดเห็นจับภาพพนักงานร้านอาหารยืนดูเหตุการณ์ ได้ยินเสียงปืนดังสนั่น 7 นัด ก่อนรถกู้ภัยเปิดไซเรนขับผู้บาดเจ็บไปส่งโรงพยาบาล

ทีมข่าวอัมรินทร์ทีวี ได้ภาพกล้องวงจรปิดจับภาพเป็นร้านอาหารแห่งหนึ่งใกล้เคียงจุดที่เกิดเหตุ โดยเวลาประมาณ 01.58 น. วันที่ 27 ม.ค. 66 จากกล้องวงจรปิดจะเห็นได้ว่ามีพนักงานเดินอยู้หน้าร้าน และเวลา 01.58 น. จะได้ยินเสียงปืนดังขึ้น 1 นัด และนัดที่ 2 เวลา 01.58 น. นัดที่ 3 เวลา 01.58 น. และพนักงานเริ่มออกมามุงดู

จนกระทั่งเสียงปืนนัดที่ 4 ดังขึ้นเวลา 01.59 น. นัดที่ 5 เวลา 01.59 น. และนัดที่ 6 เวลา 01.59 น. ก่อนจะได้ยินเสียงปืนนัดสุดท้ายห่างออกไปครู่นึงประมาณ 20 วินาที โดยได้ยินเสียงเวลา 01.59 น. ต่อมาเวลาประมาณ 02.02 น. จะได้ยินเสียงไซเรนรถกู้ชีพออกจากจุดเกิดเหตุที่เป็นรถกระบะขับผ่านไปอย่างเร็ว

ล่าสุดทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ติดตามไล่ล่าคนร้ายที่ก่อเหตุไปยังพื้นที่ อ.เวียงป่าเป้า จ.เชียงราย สามารถจับกุมตัว นายอานนท์ ลาพระอุดร อายุ 21 ปี บ้านอยู่ จ.กำแพงเพชร ไว้ได้ก่อนนำตัวมาสอบสวนเบื้องต้น นายอานนท์ให้การรับสารภาพว่า ไปงานวันเกิดเพื่อนและเห็นเพื่อนถูกทำร้าย จึงเอาอาวุธปืนออกมายิงข่มขู่ไม่คิดว่าจะถูกคนเข้าจริง ๆ หลังเกิดเหตุก็ได้ให้แฟนพาหลบหนีเพราะกลัวความผิด ส่วนปืนที่ใช้ก่อเหตุได้โยนทิ้งไปแล้ว ซึ่งทางเจ้าหน้าที่จะได้สืบสวนขยายผลหาหลักฐาน

ขณะที่เวลาประมาณ 15.00 น. นายวรเดช สุอามาตย์ อายุ 22 ปี ได้เดินทางเข้ามามอบตัวกับเจ้าหน้าที่ตำรวจสถานีตำรวจภูธรช้างเผือกเมืองเชียงใหม่ พร้อมกับได้นำอาวุธปืนยี่ห้อ GLOCK สีดำ พร้อมกับซองกระสุนนำมามอบให้กับทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ

ซึ่งทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ใส่กุญแจมือทันที จากนั้นได้ควบคุมตัวไปสอบปากคำบนห้องสืบสวนของ สภ.ช้างเผือก ระหว่างนั้นผู้สื่อข่าวได้สอบถามนายวรเดชเจ้าตัวเผยว่า เมื่อคืนเกิดการชุลมุนกัน ตนนั้นไม่รู้และไม่ได้ตั้งใจเหตุการณ์มันก็เกิดขึ้นไปแล้ว จะให้ทำอย่างไรแต่เมื่อคืนยอมรับว่าเมา

ทีมข่าวอมรินทร์ ทีวี เดินทางลงพื้นที่จุดเกิดเหตุ โดยจะเห็นได้ว่าบริเวณพื้นที่ดังกล่าวรอบข้างเป็นร้านสถานบันเทิงกว่าหลายร้าน โดยร้านที่เกิดเหตุนั้นจะอยู่ลึกเข้าไปข้างในซึ่งเป็นซอยส่วนบุคคล 

นายเอ็ด (นามสมมติ) ชาวบ้านข้างเคียงสถานบันเทิง ยืนยันว่า ขณะที่เกิดเหตุตนเองยังคงอยู่ในร้านและกำลังรับลูกค้าอยู่ จนกระทั่งช่วงเวลาประมาณเกือบ 02.00 น. ของวันที่ 27 ม.ค. 66 ตนเองได้ยินเสียงปืนดังสนั่นกว่าหลายนัด เท่าที่ตนเองได้ยินนั้นจำนวนประมาณ 3 นัด ตนเองก็ตกใจ วิ่งออกมาดูเห็นว่า มีคนวิ่งกรู่เข้าไปข้างในภายในผับกว่า 10 คน จากทางเข้าหน้าผับและลูกค้าภายในผับก็เริ่มทะยอยวิ่งหนีออกจากสถานบันเทิงดังกล่าว เรียกว่าแตกกระเจิง แล้วก็เห็นว่ามีรถคันหนึ่งขับซิ่งนำผู้บาดเจ็บออกไปจากพื้นที่อย่างเร็ว

และประมาณ 5-10 นาที ก็มีเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้ามาในพื้นที่ และอยู่จัดการตรวจสอบพื้นที่นานกว่าหลายชั่วโมง จนถึงประมาณ 6 โมงเช้า ตนเองไม่ได้ใช้โทรศัพท์ถ่ายอะไรเลย เพราะกลัวและตกใจมาก ส่วนคนตายนั้นตนเองไม่รู้จักเขาเลย

ยอมรับว่า ในพื้นที่นี้ตนเองก็เพิ่งมาอยู่ไม่นาน ไม่แน่ใจเช่นเดียวกันว่าจะเคยเกิดเหตุการณ์ยิงกันเช่นนี้บ่อยครั้งแค่ไหนแต่ แต่ในครั้งนี้ตนเองได้ยินเสียงชัดเจน คือได้ยินเสียงปืนจำนวน 3 นัด

ด้าน นายต้น (นามสมมติ) คนเห็นเหตุการณ์ เผยว่า ตนเองอยู่ภายในร้านและช่วงเวลาเกือบ 02.00 น. ตนเองได้ยินเสียงปืนดังสนั่นประมาณห้าถึงเจ็ดนัด เมื่อตนเองได้ยินเสียงปืนครั้งแรกขณะนั้นตนเองอยู่บริเวณหน้าร้านพอดีหันหน้ามองไปทางบริเวณทางเข้าสถานบันเทิงดังกล่าว

ตนเองเห็นว่ามีชายกว่า 10 คนวิ่งกรูเข้าไปภายในผับแห่งนั้น โดยเห็นชายคนหนึ่งลักษณะสูงประมาณ 180 เซนติเมตรผิวพรรณตนเองมองไม่เห็นแน่ชัด ใส่เสื้อสีขาว เนื่องจากระยะค่อนข้างไกลแต่เห็นว่าได้ยิงขึ้นไปบนฟ้าจำนวน 3 นัด และยิงลงพื้น 2 นัด และตนเองก็เห็นว่าผู้ที่ใช้อาวุธปืนยิงนั้น วิ่งเข้าไปภายในสถานบันเทิงดังกล่าวก่อนจะขับรถออกมาจากสถานบันเทิงอย่างไว และเพียงไม่นานก็มีรถกระบะคันหนึ่งเปิดไซเรนออกมาจากสถานบันเทิงดังกล่าว

ยอมรับว่า ตอนนั้นตัวเองตกใจมาก ไม่นานเพียงไม่เกิน 5 นาที ตำรวจก็มาในพื้นที่แล้ว เสียงปืนนั้นตนเองก็คาดว่าประมาณ 5-7 นัด ตนเองยังคิดว่าเสียงประทัด แต่พอออกมาดูเห็นคนยิงชัดเจน แต่ไม่ได้เห็นว่าคนล้ม คนวิ่งกรู่เข้าไปในร้านกัน ก่อนคนในผับจะวิ่งหนีแตกกระเจิงออกไป

ช่วงบ่ายวันนี้ที่แผนกโรงพยาบาลมหาราชนครเชียงใหม่ ได้มีเพื่อนและญาติได้เดินทางมาขอรับศพ นายศุภกิจ เพื่อนำศพไปตั้งบำเพ็ญกุศลที่วัดสันทรายต้นกอก ต.ฟ้าฮ่าม อ.เมือง จ.เชียงใหม่ โดยจะมีการตั้งศพวันเพ็ญกุศลไปจนถึงคืนวันอาทิตย์ และในช่วงเช้าของวันจันทร์ที่ 30 ม.ค. 66 จะมีพิธีทางศาสนาก่อนที่จะมีวิธีฌาปนกิจในช่วงบ่าย

ผู้สื่อข่าวเดินทางมายังวัดสันต้นกอก ต.ฟ้าฮ่าม อ.เมือง จ.เชียงใหม่ ซึ่งเป็นสถานที่จัดงานศพของ นายศุภกิจ บรรยากาศที่ศาลาเอนกประสงค์ของวัดสันต้นกอกเป็นไปยังเศร้าโศก มีกลุ่มเพื่อนและญาติพี่น้องของผู้เสียชีวิตเดินทางมาร่วมแสดงความเสียใจกันจนเต็มศาลา

นางพัชรา เต็มเปี่ยม อายุ 59 ปี แม่ผู้ตาย เปิดเผยว่า ลูกชายเป็นคนดีและเป็นเสาหลักของครอบครัวไม่คิดว่าลูกชายจะมาจบชีวิตแบบนี้อยากจะฝากถึงคนที่ก่อเหตุว่าทำไมถึงทำกับลูกแม่แบบนี้

ทั้งนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจได้แจ้งข้อหา นายอานนท์ วาพระอุดร อายุ 20 รวม 3 ข้อหาได้แก่ ฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา มีอาวุธปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต และพกอาวุธปืนไปในทางสาธารณะฯ

ขณะที่ นายวรเดช สุรอามาตย์ อายุ 22 ปี เจ้าหน้าที่แจ้งข้อหา พาไปซึ่งพยานหลักฐาน