ตาถูกหลอกแลกที่ขอปาฏิหาริย์บ้านจ่อโดนยึด ทนายเผย 3 ปีไร้เงินสู้คดี (คลิป)

27 ม.ค. 66

จากกรณีครอบครัวใน จ.พระนครศรีอยุธยา ได้ร้องเรียนมายังทีมข่าวอมรินทร์ ทีวี เนื่องจากบ้านของพวกเขาซึ่งมีสมาชิกในบ้านกว่า 20 ชีวิต กำลังจะถูกยึด และไล่ออกจากพื้นที่ เนื่องจากบ้านพร้อมที่ดินที่ปลูกสร้างอยู่ปัจจุบันนั้นได้ถูกขายทอดตลาดไปแล้ว และเจ้าของที่ดินคนใหม่ ซึ่งเป็นบริษัทสินทรัพย์ได้บังคับให้ออกจากพื้นที่ ภายในวันที่ 1 ก.พ. 66 โดยบังคับให้ทุกคนออกจากพื้นที่ทั้งหมด อนุญาตให้ขนของออกไปเท่านั้น ส่วนตัวบ้านทั้งหมดห้ามรื้อถอนออก

245183

เป็นผลพวงมาจาก เมื่อ 28 ปีก่อนครอบครัวนี้มีการทำสัญญาใจแลกที่ดินกับเพื่อนบ้าน แต่สุดท้ายที่ดินของเพื่อนบ้านได้ถูกสำนักงานบังคับคดียึดที่ เพราะเจ้าของบ้านนำที่ดินไปจำนอง และไม่มีเงินจ่าย และถูกฟ้องล้มละลายทำให้ที่ดินถูกนำไปขายทอดตลาด

791282304992

วันที่ 27 ม.ค. 66 ทีมข่าวอมรินทร์ ทีวี พบกับ คุณตาประยงค์ ทัศนกิจ อายุ 84 ปี เจ้าของบ้าน ช่วงบ่ายที่ผ่านมาคุณตาเปิดใจกับทีมข่าวทั้งน้ำตา บอกว่า ตนเองเมื่อคืนนี้หลังจากรู้ว่าตนเองและครอบครัวเหลือเวลาอีกเพียง 6-7 วันจะต้องถูกยึดบ้านไป ตนนอนไม่หลับทั้งคืน ข้าวก็กินไม่ลง เพราะไม่รู้ว่าจะเอายังไงต่อ ไม่มีเงินไปขอซื้อบ้านกลับคืนมาได้แน่นอน

732729

วันนี้ขอให้ทีมข่าวพาไปวัดเจดีย์แดงซึ่งตั้งอยู่ใกล้บ้าน บอกว่าอยากขอพานางทองหยิบ ภรรยาที่เสียชีวิตไปไหว้พระขอพรกับหลวงพ่อพุทธชินราช ซึ่งเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่ตนเองนับถือมาตลอดให้ช่วยดลบันดาลช่วยเหลือตนเองและครอบครัวด้วย จากนั้นคุณตาได้จุดธูปเทียนและไหว้ขอพรต่อหน้าหลวงพ่อพุทธชินราช และร้องไห้ไปด้วย

334433

คุณตาบอกว่าก่อนหน้าที่จะเกิดเรื่องขึ้น ตนเองเป็นคนชอบทำบุญมาก หลังจากตนเองเกษียณจากการเป็นภารโรงในโรงเรียนที่กรุงเทพฯ ได้เงินมา 1 แสนกว่าบาท ก็ได้นำเงินเกือบทั้งหมดมาร่วมทำบุญสร้างวัดแห่งนี้ ทำบุญทั้งสร้างศาลาวัด บริจาคโคมไฟระย้า หรือ แชนเดอเลียร์ให้วัดถวายเงินเสาของพระอุโบสถ และอาสนะสงฆ์ ซึ่งจะมีชื่อของตนเองปักอยู่ โดยตอนนั้นยังพอมีเงิน และคิดว่า ตนเองทำความดีจะต้องได้ดี

สิ่งที่ตนเองไม่คาดคิดก็เกิดขึ้น เมื่อภรรยาได้นำที่ดินไปแลกกับเพื่อนบ้านทำสัญญาใจกันไว้ แต่เพื่อนบ้านกลับหักหลังไม่โอนคืนกลับให้ และสุดท้ายบ้านที่ตนเองอยู่จะต้องถูกยึดไปเร็ว ๆ นี้

277723

นายอภิเดช แก้วด้วง ทนายความที่รับทำคดีนี้ตั้งแต่ปี 2563 เปิดเผยว่า จุดเริ่มต้นที่เข้ามาทำคดีนี้ เนื่องจากญาติของนางยุพดี เเละนางปัทมาเเนะนำทั้งคู่ให้มาติดต่อตนเพื่อช่วยเหลือเรื่องคดี เพราะตอนนั้นบ้านหลังนี้กำลังจะถูกขายทอดตลาดเเล้ว เมื่อทีมทนายได้ลงพื้นที่ไปดูก็พบว่าบ้านของลูกความปลูกสร้างอยู่ในโฉนดที่ดินของจำเลย ทีมทนายจึงได้ไปยื่นเรื่องขอเจรจาไกล่เกลี่ยกับทางธนาคารมาโดยตลอด ส่วนฝ่ายจำเลยไม่เคยได้เข้ามาดูแลหรือช่วยเหลือครอบครัวนี้เลยเเม้เเต่น้อย

408737

หลังจากที่ทีมทนายเข้าไปเจรจาไกล่เกี่ยกับสถาบันการเงิน ซึ่งเป็นโจทก์เดิมนั้นได้ให้ฝ่ายประนอมหนี้ประสานงานไปยังธนาคาร ก็ได้ข้อสรุปว่าจะมีการซื้อที่ดินคืนในราคา 1.8 ล้านบาท ภายหลังเกิดเหตุขัดข้องมีการโอนกรรมสิทธิไปยังบริษัทบริหารสินทรัพย์ เนื่องจากมีการขายทอดตลาด ขณะนี้ยังอยู่ระหว่างการหาสินเชื่อขอไถ่ที่ดินแปลงนี้คืน เพราะหลังจากถูกขายทอดตลาดไปแล้ว ก็มีการใช้สิทธิขับไล่ และให้ลูกความของตนออกจากที่ดินแปลงดังกล่าว ทีมทนายก็ได้ไปยื่นคำร้องต่อศาลเพื่อขอแสดงสิทธิว่าไม่ใช่บริวารของจำเลยในคดี และอาศัยอยู่ในที่ดินนี้มานาน 44 ปี และไม่เคยมีใครมาขับไล่ ซึ่งทางธนาคารเจ้าหนี้เดิมก็ทราบเรื่องนี้ดี ไม่ได้เข้ามาขับไล่ ส่วนจำเลยเจ้าของที่ที่แท้จริงก็ไม่ได้มาแสดงสิทธิขับไล่เช่นกัน

449530

หลังจากยื่นคำร้องต่อศาลไปแล้ว ศาลได้มีการสืบพยาน แต่เนื่องจากคดีนี้มีข้อพิพาท คือมีผู้คัดค้านมีผู้ซื้อทรัพย์ได้จึงเป็นผู้สวมสิทธิแทนโจทก์ ศาลจึงได้กำหนดให้วางเงินค่าธรรมเนียมศาล ก่อนจะอ่านคำพิพากษา ซึ่งทุนทรัพย์ในการยืนคำร้องคดีนี้ ศาลได้กำหนดไว้คดีละ 36,000 บาท มี 2 คดี ก็รวมเป็นเงิน 72,000 บาท ซึ่งเป็นปัญหาใหญ่ของลูกความของตนเพราะไม่มีเงิน เป็นผู้สูงอายุ ไม่มีรายได้ ซึ่งหากไม่นำเงินมาวางภายใน 7 วัน หรือภายในวันที่ 1 ก.พ. 66 คดีจะถือว่ายุติ ทางบริษัทบริหารสินทรัพย์ที่ซื้อที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้างไปได้ก็คงจะใช้สิทธิในการขับไล่ ทำตามขั้นตอนบังคับคดี เป็นไปตามข้อกฎหมาย หากไม่ออกก็อาจถูกจับกุมดำเนินคดีข้อหาบุกรุก

ส่วนตัวตนมองว่าอาจมีการเจรจาไกล่เกลี่ยกับเจ้าหนี้ หรือคุยกับสถาบันการเงินที่พอจะให้ความช่วยเหลือเรื่องสินเชื่อได้ เพราะลูกของนางปัทมา หรือ หลาน พอจะสามารถผ่อนชำระกับทางสถาบันการเงินได้ เเต่ตอนนี้เท่าที่ทราบก็ยังไม่ได้ ซึ่งดูแล้วทางเจ้าหนี้ก็ยังเปิดโอกาสให้ไกล่เกลี่ยได้ ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของศาล และพยานหลักฐานที่มีการสืบพยาน

ส่วนในประเด็นที่ลูกสาวของนางเนื้ออ่อนอ้างว่าที่ดินของแม่มีการเอาไปจำนองก่อนจะมีการเอามาทำสัญญาใจแล้วนั้น ตนยังไม่มีข้อมูลที่แน่ชัด แต่ถ้าหากมีการเอาที่ดินไปจำนองภายหลังจากที่มีการแลกเปลี่ยนที่ดินกันแล้วนั้น จะถือว่าเข้าข่ายหลอกลวงได้ ซึ่งข้อนี้เป็นข้อพิพาทระหว่างบุคคล นางทองหยิบกับนางเนื้ออ่อน ไม่สามารถนำมาใช้เป็นข้อผ่อนปรนกับบุคคลภายนอก ก็คือบริษัทบริหารสินทรัพย์ได้ ซึ่งเรื่องนี้จะต้องดูพยานหลักฐาน เพราะการเเลกเปลี่ยนที่ดินเป็นเพียงคำบอกเล่าเท่านั้น จะต้องหาพยานในขณะนั้นว่าทั้ง 2 คนทำข้อตกลงกันไว้อย่างไร ซึ่งหากเข้าข่ายหลอกลวงก็สามารถเรียกร้องค่าเสียหายได้

356126

นางปัทมา จำหว่าง ลูกสาวเจ้าของบ้าน บอกกับทีมข่าวทั้งน้ำตาว่า วันนี้ตนเองทราบตัวเลขที่ทนายแจ้งมาว่าจะต้องใช้เงินถึง 72,000 บาท ในการวางเงินยื่นคำร้องสู้คดีในชั้นศาล ซึ่งหากยังหาเงินไม่ได้ก่อนวันที่ 1 ก.พ. ครอบครัวของตนเองจะต้องออกจากบ้านทั้งหมดทันที ซึ่งจนถึงตอนนี้เครียดมาก นอนไม่หลับ ไม่รู้จะไปพึ่งใคร ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าสามีของตนเองที่เป็นผู้ป่วยติดเตียง ต้องนอนให้ออกซิเจน 24 ชั่วโมง จะยังสู้ไปกับตนเองไหม เสียใจมากที่ชีวิตต้องมาตกอยู่ในสถานการณ์แบบนี้

ตนยืนยันสิ่งที่นางตุ้ย ลูกสาวนางเนื้ออ่อน ที่บอกว่าครอบครัวตนเองรู้อยู่แล้วว่าที่ดินถูกจำนอง ก่อนที่ครอบครัวตนเองจะมาปลูกอาศัย ไม่จริง และอีกฝ่ายไม่เคยบอก มีแต่จะบอกว่าเดี๋ยวโอนให้ ๆ แล้วก็ผัดผ่อนมาเรื่อย ๆ ซึ่งตนเองที่ผ่านมาไม่เคยคิดโกรธแม่เลยที่ไปทำสัญญาแลกที่และถูกหักหลัง แต่คิดว่ามันเกิดขึ้นแล้ว ก็จะต้องก้าวผ่านสู้ไปด้วยกันให้ได้

890655

สุดท้ายอยากจะฝากเจ้าของที่ดินคนใหม่ ครอบครัวของตนเองขอความเมตตาหากไล่พวกตนเองไปแล้ว ก่อนออกไปเป็นไปได้ไหมที่จะขอรื้อบ้าน เอาโครงสร้างไปสร้างบ้านที่ใหม่ เพราะบ้านทั้ง 4 หลังพวกตนเองก็เป็นคนสร้างมาทั้งหมด เพราะหากจะให้พวกตนเองย้ายออกไปแต่ตัวและข้าวของ ตนเองก็ไม่รู้จริง ๆ ว่าจะไปสร้างบ้านอยู่ที่ไหน เอาอะไรสร้างบ้าน ไม่ใช่มีแค่คนเกือบ 20 ชีวิตที่เดือดร้อน แต่ยังมีแมวอีก 10 ตัว และหมาอีก 3 ตัวที่พวกมันต้องไม่มีบ้านอยู่อีกด้วย อยากให้ช่วยเมตตากันด้วย

296199

นางตุ้ย ลูกสาวอดีตเจ้าของที่ ยืนยันว่า แม่ของตนเองไม่ได้ตั้งใจหลอกนางทองหยิบให้โอนที่ดินให้ก่อน แต่ทั้งคู่ได้มีสัญญาใจจะแลกที่ดินกันจริง ซึ่งแม่ได้สั่งเสียไว้ก่อนจะเสียชีวิต แต่ด้วยความที่ที่ดินดังกล่าว ติดจำนองตั้งแต่ก่อนเกิดการตกลงมาแล้ว ตนเองในฐานะเป็นลูกสาวก็พยายามหาเงินให้ธนาคารเพื่อเอาที่ดินกลับมาโอนให้ แต่ธุรกิจขายวัสดุก่อสร้างของครอบครัวที่ตนเองทำนั้นเกิดสะดุดและถูกฟ้องล้มละลาย ทำให้ไม่สามารถนำเอาที่ดินออกมาได้ทำให้ไม่สามารถโอนให้ได้

ซึ่งที่ผ่านมาไม่ใช่ว่าตนเองไม่รู้สึกผิดตนเองก็รู้สึกเป็นตราบาปมาตลอด เพราะกำลังจะทำให้ครอบครัวหนึ่งไม่มีที่อยู่อาศัย แต่ตอนนี้ตนเองก็ลำบากเช่นกัน และไม่มีที่อยู่อาศัยต้องไปขออาศัยคนอยู่มานานแล้ว เห็นใจและเสียใจมาก อยากขอโทษครอบครัวอีกฝ่ายด้วย และสัญญาว่าจำนวนเงิน 40,000 บาท ที่ยืมไปจะรีบหามาคืนให้ แต่ตอนนี้ยังไม่มี ต้องขอโทษด้วย และไม่รู้จะต้องช่วยอย่างไร เพราะลำบากเหมือนกัน

จากการสอบถามนางยุพดี ลูกสาวเจ้าของบ้าน ให้ข้อมูลว่า บ้านทั้ง 4 หลัง มีสมาชิกทั้งหมด 15 คนด้วยกัน แบ่งเป็นหลังที่ 1 มีสมาชิก 7 คน มีหัวหน้าครอบครัว คือ ตาประยงค์ หลังที่ 2 มีสมาชิก 4 คน มีหัวหน้าครอบครัว คือ นางปัทมา ลูกสาวของตาประยงค์และครอบครัว หลังที่ 3 มีสมาชิก 2 คน มีนางยุพดี และสามี และหลังที่ 4 มีสมาชิก 2 คน คือ หลานชายของนางปัทมา มีคนที่ทำงานหาเงินเพียงแค่ 3 คนคือลูกสาวของนางปัทมา เป็นคนงานในโรงงานผลิตกล้อง, สามีของนางยุพดี อาชีพรับจ้างทั่วไป และหลานชายของปัทมา ทำอาชีพรับจ้างทั่วไป ส่วนที่เหลือเป็นคนแก่ไม่มีงานทำ และเด็กที่กำลังเรียนหนังสืออยู่

 

 

advertisement

คุณอาจสนใจข่าวนี้

ข่าวยอดนิยม

ทุบโต๊ะข่าว เป็นกระแส