จากกรณี น.ส.วาสนา เคลือบสูงเนิน หรือ อิคคิว พร้อมด้วย น.ส.คมคาย เวกนวล หรือ บุ๋ม โยมอุปัฏฐากคนที่แฉ พระอาจารย์สุวิทย์ ชินวโร หรือ ครูบาไก่ ประธานที่พักสงฆ์วัดป่าปฐมเทวาราม อ.มัญจาคีรี จ.ขอนแก่น
พร้อมนำคลิปลับเพิ่มเติมมามอบแก่ตำรวจกองปราบปราม ซึ่งเป็นคลิปวิดีโอของชายไม่มีผมมีเพศสัมพันธ์กับชายอีกคน ภายในห้องแห่งหนึ่ง ทำให้เกิดกระแสวิจารณ์กันสนั่นโซเชียลฯ ขณะที่ครูบาไก่เปิดก็ได้ออกมาเผยต่อผู้สื่อข่าวว่า เห็นคลิปนี้ตั้งแต่ก่อนจะมีการออกข่าว โดยมีลูกศิษย์นำมาให้ดู ซึ่งก็ได้คุยกับลูกศิษย์อยู่ว่าเขาจะกล้าเอาคลิปอันนี้มาเผยแพร่จริงหรือเพราะไม่ใช่ตัวเอง ซึ่งก็นำออกมาจริง ๆ พร้อมยืนยันว่าไม่ใช่ตัวครูบาไก่อย่างแน่นอน
ล่าสุดผู้ใช้ทวิตเตอร์รายหนึ่ง เป็นชายสัญชาติเวียดนาม ได้ทวิตภาพอินโฟกราฟิกของสำนักข่าวแห่งหนึ่งในประเทศไทย ที่ระบุว่า บุ๋ม-อิคคิว คู่กรณีครูบาไก่นำคลิปลับมอบให้ตำรวจ พร้อมข้อความว่า "The person in the picture is me, please don't take photos and clips to harm others, everyone has their own mistakes."
แปลเป็นไทยคือ คนในรูปคือผมเอง ขออย่าลงรูปและคลิปเพื่อทำร้ายคนอื่น ทุกคนต่างมีความผิดของตัวเอง
วันที่ 27 ม.ค. 66 พนักงานสอบสวน สภ.มัญจาคีรี จ.ขอนแก่น ได้ออกหมายเรียกผู้ถูกกล่าวหาทั้ง 4 คน ประกอบด้วย น.ส.คมคาย เวกนวล หรือ บุ๋ม อายุ 43 ปี, น.ส.วาสนา เคลือบสูงเนิน หรือ อิคคิว อายุ 34 ปี, นายชำนาญ อาจวาที หรือ บอล ขอนแก่น อายุ 32 ปี และนายธันยาบูรณ์ จิตรเฉย ต๊อกแต๊ก อายุ 28 ปี เพื่อสอบปากคำก่อนแจ้งข้อกล่าวหาตามขั้นตอน โดยกำหนดหมายเรียกครั้งแรกตรงกับวันนี้ ซึ่งปรากฎว่าบรรยากาศที่โรงพักในช่วงเช้าที่ผ่านมากลับไร้เงาทั้ง 4 คน เดินทางมาให้ปากคำกับทางเจ้าหน้าที่ตำรวจแต่อย่างใด จะมีแต่ทางชาวบ้านในพื้นที่และลูกศิษย์ครูบาไก่บางคนเดินทางมาจากต่างพื้นที่ เพื่อมาให้กำลังใจครูบาไก่และมาขอความเป็นธรรมให้กับทางครูบาไก่
โดยทางชาวบ้านกว่า 30 คน ได้เดินทางมาพร้อมป้ายให้กำลังใจ และป้ายที่มีการระบุถึงคู่กรณี โดยทางชาวบ้านได้มีการยืนชูป้ายบริเวณหน้าสถานีตำรวจ โดยป้ายมีการระบุว่า เข้ามาวัดเพื่อหวังผลประโยชน์, บุ๋ม-อิคคิว มาจากไหน, สร้างหลักฐานเท็จเพื่ออะไร, ทวงความยุติธรรมให้ครูบาไก่, ชาวบ้านไม่ต้อนรับมึง, ให้กำลังใจพระอาจารย์สุวิทย์และเจ้าหน้าที่ สภ.มัญจาคีรี เป็นต้น
ทั้งนี้ทางชาวบ้านให้สัมภาษณ์ว่า ที่มาวันนี้เพราะอยากให้กำลังใจทางครูบาไก่และทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ ตลอดจนส่วนตัวชาวบ้านเองอยากจะมาเจอหน้าทั้ง 2 คน ที่ไปร้องเรียนว่าวันนี้จะมาหรือไม่ อยากจะบอกกับเขาว่า ให้สู้ ๆ กับการกระทำของเขา เพราะที่ผ่านมาชาวบ้านเองทราบดีว่า เขามีพฤติกรรมอย่างไร
"น.ส.ยศญา ไตรรงค์พิทักษ์" อายุ 47 ปี ชาวบ้าน ต.ชนบท อ.ชนบท จ.ขอนแก่น ลูกศิษย์ครูบาไก่ เผยว่าวันนี้ต้องเดินทางมากับเพื่อน 4-5 คน เพื่อมากราบไหว้ครูบาไก่ แต่ระหว่างทางก่อนจะถึงวัดทราบว่า วันนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจจะมีการเรียกฝั่งคู่กรณีครูบาไก่มาให้ปากคำ เลยแวะมาเพื่อจะสังเกตการว่าทั้งหมดจะเดินทางมาหรือไม่ก่อนจะแวะไปวัด
จริง ๆ แล้วตนเป็นลูกศิษย์ครูบาไก่ ตั้งแต่ประมาณปี 53 สมัยนั้นครูบาไก่ได้เข้าไปช่วยค้นหาร่างชาวบ้านที่จมน้ำเสียชีวิต ซึ่งตอนนั้นเองท่านได้เดินทางไปช่วยค้นหา และเป็นไปตามที่ระบุจนเจอร่างของผู้เสียชีวิตตามคำบอกกล่า ทำให้ชาวบ้านในพื้นที่รวมถึงตนมีความศรัทธาและนับถือครูบามาตลอด ลักษณะนิสัยของท่านไม่ได้เป็นคนอวดอุตริ
ทั้งนี้หลังจากที่ครูบาไก่ได้เริ่มมาสร้างวัดป่าศรีมัญจาคีรี ตนในฐานะลูกศิษย์ต่างพื้นที่ก็เดินทางมาร่วมทำบุญตลอด จนกระทั้งช่วงประมาณปลายปี 64 ต้นปี 65 ทางฝั่งคู่กรณี 2 คน เริ่มเข้ามาติดต่อทางวัดและประสานกับทางพี่ชายของครูบาไก่จะขอมาช่วยร่วมสร้างวัด ก่อนที่เขาเองจะเข้ามาแทรกแซงและคล้ายว่ากีดกันให้คณะกรรมการวัดชุดเก่าออกจากพื้นที่ รวมไปถึงทางพี่ชายของครูบาด้วย ซึ่งตอนนั้นทางตนเห็นพฤติกรรมและลักษณะที่เขาเข้ามาแล้วไม่ชอบมาพากล ตลอดจนโดนกีดกันไม่สามารถเข้าถึงครูบาได้ เลยตัดสินใจไม่เดินทางมาที่วัดนานปีกว่า กระทั้งช่วงเวลาประมาณปลายปีที่แล้วช่วงที่ครูบาเองจะมีงานบุญ ทางตนและลูกศิษย์คนอื่น ๆ เลยตั้งใจจะเข้ามาร่วมทำบุญและตั้งใจจะสร้างศาลาที่ค้างคาไว้ให้แล้วแสร็จ เลยมาทราบว่าทางคู่กรณีของครูบาได้ออกไปจากวัดช่วงที่ทางครูบาเข้าถ้ำ และมาปรากฎหน้าสื่อฯ หลังจากที่เขาไปร้องเรียน
ยอมรับว่า ในฐานะลูกศิษย์ตนเองตกใจและไม่ทราบถึงสาเหตุ เพราะเป็นช่วงที่ตนไม่ได้เข้าวัด แต่ในใจมองว่าเป็นเรื่องที่เขาเองสร้างวัตถุมงคลแล้วช่วงนั้นปล่อยเช่าไม่ได้ เลยอาจจะออกไปหรือไม่ ยืนยันในฐานะที่ตนเป็นลูกศิษย์มานานพฤติกรรมของครูบาเองไม่เคยยุ่งเกี่ยวเรื่องเงิน ไม่เคยเข้าไปก้าวก่ายเรื่องการจัดสร้างสิ่งนั้นสิ่งนี้ ท่านจะให้ทางลูกศิษย์และคณะกรรมการวัดเป็นคนจัดการดูแลทุกอย่าง ที่ผ่านมาตอนที่ฝั่งคู่กรณีเข้ามาเราเองได้มีโอกาสพูดคุยหรือคลุกคลีกับฝั่งคู่กรณีหรือไม่ ในส่วนนี้ตนเห็นพฤติกรรมและลักษณะที่เขามาค่อนข้างแปลก ตนเองเลยไม่ได้ใส่ใจหรือสนใจกับอีกฝั่ง
ทั้งนี้ตนไม่เชื่อตั้งแต่ข้อมูลแรกที่มีการบอกว่าเป็นขาครูบา ซึ่งหากย้อนกลับไปทางครูบาเองมีรอบสักจุด ๆ ที่ขา ก่อนหน้านี้ ถ้าภาพนั้นเป็นขาครูบาจริงต้องเห็นรอยสักจุด ๆ ก่อนจะเป็นรอยสักพญานาค รวมไปถึงภาพที่ขี่เจ็ตสกี หากมองในช่วงนั้นทางฝั่งคู่กรณี และลูกศิษย์ที่อยู่กับครูบาก็เป็นพวกของเขาหมด ซึ่งหากมองว่าไม่เหมาะสมทำไมเขาเองถึงไม่เตือน ไม่ห้าม หนำช้ำยังยุยงให้มีการถ่ายภาพ ซึ่งถ้ามีเจตนาที่ดีในฐานะลูกศิษย์เตือนได้ ห้ามได้ หรือไม่หากมองในอีกมุมตอนนั้นมีแต่ฝั่งเขาเองการบังคับหรือให้ทำก็มองไปได้
ส่วนกรณีเรื่องคลิปหลุดนั้น ก็เห็นได้ชัดว่ามีหลักฐานที่บ่งบอกชัดเจนแล้วว่าไม่ใช่ครูบาไก่ ซึ่งทางลูกศิษย์หลายคนพอจะทราบว่าไม่ใช่ ซึ่งตนเองก็ไม่รู้ว่าจุดหมายหรือเป้าหมายที่ออกมาแฉเอาคลิปนั้นเขาต้องการอะไร ฝากถามว่าในฐานะที่คู่กรณีทั้งหมดเป็นคนสนิทและเคยอยู่กับครูบา มองแค่นั้นเขาเองก็รู้ดีว่าใช่หรือไม่ใช่ ไม่จำเป็นต้องไปถามเข้าหน้าที่ตำรวจเลยแม้แต่นิดเดียว แต่การไปถามตำรวจหรือโยนถามโซเชียลฯ เพื่ออะไร อยากให้สังคมพิจารณาเอง
ขณะที่ความเคลื่อนไหวของ อิคคิว ในวันนี้เจ้าตัวได้มีการโพสต์คลิปติ๊กต็อก โดยคลิปดังกล่าวเป็นคลิปของครูบาไก่ ในสมัยก่อนที่ครูบามาทำพิธีให้ที่บ้าน ณ ตอนนั้นที่ข้อเท้าของครูบาไก่ไม่มีรอยสัก
ทีมข่าวอมรินทร์ ทีวี ติดต่อ น.ส.คมคาย เวกนวล อายุ 43 ปี แฟนของ อิคคิว เพื่อสอบถามถึงกรณีที่มีชายชาวเวียดนามออกมาบอกว่าคลิปตอกเสาเข็มนั้นเป็นเขาเอง น.ส.คมคาย ชี้แจ้งว่าว่า ตนไม่เคยบอกว่าคลิปตอกเสาเข็มเป็นใคร คาดว่าอาจเป็นเพราะพวกตนมีประเด็นกับครูบาไก่คนจึงตีความไปเอง
โดยคลิปดังกล่าว พวกตนได้รับคลิปมาจึงได้นำส่งไปตรวจสอบเท่านั้น พวกตนทำเพื่อศาสนา การส่งคลิปไปตรวจสอบไม่ได้มีอะไรเสียหาย เพราะหากไม่ใช่ก็ถือว่าได้มีการตรวจสอบทำให้ดีขึ้น หากใช่ก็จะได้จัดการตามกระบวนการ ส่วนกระแสตีกลับตนไม่ได้กังวล เพราะตนประกอบอาชีพอย่างสุจริตและมีความหวังดีต่อศาสนา
ขณะที่ ทนายธรรมราช สาระปัญญา ทนายความของ ครูบาไก่ ได้นำหลักฐานภาพถ่าย มายื่นให้กับ ร้อยตำรวจเอกไพรัช เทศพาณิชย์ ที่ปรึกษาด้านการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน ในฐานะโฆษกประจำสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน หรือ ปปง. เพื่อขอให้ตรวจสอบเส้นทางการเงินของ อิคคิว บุ๋ม และ บอล ขอนแก่น อดีตโยมอุปัฏฐากของครูบาไก่ ในข้อหาฉ้อโกงประชาชน
โดยนายธรรมราช กล่าวว่า ทั้ง 3 คน มีพฤติกรรมนำภาพที่ถ่ายร่วมกับพระสงฆ์ผู้ใหญ่ไปโพสต์ลงโซเชียลต่าง ๆ แล้วอ้างว่าจะเป็นสะพานบุญ ให้ผู้มีจิตศรัทธาโอนเงินร่วมทำบุญต่าง ๆ ทั้งกองกฐิน รวมถึงการสร้างอาคารต่าง ๆ ตามวัด แต่สุดท้ายกลับไม่ได้นำเงินไปให้วัด อีกที้งยังพบว่ามีพฤติกรรมการใช้ชีวิตที่ร่ำรวย หรูหราขึ้นจนผิดสังเกต เช่น โพสต์ว่ามีการซื้อทองคำน้ำหนัก 100 บาท รวมถึงการนำเงินสดมาโปรยทานและจัดในงานบวชของลูกชายบุ๋มหลายล้านบาท นอกจากนี้ยังพบว่าซื้อสินค้าแบรนด์เนมอีกด้วย ซึ่งตนเองไม่เชื่อว่าจะเป็นเงินที่ได้มาจากการขายของออนไลน์
นายธรรมราช กล่าวต่อว่า พฤติกรรมของ 3 คน นี้จะแกล้งเข้าไปคุยกับวัดดังต่าง ๆ ทั้งใน จ.นครราชสีมา จ.อุบลราชธานี และวัดของครูบาไก่ ที่ จ.ขอนแก่น ว่าจะเป็นเจ้าภาพในการสร้างสิ่งอำนวยความสะดวกให้วัด ทั้ง ห้องน้ำ ศาลาต่าง ๆ หรือจะขอเป็นเจ้าภาพกองกฐิน งานบุญต่าง ๆ โดยจะให้ผู้มีจิตศรัทธาโอนเงินเข้าบัญชีของทั้ง 3 คน โดยจะใช้บัญชี 15 บัญชี เวียนกันให้โอนเข้า โดยไม่ผ่านเข้าบัญชีวัด อีกทั้งยังอ้างว่าหากใครโอนเงินร่วมทำบุญก็จะมอบวัตถุมงคลให้ แต่เมื่อถึงกำหนดก็ยังไม่มีการสร้างใด ๆ และไม่มีการมอบวัตถุมงคลให้กับผู้ที่ร่วมบริจาคอีกด้วย
ทั้งนี้ยังพบว่า ทั้ง 3 คน มีพฤติกรรมแบบนี้มาตั้งแต่ปี 63 และจากการตรวจสอบพบว่า บุ๋ม ยังเคยถูกออกหมายจับในคดี “ฉ้อโกงประชาชน” ที่ จ.ชลบุรี เมื่อปี 64 แต่ได้มีการชดใช้เงินต่าง ๆ ไปแล้ว จึงทำให้เกิดข้อสงสัยว่าเงินที่นำไปชดใช้นั้นเป็นเงินที่มาจากผู้มีจิตศรัทธาหรือไม่ จึงได้นำหลักฐานทั้งหมดมาร้องเรียนให้ ปปง. ตรวจสอบ
ด้าน "ครูบาไก่" กล่าวว่า หลังจากที่ทางคู่กรณีไม่ได้เดินทางไปรับทราบข้อกล่าวหาตามหมายเรียกมองว่า ปล่อยให้เป็นเรื่องของคดีในการดำเนินการจัดการ ซึ่งในส่วนของครูบาเองได้เข้าให้ปากคำและข้อมูลเรียบร้อยแล้ว ส่วนปมเรื่องคลิปหลุดที่มีการออกมาโจมตี ก็เป็นหน้าที่ของทนายในการรวบรวมหลักฐานเพื่อนำเข้าสู่กระบวนการของคดี ทั้งนี้ข่วงเช้าที่ผ่านมาทางครูบาก็พอทราบว่า ทางคู่กรณีไม่เดินทางมาและขอเลื่อนออกไป ก็เป็นอำนาจและสิทธิของเขาหากกฎหมายให้อำนาจก็ต้องเคารพ แต่ในใจอยากให้อีกฝ่ายมาให้ปากคำและข้อมูล ตนเองก็อยากจะให้ดำเนินเรื่องนี้แล้วเสร็จ ไม่อยากตกเป็นจำเลยสังคมปมโดนกล่าวหา
อย่างกรณีคลิปหลุดที่ผ่านมา สุดท้ายก็ปรากฎให้เห็นแล้วว่า ไม่ใช่ตัวตนของครูบา ตามที่ครูบาได้ยืนยันคำพูดมาตลอด เช่นเดียวกับคลิปที่มีการพูดถึงล่าสุดก็มีทางชายปริศนาที่ระบุว่าเป็นชาวเวียดนาม ซึ่งในส่วนนี้ครูบาเองทราบหลังลูกศิษย์แแจ้งมา โดยเขาเองพร้อมจะยืนยันความบริสุทธิ์ให้ทางครูบา ในส่วนนี้ก็คงเป็นหน้าที่ของฝ่ายกฎหมายที่จะดำเนินการว่า จะมีการขอความร่วมมือจากบุคคลที่อ้างว่าเป็นตังเขาในคลิปหรือไม่
ส่วนกรณีที่มีเพจบางเพจหลังทราบว่า ไม่ใช่ครูบาแต่ปรากฎว่ามีการพูดถึงประเด็นว่าใช่ไม่ใช่ไม่สำคัญ แต่สำคัญที่ทำไมครูบาถึงทราบว่าจะมีคลิปนี้ปล่อยออกมาและเชื่อมโยงถึงตัวครูบา ในส่วนนี้ทางครูบาเองบอกว่า ประเด็นแรกทำไมถึงรู้ว่าจะมีคลิปนี้หลุดมา ตามที่ก่อนหน้านี้ลูกศิษย์ที่อยู่ใกล้ชิดครูบาได้แจ้งและส่งข้อมูลมาว่าทางฝั่งคู่กรณีนั้น มีการส่งคลิปดังกล่าวที่เหมือนครูบา บอกกับทางลูกศิษย์ครูบาบางคนว่า เป็นครูบาเพื่อให้เขาเองมีพวกและให้หลายคนไขว้เขว้ แต่จะมีลูกศิษย์ที่อยู่ในกลุ่มนั้นเห็นละมองว่าไม่ใช่ครูบา เลยนำข้อมูลมาบอกและตรวจสอบ ทางตนเองเลยทราบว่าเขาเองจะเคลื่อนไหวอย่างไรบ้าง เพราะเขาพูดชัดกับทางลูกศิษย์บางคนที่คิดว่าเข้าข้างเขาว่าจะปล่อยคลิปไหนตอนไหน
ประเด็นที่ 2 ที่ทางเพจอ้างว่าทำไมครูบารู้นานแล้ว คำว่านานของครูบาคือรู้ก่อนจะมีการปล่อยคลิปไม่กี่วัน แต่รู้และเห็นช่วงที่เป็นข่าวภายใน 1-2 สัปดาห์นี้ ไม่ใช่ว่าเห็นหรือรู้มาก่อนหน้านี้เป็นปี อีกทั้งครูบาเองไม่ได้ไปเปิดอินเตอร์เน็ตแล้วเจอ แต่เป็นเพราะลูกศิษย์และคนที่รู้จักมาแจ้งหรือรายงานให้ตนทราบ ไม่ใช่ว่าครูบาเปิดไปดูและเห็นเอง
ซึ่งในอนาคตครูบาก็ตอบไม่ได้ว่า เขาเองจะปล่อยคลิปออกมาในมุมไหน ประเด็นที่เขาเองออกมาโจมตีนั้นมองในมุมที่อยากให้ตนสึกหรือยอมรับผิด แต่ในเมื่ออย่างที่บอกตนเองไม่ผิดและไม่ใช่ตนจะยอมรับได้อย่างไร ส่วนกรณีที่มีหลายฝ่ายออกมาแสดงความคิดเห็นเชิงว่าทำไมสำนักพุทธศาสนาไม่ออกมา ในส่วนนี้ตนเองก็โดนตรวจสอบแล้ว อยู่ในช่วงดำเนินการตนไม่ทราบว่าถึงขั้นตอนไหน หากมีคำสั่งประกาศออกมาตนก็พร้อมทำตามระเบียบ แต่จะให้ตนสึกก่อนเพื่อสงบดราม่าคงไม่ใช่ทางออก อาจจะมองได้ว่าตนเองยอมรับผิดและหนีปัญหา ตนพร้อมพิสูจน์และจะอยู่แบบนี้ตามหลักความถูกต้อง
ทั้งนี้ส่วนกรณีที่มีเจ้าหน้าที่ของกรมสอบสวนกลางเข้ามาตรวจสอบปมเรื่องที่ร้องเรียนเกี่ยวกับสัตว์ป่าที่มีการครอบครองนั้น ตนเองและคนในวัดพร้อมชี้แจง และมีข้อมูลเอกสารยืนยันความบริสุทธิ์ใจทุกอย่าง ไม่กลัวและไม่กังวล พร้อมให้ตรวจสอบและยืนยันว่าไม่เคยบุกรุกหรือมีการแอบเลี้ยงสัตว์สวยงามตามที่อีกฝ่ายร้องเรียน
ส่วนเรื่องรอยสัก ครูบายืนยันว่า ครูบาเองมีการสักที่ข้อเท้าเป็นลายจุดนานแล้วตั้งแต่เป็นเณร ช่วงประมาณปี 59 ก่อนจะมีการมาสักลายพญานาคทับรอยเดิมช่วงปี 64 ซึ่งตนได้ชี้แจงไปแล้ว อีกทั้งรอยสักที่แขนตนเองก็สักมาตั้งแต่ปี 59 หรือ 60 ยืนยันว่าตนมีภาพที่ให้เห็นชัดเจน ซึ่งเป็นรอยสัก "นะโม" ตามที่หลายคนรู้จัก
นายสุพัฒน์ เมืองมัจฉา ผู้อำนวยการสำนักเลขาธิการมหาเถรสมาคม ในฐานะโฆษกสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.) เปิดเผยถึงกรณีดังกล่าวกับมติชนออนไลน์ ว่า พศ.ไม่ได้นิ่งนอนใจ ขณะนี้ทางสำนักพระพุทธศาสนาจังหวัดขอนแก่น และฝ่ายคณะผู้ปกครองสงฆ์ คือสำนักงานเจ้าคณะจังหวัดขอนแก่นธรรมยุต อยู่ระหว่างตรวจสอบเรื่องที่เคยถูกร้องเรียนก่อนหน้า คือเรื่องการเลี้ยงดูผู้ชาย เป็นต้น แต่ทั้งนี้พบว่าผู้ร้องคืออดีตโยมอุปัฏฐาก และผู้ถูกร้องคือครูบาไก่ ได้ไปฟ้องร้องดำเนินคดีกัน ดังนั้นทางคณะสงฆ์จะชะลอการตรวจสอบเรื่องดังกล่าวไว้ก่อน จนกว่าศาลจะตัดสิน
ส่วนภาพที่ครูบาไก่กำลังสรงน้ำในบริเวณน้ำตก และนั่งเจ็ตสกีที่ทะเลนั้น เป็นเรื่องไม่เหมาะสมอยู่แล้ว เพราะโดยพื้นฐานของสังคมไทย หากประชาชนเห็นภาพพระกระทำเช่นนี้ สังคมก็จะมองว่าไม่เหมาะสม และมองว่าพระไม่ควรกระทำลักษณะนั้น อย่างไรก็ตาม ภาพที่ครูบาไก่กำลังสรงน้ำและนั่งเจ็ตสกี เป็นภาพที่เพิ่งออกมาใหม่ ซึ่งทางสำนักพระพุทธศาสนาจังหวัดขอนแก่น จะนำเสนอเรื่องดังกล่าวให้ทางคณะสงฆ์ในพื้นที่ไปตรวจสอบอีกครั้ง ว่า เรื่องดังกล่าวว่ามีความเป็นมาอย่างไร เหมาะสมหรือไม่ หากไม่เหมาะสมจะพิจารณาลงโทษอย่างไร
เบื้องต้นอาจจะมีความผิดคือ ลหุกาบัติ หรือ อาบัติเบา เป็นความผิดที่ปลงอาบัติได้ โดยพระผู้ต้องอาบัตินั้นต้องแสดงอาบัติว่าตนมีความผิดอะไรบ้างต่อหน้าพระสงฆ์ด้วยกัน นายสุพัฒน์ กล่าว
