ยิงหนุ่มดับปริศนาตายไกลบ้าน 15 กม. ญาติแฉป่วยถูกลวง แฟนสาวโต้เอี่ยว (คลิป)

26 ม.ค. 66

เมื่อเวลา 20.00 น. ของวันที่ 25 ม.ค. 66 เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ร่อนพิบูลย์ จ.นครศรีธรรมราช ได้รับแจ้งเหตุยิงกันตายอยู่บริเวณริมถนนลูกรังตัดคันนา ภายในซอยนอกท่อง หมู่ที่ 16 ต.ร่อนพิบูลย์ อ.ร่อนพิบูลย์ จว.นครศรีธรรมราช เมื่อลงพื้นที่ตรวจสอบ เป็นถนนตัดเข้าทุ่งนาและสวนปาล์มน้ำมัน ไม่มีบ้านเรือนที่พักอาศัย

534219557587

ทราบชื่อผู้ตาย “นายสันติ” (สงวนนามสกุล) อายุ 48 ชวนบ้านในพื้นที่หมู่ 7 ต.ร่อนพิบูลย์ อ.ร่อนพิบูลย์ จ.นครศรีธรรมราช สภาพศพอยู่ในลักษณะคร่อมรถจักรยานยนต์อยู่ บาดแผลถูกยิงบริเวณใบหน้ามีแผลฉกรรจ์ 7 รู คล้ายกับถูกยิงด้วยอาวุธปืนลูกซองขนาด 12 จากนั้นเจ้าหน้าที่ได้นำศพส่งไปผ่าตรวจชันสูตรอย่างละเอียดที่ รพ.มหาราชนครศรีธรรมราช

730945

สำหรับคืบหน้าทางคดีทีมข่าวสอบถามไปยัง “พ.ต.อ.สุทัศน์ สงสยม” ผกก.สภ.ร่อนพิบูลย์ ได้รับข้อมูลว่า ตอนนี้ยังวางปมสาเหตุไว้ 2 ประเด็นคือ 1.ชู้สาว 2.ปัญหาส่วนตัวซึ่งหน้า โดยทางเจ้าหน้าที่ตำรวจอยู่ระหว่างรวบหลักฐาน ทั้งจากการสอบปากคำบุคคลที่เกี่ยวข้องกับผู้ตาย รวมถึงพยานวัตถุและกำลังไล่กล้องวงจรปิด เนื่องจากในที่เกิดเหตุเป็นสวนมีบ้านเรือนไม่กี่หลัง บวกกับตอนเกิดเหตุ-หลังเกิดเหตุฝนตกหลักฐานทางนิติวิทยาศาสตร์บางอย่างอาจถูกชะล้างไปแล้ว

789926

ล่าสุดวันที่ 26 ม.ค. 66 ทีมข่าวอมรินทร์ ทีวี เดินทางไปยังจุดเกิดเหตุ พบว่าเป็นถนนลูกรัง สองข้างทางเป็นสวนปาล์ม สวนยางพาราและเป็นทุ่งนาไม่มีวงจรปิด ยังคงมีคราบเลือดของผู้ตายติดอยู่ที่บริเวณหญ้าริมถนน

356428

ต่อมาทีมข่าวเดินทางไปยังวัดเขาน้อย ต.ร่อนพิบูลย์ อ.ร่อนพิบูลย์ จ.นครศรีธรรมราช ซึ่งเป็นสถานที่จัดงานบำเพ็ญกุศลศพของผู้ตาย วันนี้บรรยากาศรดน้ำศพก็เต็มไปด้วยความโศกเศร้า

641107

“น.ส.ฐิติมา” (สงวนนามสกุล) อายุ 47 ปี น้องสาวของผู้ตาย บอกกับทีมข่าวว่า พี่ชายป่วยเป็นจิตเวชได้ประมาณ 10 ปีแล้ว ปัจจุบันรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลมหาราชนครศรีธรรมราช พี่ชายกินยาตรงและครบตลอด เพราะตนเป็นคนดูแลจัดยาให้พี่ชายเอง และสาเหตุที่ป่วยเพราะเมื่อ 10 ปีก่อนพี่ชายผิดหวังเรื่องความรักก็เลยเครียด หวาดระแวง จนกระทบต่อระบบประสาท ผิดเพี้ยนทางด้านความคิด เมื่อพาไปพบแพทย์หมอก็บอกว่าพี่ชายได้กลายเป็นผู้ป่วยจิตเวชแล้ว

825369

ทั้งนี้ตนยืนยันว่า พี่ชายไม่เคยหันไปพึ่งยาเสพติด ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน พี่ชายจะเป็นคนที่แอนตี้คนเสพยามาก จะไม่เข้าไปยุ่งเกี่ยวเลย ดังนั้นครอบครัวมั่นใจว่าปมสาเหตุไม่เกี่ยวกับยาเสพติดแน่นอน และเส้นทางจุดเกิดเหตุก็เป็นเส้นทางนอกหมู่บ้าน พี่ชายไม่เคยไปแน่นอนเพราะละแวกนั้นไม่มีญาติพี่น้อง ไม่มีเพื่อนเขาอยู่ด้วย บวกกับหลังเกิดเหตุตนเห็นว่ารถจักรยานยนต์ของพี่ชายหันหัวไปยังป่าข้างทางซึ่งเป็นทางตัน ไม่ได้หันไปตามเส้นถนน คล้ายกับว่ามีคนลวงให้ไปจอดตรงนั้นแล้วก่อเหตุ

235640

ปมเหตุตอนนี้ตนคิดว่าหนึ่งคือ ถ้ามีคนลวงไปจริง ๆ แต่ไม่รู้ว่าติดต่อกับพี่ชายอย่างไร เพราะโทรศัพท์ของพี่ชายเสียได้ 2 สัปดาห์แล้ว ส่วนโทรศัพท์ของพ่อกับแม่เท่าที่ดูเบอร์โทรเข้า-โทรออกก็เป็นเบอร์ของคนรู้จักหมด ไม่มีใครที่จะเข้าข่ายเป็นผู้ร้ายได้ แต่ก่อนที่โทรศัพท์จะเสียส่วนใหญ่พี่ชายจะคุยกับแฟนสาวของเขามากที่สุด ส่วนการติดต่อกับคนอื่นตนไม่ทราบ อย่างไรก็ตามเบื้องต้นครอบครัวได้ส่งโทรศัพท์ทั้ง 3 เครื่อง ให้เจ้าหน้าที่ตำรวจตรวจสอบแล้ว

ทั้งนี้ตนเชื่อว่าสาเหตุการฆ่า น่าจะมาจากเรื่องชู้สาว เพราะพักหลังจะเห็นว่าพี่ชายกับแฟนสาวทะเลาะกันบ่อย ตนไม่รู้แน่ชัดถึงปัญหาในแต่ละครั้ง แต่ประเมินจากอาการของพี่ชายก็คล้ายกับคนผิดหวังในความรัก ทั้งคู่อยู่กินกันมา 3 ปี ก่อนจะเลิกรากันไป 6 เดือน และกลับมาอยู่ด้วยกันใหม่ได้ 1 เดือนเศษ ทำให้ครอบครัวไม่ค่อยโอเคกับแฟนสาวของพี่ชายเท่าไหร่ แต่ก็ไม่เคยกีดกัน สุดท้ายจึงอยากฝากให้เจ้าหน้าที่ตำรวจมุ่งเน้นไปทางประเด็นชู้สาว เพราะเรื่องยาเสพติดครอบครัวมั่นใจว่าไม่มีแน่นอน

986726

ด้าน “นายสุรินทร์ จำนงบุตร” อายุ 72 ปี ลุงของผู้ตาย ยืนยันว่า ผู้ตายไม่เคยยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติดมาก่อน ดังนั้นตนมั่นใจว่าปมครั้งนี้มาจากเรื่องชู้สาวแน่นอน เนื่องจากตนทราบจากชาวบ้านที่พูดต่อ ๆ กันมาว่า ช่วงที่แฟนสาวเลิกรากับผู้ตาย ฝ่ายหญิงไปคบหากับผู้ชายคนหนึ่งที่มีบ้านอยู่ละแวกที่เกิดเหตุ แต่ตนก็ไม่รู้แน่ชัดว่าเป็นใคร เพราะปกติแล้วผู้ตายและครอบครัวไม่เคยไปแถวนั้น

616575

และที่ผ่านมา ฝ่ายหญิงมักจะมีนิสัยก้าวร้าว ชอบมาขอเงินจากผู้ตายเป็นประจำ หากครั้งไหนไม่ได้ก็จะเอะอะโวยวาย พูดจาหยาบคายใส่พ่อแม่ของผู้ตายซึ่งแก่ชรา สุขภาพร่างกายก็ไม่แข็งแรง ทำให้ผู้ตายต้องแก้ปัญหาด้วยการเอาเงินให้ตลอด เพื่อตัดความรำคาญ บวกกับผู้ตายเป็นคนนิสัยดี เรียบร้อย พูดน้อย ชอบช่วยเหลือคนอื่น ไม่เคยมีศัตรูที่ไหน ไม่มีประวัติเรื่องยาเสพติด จึงมั่นใจว่าปมขัดแย้งอื่นไม่น่าจะมีและเชื่อว่าไม่น่าจะเกินความสามารถของเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ร่อนพิบูลย์

494280

เวลา 19.00 น. ทีมข่าวเดินทางไปยัง สภ.ร่อนพิบูลย์ มีโอกาสได้คุยกับ “น.ส.แหม่ม” หรือ “น.ส.มัลลิญา เพชรฤทธิ์” อายุ 48 ปี แฟนสาวของผู้ตาย เจ้าตัวให้สัมภาษณ์ด้วยใบหน้าที่เปื้อนคราบน้ำตา พร้อมกับเปิดอัลบั้มรูปถ่ายที่เคยถาายไว้กับผู้ตาย ทั้งรูปคู่และรูปเดี่ยว ซึ่งเจ้าตัวบอกว่าวันนี้เอามาให้ตำรวจดูและจะเก็บไว้ดูต่างหน้า

922351

น.ส.แหม่ม กล่าวว่า ตนเพิ่งจะสอบปากคำเสร็จ หลังจากถูกเชิญตัวมาสอบตั้งแต่ช่วงเวลา 21.00 น. ของวานนี้ ยืนยันว่าที่ผ่านมาตนกับผู้ตายไม่เคยมีปัญหาเรื่องชู้สาวกันเลย ส่วนตัวไม่เคยมีผู้ชายคนอื่น ผู้ตายเองก็ไม่มีหญิงอื่น ทั้งยังเป็นคนใจดี ธรรมะธัมโม เบื้องต้นให้ตำรวจเช็กประวัติการติดต่อภายในโทรศัพท์แล้วก็ไม่พบอะไรผิดปกติ ส่วนคืนที่เกิดเหตุตนก็อยู่ที่ห้องพักไม่ได้ออกไปไหน

ยอมรับว่า ที่ผ่านมาตนมักจะถูกครอบครัวของผู้ตายกีดกัน เพราะไม่พอใจที่ตนออกไปทำงานข้างนอก ไม่ได้อยู่กับลูกชายเขาตลอด แต่ตนก็ไม่เคยเรียกร้องอะไรจากครอบครัวผู้ตาย ส่วนสาเหตุนั้นตนไม่ทราบและที่ผู้ตายขับเข้าไปเส้นทางนั้นตนก็ไม่รู้ว่าเขาจะไปไหนเพราะไม่ได้ติดต่อกัน แต่เชื่อว่าผู้ตายน่าจะหลงทาง เนื่องจากพักหลังผู้ตายกินยารักษาจิตเวชไม่ครบปริมาณจึงมีอาการหลงลืม แล้วคาดว่าคงไปแวะถามเส้นทางกับชาวบ้านละแวกนั้นแต่ถูกเข้าใจผิดคิดว่าเป็นขโมยจึงถูกตะคอก พอผู้ตายถูกตะคอก ด้วยอาการป่วยจึงเตลิดจนขับรถเข้าข้างทางและถูกตามมายิงหรือไม่ หรืออีกอย่างผู้ตายอาจหลงเข้าไป แล้วบังเอิญเจอเด็กติดยาคาดว่าคงถูกโบกเรียกให้หยุด แต่ไม่หยุดจึงถูกยิงหรือเปล่า

ยอมรับว่า หลังจากทราบข่าวจนถึงตอนนี้ก็ยังคงรับไม่ได้ ใจจะขาดเพราะที่ผ่านมาเคยสัญญากันกันไว้ว่าจะดูแลไปตลอด ตนไม่เคยด้อยค่าผู้ตายแม้ว่าจะป่วยเป็นจิตเวชก็ตาม

advertisement

คุณอาจสนใจข่าวนี้

ข่าวยอดนิยม

ทุบโต๊ะข่าว เป็นกระแส