จากกรณีครอบครัวหนึ่งใน จ.พระนครศรีอยุธยา ได้ร้องเรียนมายังทีมข่าวอมรินทร์ ทีวี เนื่องจากบ้านของพวกเขาซึ่งมีสมาชิกในบ้านกว่า 20 ชีวิต กำลังจะถูกยึดและไล่ออกจากพื้นที่ เนื่องจากบ้านพร้อมที่ดินที่ปลูกสร้างอยู่ปัจจุบันนั้น ได้ถูกขายทอดตลาดไปแล้ว และเจ้าของที่ดินคนใหม่ได้บังคับให้ออกจากพื้นที่ภายใน 7 วัน หรือวันที่ 1 ก.พ. 66 โดยให้ออกจากพื้นที่ซึ่งอนุญาตให้ขนข้าวของออกเท่านั้น ส่วนตัวบ้านทั้งหมดห้ามรื้อถอนออก
โดยเรื่องดังกล่าวผู้ร้องเรียนให้ข้อมูลว่า เป็นผลพวงมาจากเมื่อ 28 ปีก่อน ครอบครัวดังกล่าวได้มีการทำสัญญาใจแลกที่ดินกับเพื่อนบ้าน แต่สุดท้ายที่ดินของเพื่อนบ้านได้ถูกสำนักงานบังคับคดียึด เพราะเจ้าของบ้านนำที่ดินไปจำนองและไม่มีเงินจ่าย ทำให้ที่ดินถูกนำไปขายทอดตลาด
วันที่ 26 ม.ค. 66 ทีมข่าวอมรินทร์ ทีวี เดินทางลงพื้นที่บ้านครอบครัวดังกล่าว ซึ่งตั้งอยู่ในพื้นที่หมู่ 1 ต.คลองสระบัว อ.พระนครศรีอยุธยา จ.พระนครศรีอยุธยา เมื่อไปถึงพบว่าครอบครัวนี้มีบ้านทั้งหมด 4 หลัง บนเนื้อที่ 160 ตารางวา มีสมาชิกเกือบ 20 คนอาศัยอยู่
นายประยงค์ ทัศนกิจ อายุ 84 ปี สามีของนางทองหยิบ บอกกับทีมข่าว ตนเองตอนนี้เครียดมากและเสียใจจนเคยคิดที่จะผูกคอฆ่าตัวตายมาแล้วหลายรอบ เพราะทำใจไม่ได้ที่บ้านที่อยู่มาเกือบ 30 ปี กำลังจะถูกยึด เสียใจที่ตนเองและภรรยาหลงเชื่อเพื่อนบ้านยอมแลกที่ดิน ไม่คิดว่าผลพวงจะทำให้ในวันนี้บ้านที่เคยอาศัยอยู่กำลังจะไม่มีแล้ว โดยอีก 7 วันข้างหน้า ตนจะไม่มีที่ซุกหัวนอน ก็ไม่รู้จะไปอยู่ไหน ตนเองก็แก่มากแล้ว เดินหรือไปทำงานก็ไม่ค่อยไหว ทุกวันนี้ยังต้องอาศัยกินข้าวก้นบาตรพระ อาศัยข้าววัดกินประทังชีวิต และคงไม่มีเงินนำไปต่อสู้คดีอะไร
นายประยงค์ยัง กล่าวเพิ่มเติมว่า ตนเองเสียใจมากที่เวลาตนเองเดือนร้อน ไม่มีใครให้ความช่วยเหลือตนเองเลย แถมยังถูกโกงอีก ก่อนหน้านี้ลูกสาวของ นางเนื้ออ่อน คือ นางตุ้ย เคยมาขอยืมเงินลูกสาวบอกว่าจะขอนำไปทำธุรกิจ ตนเองก็ยังนำเงินเก็บ รวม 40,000 บาท ให้ยืมเลยก่อนจะมาเกิดเรื่อง แต่จนถึงตอนนี้ นางตุ้ย ก็ยังไม่คืนเงิน ซึ่งวันนี้ตนเองอยากจะขอเงิน 40,000 บาท คืนจากนางตุ้ยเพื่อนำไปจ่ายเงินสู้คดีแต่นางตุ้ยก็ไม่มีเงินให้ ซึ่งตนเองก็ไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรต่อไปกับชีวิตหลังจากนี้
ด้าน นางปัทมา จำหว่าง อายุ 54 ปี ลูกสาวเจ้าของบ้านอีกคน ได้พาทีมข่าวเข้าไปดูสภาพของ นายกรอบชัย ขำหว่าง สามีของเธอที่เป็นผู้ป่วยติดเตียง ซึ่งกำลังนอนต่อสายออกซิเจนยื้อชีวิตอยู่ภายในบ้าน เธอบอกว่าตอนนี้ตนเองเครียดมากหาก 7 วัน จะต้องย้ายไปอยู่ที่อื่นก็ยังไม่รู้จะไปไหนและห่วงสามีซึ่งป่วยเป็นโรคมะเร็งเม็ดเลือดขาวและปอดทะลุ มีอาการติดเชืัอ ไม่สามารถลุกไปไหนได้ และต้องให้ออกซิเจนตลอด 24 ชั่วโมง ซึ่งตนเองคงจะไม่มีเงินไปสู้คดี เอาบ้านคืนกลับมาได้ เพราะ ขนาดเงินซื้อออกซิเจนใส่ถังยื้อชีวิตให้สามี ยังแทบจะไม่มี สามีต้องใช้ออกซิเจน 4 ถังต่อวัน
หมอบอกให้ปล่อยออกซิเจนระดับ 5 แต่ตอนนี้ตนเองต้องยอมปล่อยออกซิเจนให้สามีแค่ ระดับ 2 เท่านั้น เพราะต้องประหยัด เนื่องจากแทบไม่มีเงินจะซื้อออกซิเจน เพราะตกถังละ 60 บาทต่อถัง รวม 240 บาทต่อวัน ซึ่งตนเองและสามีก็พยายามปลอบใจกัน และสู้กันมาตลอด แต่หลังจากนี้ก็ไม่รู้ว่าจะสู้ไหวไหม เพราะบ้านที่อยู่กำลังจะถูกยึด ซึ่งตนเองก็อยากขอวิงวอนให้เจ้าของที่ดินอย่าเอาบ้านของตัวเองไปเลย หากจะให้ตนเองย้ายออกก็ขอให้ตนเองรื้อถอนออกไปก็ยังดี เพราะอย่างน้อยก็ยังนำโครงสร้าง วัสดุต่าง ๆ ไปขายหรือไปทำบ้านหลังใหม่ได้
ขณะที่ นางตุ้ย (นามสมมติ) ลูกสาวของนางเนื้ออ่อน เปิดใจกับทีมข่าวว่า ที่ดินที่กำลังจะถูกยึดนั้น ก่อนหน้านี้เป็นที่ดินของนางเนื้ออ่อนแม่ของตนเองจริง ซึ่งก่อนหน้าจะมีข้อตกลงแลกที่ดิน แม่ของตนเองได้นำที่ดินไปจำนองกับธนาคารก่อนหน้าแล้วจึงเป็นเหตุผลให้แม่หรือตนเองไม่สามารถโอนแลกที่ดินให้นางทองหยิบได้
โดยที่ดินที่แม่ตนเองนำไปจำนอง ก็เพื่อนำไปลงทุนทำธุรกิจขายวัสดุก่อสร้าง แต่ต่อมาธุรกิจกับล้มไม่เป็นท่าทำให้ครอบครัวของตนเองถูกฟ้องล้มละลายไม่มีเงินไปจ่ายธนาคาร ทำให้ที่ดินดังกล่าวรวมถึงที่บ้านของตนเองในขณะนั้นถูกยึดไปหมด และจนถึงตอนนี้ตนเองก็ไม่มีบ้านจะอยู่เหมือนกัน และไม่รู้จะหาเงินไปซื้อที่ดินคืนยังไงหมดตัวเช่นกัน
ยอมรับว่า เสียใจที่ครอบครัวนางทองหยิบกำลังจะถูกยึดบ้าน แต่ตนเองก็ทำอะไรไม่ได้และรู้สึกผิดเช่นกันที่ไม่สามารถกู้ธุรกิจให้กลับมาได้ ส่วนเงิน 40,000 บาท ก็ยอมรับว่ายอมเงินไปจริง แต่ตอนนี้หากจะให้คืนเงินก็ไม่มีเหมือนกัน ขนาดตนเองยังขายของเช่าห้องอยู่ไปวัน ๆ ไม่มีจะกินเหมือนกัน แต่ก็ไม่ใช่ว่าไม่สงสาร