3 แม่ลูกขับรถชนวัว 18 ล้อเหยียบซ้ำ ลูก 9 ขวบดับ-แม่พิการ ไร้ใครสนใจ

26 ม.ค. 66

เคราะห์ซ้ำกรรมซัด 3 แม่ลูกควบ จยย. ชนฝูงวัววิ่งตัดถนน ถูกรถพ่วง 18 ล้อวิ่งสวนเหยียบร่างลูกน้อยวัย 9 ขวบแหลกดับสลดคาที่ ส่วนแม่พิการถูกตัดขา ลูกอีกคนบาดเจ็บไร้การเยียวยาจากคู่กรณี

เมื่อเวลา 11.30 น. วันนี้ 26 ม.ค. 66 ผู้สื่อข่าวประจำ จ.ตรัง ได้รับการร้องทุกข์ เพื่อเรียกร้องขอความเป็นธรรมจาก น.ส.อุมาพร หรือแม่อุ๊ อายุ 43 ปี ภายหลังจากเมื่อเวลาประมาณ 19.00 น. วันที่ 11 ม.ค. ที่ผ่านมา ทั้ง 3 คนแม่ลูก คือ นายภูวดล อายุ 17 ปี ด.ช.ภูมิธนยศ อายุ 9 ปี และ น.ส.อุมาพร เป็นผู้ขับขี่รถ จยย.ยี่ห้อซูซูกิ รุ่นสเมท สีเทา-ดำ ไม่ปิดแผ่นป้ายทะเบียน กลับจากงานแต่งงานญาติในพื้นที่ บ้านลำแคลง อ.ปะเหลียน จ.ตรัง เพื่อมุ่งหน้ากลับบ้านไปทางฝั่งทิศตะวันตก เมื่อขับมาถึงบนถนนสายท่าพญา-หาดเลา หมู่ 3 ต.บางด้วน อ.ปะเหลียน ได้มีฝูงวัวยืนอยู่ข้างถนนจำนวน 2 ตัว

จังหวะเดียวกันได้มีรถบรรทุกพ่วง 18 ล้อ บรรทุกหินมาเต็มคัน ขับสวนมาอีกเลนมุ่งหน้าไปทางฝั่งทิศตะวันออก ปรากฏว่ารถบรรทุกพ่วงได้บีบแตรรถดังสนั่นขึ้น ทำให้ฝูงวัวที่ยืนอยู่ข้างถนนตกใจ วิ่งตัดถนนออกมา ทำให้ตนซึ่งเป็นคนขับขี่ชนฝูงวัวเข้าอย่างจัง ทำให้ถูกรถ 18 ล้อคันดังกล่าวเหยียบร่างซ้ำลูกวัย 9 ขวบเสียชีวิตคาที่ ส่วนตนเองถูกเหยียบเข้าที่ขา ซึ่งในขณะนั้นตนวูบหมดสติ หลับๆ ตื่นๆไป ก่อนรถ รพ.จะมารับตัวไป รพ.ย่านตาขาว

น.ส.อุมาพร กล่าวว่า หลังจากเกิดเหตุ ตนต้องพิการทุพลภาพ ถูกตัดขาขวาไป 1 ข้างตั้งแต่หัวเข่าลงไป เข้าผ่าตัดแล้วถึง 3 ครั้ง และยังคงต้องผ่าอีกเรื่อยๆ เนื่องจากบาดแผลมีการติดเชื้อ และมีบาดแผลอีกหลายจุดทั่วร่างกาย วันนี้ตนต้องสูญเสียลูกน้อยวัย 9 ขวบ ที่ยังมีอนาคตอีกยาวไกล และตนเป็นแม่เลี้ยงเดี๋ยว เลี้ยงดูลูก 2 คน ต่างพ่อ เนื่องจากถูกพ่อของลูกวัย 9 ขวบทิ้งไปตั้งแต่เขายังอยู่ในครรภ์

ความรู้สึกพูดอะไรไม่ออก จุกและเจ็บอยู่ภายในใจ และไม่ได้ไปเผาศพลูก และยิ่งมารู้ข่าวว่า ทางคู่กรณีทั้งเจ้าของวัว และเจ้าของรถบรรทุกพ่วง ไม่ยื่นมือเข้ามาช่วยเหลือใดๆอีก ทั้งไม่ไปแม้แต่งานศพของลูกวัย 9 ขวบ ที่ฌาปนกิจไปเมื่อวันที่ 14 ม.ค. ซึ่งตรงกับวันเด็ก และทั้งสองฝ่ายไม่เคยโทรศัพท์เข้ามาถามไถ่หรือติดต่อเข้ามาแม้แต่น้อย รวมทั้งทางพนักงานสอบสวน สภ.บ้านหนองเอื้อง ก็ไม่เคยเข้ามาสอบปากคำใครแม้แต่คนเดียว และไม่เคยติดต่อเข้ามาในเรื่องคดีความ

วันนี้ตนเองต้องติดหนี้ค่ารักษาของโรงพยาบาลประมาณ 120,000 บาท และยังมีเพิ่มเข้ามาเรื่อยๆ ก็ยังไม่มีเงินจะจ่าย เพราะรถจยย.ไม่มี พรบ. ไม่มีประกันภัย และตนหาเช้ากินค่ำ สุดท้ายอยากฝากและพูดถึงคู่กรณีและทางตำรวจ อยากให้เข้ามาดูกันบ้าง มาคุยกันบ้าง ไม่ใช่หายเงียบกันไป เพราะเราก็เป็นเสาหลักของครอบครัว

ด้าน น.ส.บุญมา หรือเจี๊ยบ อายุ 41 ปี หลาน น.ส.อุมาพร กล่าวว่า รู้สึกเสียใจมาก มีทั้งคนเจ็บคนตาย และเสียใจสุดๆที่ไม่มีผู้ที่เกี่ยวข้องแม้แต่คนเดียว ที่จะเข้ามาดูแลช่วยเหลือ หรือแสดงความรับผิดชอบ และอย่าขอให้ทุกคนต้องตายและเจ็บฟรี ซึ่งขอความเห็นใจกันสักหน่อย เพราะแม่อุ๊ เป็นแม่เลี้ยงเดี๋ยว อาชีพรับจ้างทั่วไป ต้องหาเลี้ยงดูลูกคนเดียวมาตลอด อาศัยอยู่บ้านของญาติ และไม่มีเงินแม้แต่จะกินข้าว ต้องอาศัยข้าวของทางโรงพยาบาล และญาติๆนำมาให้กิน มาเจอเหตุการณ์แบบนี้อย่าให้เขาต้องเจ็บและตายฟรี โดยที่ไม่เข้ามาดูดำดูดีเลย อย่างไร้มนุษยธรรม และอยากให้ทางตำรวจทำคดีอย่างตรงไปตรงมา ทำคดีด้วยความจริง และหวั่นว่าจะมีอิทธิพลของนักการเมืองท้องถิ่นเข้ามาแทรกแซงครอบงำคดี เนื่องจากทราบว่าเจ้าของรถจริงๆ เป็นนักการเมืองท้องถิ่น และจนถึงขนาดนี้ทางตำรวจยังไม่ดำเนินการใดๆเลย

ขณะที่ น.ส.วาสนา หรือหญิง อายุ 59 ปี พี่สาว น.ส.อุมาพร กล่าวว่า เสียใจมากหลากหลายเรื่องประดังเข้ามา ไม่มีใครเข้ามาสนใจ ไร้มนุษยธรรมเป็นอย่างมาก จวบจนถึงวันนี้ไม่เคยได้คุยกับคู่กรณี และไม่มีใครส่งข่าวหรือตัวแทนมางานศพเลย ส่วนทางตำรวจก็อ้างว่าคู่กรณีไม่ว่าง แม่อุ๊ต้องสูญเสียลูก ต้องทุพลภาพ อนาคตเป็นยังไงเรายังไม่รู้ วันนี้ทุกคนก็อยู่อย่างผวาว่าจะได้รับความยุติธรรมไหม คนที่ยังมีชีวิตอยู่ก็จิตใจย่ำแย่ ช่วยให้ความเป็นธรรมกับเราด้วย

ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า เจ้าของคดีดังกล่าวคือ ร.ต.อ.ณรงค์ศักดิ์ คำนึง สว.(สอบสวน) สภ.บ้านหนองเอื้อง จ.ตรัง ส่วนทางคดียังคงไม่มีการเรียกฝ่ายใดมาทำการสอบปากคำ และทั้งนี้ผู้สื่อข่าวยังได้ภาพกล้องหน้ารถของพยานรายหนึ่ง ซึ่งแสดงให้เห็นว่ารถเก๋งของพยานได้ขับแซง จยย.ของ 3 แม่ลูก ซึ่งขับโดยไม่ได้ใช้ความเร็วสูง ก่อนจะมาพบกับฝูงวัวจำนวน 2 ตัวยืนอยู่ข้างถนน และกำลังจะพุ่งออกมาบนถนน ทำให้รถเก๋งของพยานเกือบจะชนเข้าเช่นกัน ซึ่งจังหวะนั้นก็ยังได้เห็นว่ารถบรรทุกพ่วงขับสวนมาด้วยเช่นกัน และภายหลังเพียงแค่ไม่กี่วินาทีก็ได้เกิดอุบัติเหตุสลดดังกล่าวขึ้น

advertisement

advertisement

คุณอาจสนใจข่าวนี้

ข่าวยอดนิยม

ข่าวทั่วไป เป็นกระแส