'วีนจนทิพย์' โต้ถอยป้ายแดง ยันนาฬิกา-ทองของเก๊ แม่ซึ้งบัญชีทะลุล้าน (คลิป)

20 ม.ค. 66

จากกรณีน้องวีน อายุ 18 ปี นักเรียนโรงเรียนแห่งหนึ่งใน อ.ควนขนุน จ.พัทลุง สอบติดคณะแพทย์ศาสตร์ ม.สงขลานครินทร์ จ.สงขลา แต่มีปัญหาเรื่องทุนศึกษาต่อ จนมีนักข่าวท้องถิ่น จ.พัทลุง ได้นำเสนอข่าวว่าครอบครัวน้องมีฐานะยากจนพร้อมเปิดรับบริจาค

635908

ต่อมาเมื่อมีคนบริจาคเงินเข้ามาเป็นจำนวนมาก กลับมีการตรวจสอบพบว่าครอบครัวของน้องนั้นไม่ได้จนมากขนาดที่จะต้องรับบริจาค เพราะใช้ของแพง กินหรู อยู่สบาย จากภาพที่โพสต์ ทำให้นักข่าวท้องถิ่นถูกโจมตีว่ามีส่วนรู้เห็นกับเหตุการณ์ครั้งนี้หรือไม่ แต่ภายหลังนักข่าวสาวได้ออกมาขอโทษชี้แจงแล้วว่าถูกครอบครัวของน้องวีนจัดฉากตีหน้าเศร้า ซึ่งหลังปรากฏข่าวดราม่าในโลกโซเชียล ครอบครัวของน้องวีนก็ปิดปากเงียบ ปัดให้สื่อสัมภาษณ์ บอกว่าไม่ต้องมายุ่งเกี่ยวกับเรื่องทั้งหมด ไม่ยอมเปิดเผยยอดบริจาคด้วยนั้น

290395

ล่าสุด ทนายเกิดผล แก้วเกิด ได้ออกมาแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับเรื่องนี้ด้วยการโพสต์ข้อความบนเฟซบุ๊กว่า "การเปิดรับบริจาคเพื่อขอเป็นทุนการศึกษา โดยอ้างว่ายากจน เป็นเหตุให้บุคคลอื่นหลงเชื่อ และโอนเงิน เพื่อเป็นทุนการศึกษาให้

122718

แม้เจ้าตัวจะไม่ได้เป็นคนเปิดรับบริจาคด้วยตนเอง แต่การที่มีคนอื่นเข้าใจผิด แล้วเปิดรับบริจาคแทนให้ #โดยเจ้าตัวนั้นรู้อยู่แก่ใจว่าตนเองไม่ได้ยากจน ก็เป็นความผิดฐานฉ้อโกงประชาชนได้ เพราะถือว่า มีเจตนาฉ้อโกง #โดยการปกปิดข้อความจริงที่ควรบอกให้แจ้งแก่ประชาชน ว่าตนเองไม่ได้เป็นคนยากจนและไม่จำเป็นต้องขอทุนการศึกษา แต่อย่างใด

(มาตรา ๓๔๑ ผู้ใดโดยทุจริต หลอกลวงผู้อื่นด้วยการแสดงข้อความอันเป็นเท็จ #หรือปกปิดข้อความจริงซึ่งควรบอกให้แจ้ง และโดยการหลอกลวงดังว่านั้น #ได้ไปซึ่งทรัพย์สินจากผู้ถูกหลอกลวงหรือบุคคลที่สาม หรือทำให้ผู้ถูกหลอกลวงหรือบุคคลที่สาม ทำ ถอน หรือทำลายเอกสารสิทธิ ผู้นั้นกระทำความผิดฐานฉ้อโกง ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสามปี หรือปรับไม่เกินหกหมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ)"

106030

ล่าสุดวันที่ 20 ม.ค. 66 ทีมข่าวอมรินทร์ ทีวี เดินทางไปยังบ้านของนางเจี๊ยบ แม่ของน้องวีน ซึ่งเป็นบ้านชั้นเดียวตั้งอยู่ในสวนยางพาราของพื้นที่หมู่ 9 ต.ตะแพน อ.ศรีบรรพต จ.พัทลุง พบว่ามีรถยนต์กระบะสีขาว สภาพใหม่ 1 คัน และรถยนต์กระบะสีน้ำเงิน สภาพถูกใช้งานมานานแล้วอีก 1 พร้อมกับรถมอเตอร์ไซค์สีน้ำเงิน สภาพถูกใช้งานมานานแล้วอีก 1 คัน จอดอยู่หน้าบ้าน แต่ไม่พบแม่ลูกอยู่ในบ้าน

979836

นางบุญมา ชุมวิโรจน์ อายุ 67 ปี ป้าของนางเจี๊ยบ ซึ่งปลูกบ้านอยู่ด้านหลังติดกัน ยืนยันกับอมรินทร์ ทีวี ว่าครอบครัวของนางเจี๊ยบ จนจริง ไม่ใช่จนทิพย์ เพราะขนาดบ้านที่เขาอาศัยอยู่กับลูกก็เป็นบ้านของตน ตั้งอยู่บนที่ดินของตนประมาณ 100 ตารางวากว่า ๆ จากที่ดินทั้งหมด 4 ไร่ รวมที่ตั้งบ้านของตนด้วย

ทรัพย์สินของนางเจี๊ยบก็จะมีแค่รถยนต์กระบะสีเขียว 1 คัน ที่ซื้อไว้ตั้งแต่เขายังอยู่กับสามี สำหรับรับซื้อขี้ยาง รวมถึง จยย. 2 คัน จอดอยู่หน้าบ้าน 1 คัน และน้องวีนขับไปโรงเรียน 1 คัน ส่วนรถยนต์กระบะสีขาว ทราบว่าเป็นของเพื่อนนางเจี๊ยบที่เอามาจอดฝากไว้เฉย ๆ ซึ่งตนไม่ทราบว่าเป็นรถใคร รายได้ของนางเจี๊ยบปัจจุบันมาจากการรับซื้อขี้ยาง แต่ละวันจะได้กำไรแค่ 200-300 บาท พอให้ลูกชาย 2 คนไปโรงเรียนแต่ละวัน โดยน้องวีนเป็นลูกคนโต อายุ 18 ปี และมีน้องชายวัย 9 ปี อีก 1 คน บางวันก็ไม่มีรายได้ เพราะฝนตก ชาวบ้านไม่ได้กรีดยาง

ส่วนทองที่เห็นในรูป ตนสอบถามนางเจี๊ยบ เขาก็ยืนยันมาเป็นทองปลอมที่ซื้อมาใส่เพื่อถ่ายรูปเท่านั้น เพราะเขาเป็นคนชอบแต่งตัว แต่จะแต่งอยู่บ้าน ไม่ได้ไปเที่ยวกลางคืนที่ไหน เนื่องจากไม่มีเงิน ไม่มีทองจริงสักเส้น แล้วหลังจากเป็นข่าวนางเจี๊ยบก็ปาทิ้งหมด นิสัยใจคอก็เป็นคนดี พูดตรงไปตรงมา ไม่ใช่คนโกหก ไม่เคยคดโกงใคร

สำหรับน้องวีนก็เป็นเด็กดี ตั้งใจเรียน ไม่ได้มีของแพงไว้ครอบครอง อย่างนาฬิกาแอปเปิ้ลวอช ซีรีส์ 7 ที่ในข่าวบอกว่าราคา 15,900 บาทนั้นก็เป็นแค่ของปลอม ที่ซื้อจากตลาดในราคาหลักร้อยบาท ส่วนโทรศัพท์ไอโฟน 12ProMax ที่เห็นในรูป ยอมรับว่าเป็นของ น้องวีนจริง แต่ตนไม่รู้ราคาเท่าไร และเชื่อว่าน้องเก็บเงินซื้อเอง ทั้งนี้ ถ้าถามถึงการเปิดรับบริจาคนั้นส่วนตัวไม่รู้ มารู้อีกทีหลังเป็นข่าวและไม่ทราบว่าปัจจุบันยอดบริจาคเท่าไร เพราะไม่ได้คุยเรื่องนี้กันเลย แต่รู้ว่านางเจี๊ยบกับน้องวีนเครียดมาก เนื่องจากที่ผ่านมาไม่ครอบครัวจนจริง ไม่เคยมีใครเข้ามาช่วยเหลือ ไม่เคยขอรับบริจาคหรือขอเงินใคร พอวันนี้มีคนช่วยเหลือก็กลับมีกระแสโจมตี ซึ่งตนเชื่อว่าเหมือนกำลังถูกกลั่นแกล้ง

724901

ต่อมาทีมข่าวเดินทางไปยังโรงเรียนปัญญาวุธ จ.พัทลุง นายพัฒนพงศ์ พรหมวงษ์ ครูที่ปรึกษา บอกว่าทางโรงเรียนไม่ทราบมาก่อนว่าครอบครัวของน้องจะมีการเปิดรับบริจาค เพราะน้องและแม่ไม่ได้เข้ามาปรึกษาใด ๆ ยอมรับว่าโรงเรียนก็คิดไม่ถึงเหมือนกันว่าจะเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น เนื่องจากหลังทราบว่าน้องวีนผ่านการคัดเลือกในโครงการ “แพทย์ปฎิรูป” เป็นนักศึกษาคณะแพทย์ศาสตร์ มหาวิทยาสงขลานครินทร์ อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา ด้วยการยื่น Portfolio เมื่อปลายปี 2565 และจะมีค่าใช้จ่ายในการยื่นยืนยันสิทธิ์ประมาณ 40,000 บาท ซึ่งจะต้องชำระในวันที่ 6 ก.พ. 66

ทางโรงเรียนก็รู้ดีว่าเงินจำนวนนี้มันเยอะมาก หากเทียบกับความเป็นอยู่ของน้อง ลำพังแม่ของน้องจ่ายคนเดียวไม่ไหวแน่นอน บวกกับน้องไม่ได้ยื่นเรื่องกู้ กยศ. ไว้ตั้งแต่มัธยม การจะไปกู้ในระดับมหาวิทยาลัยก็ค่อนข้างที่จะมีขั้นตอนเยอะ อยากให้น้องสบายใจในเรื่องนี้ จึงมีการปรึกษากับ อบต.แพรกหา และมีการคิดจะจัดกิจกรรมหาทุนการศึกษาให้กับน้องวีน และนักเรียนรวมทั้งหมด 9 คนในสายวิทยาศาสตร์-คณิตศาสตร์ที่ผ่านการคัดเลือกในคณะและสถาบันชั้นนำอื่น ๆ แต่มีฐานะยากจน ด้วยการขอระดมทุนจากศิษย์เก่าของโรงเรียน 30 กว่ารุ่น เพื่อใช้ยืนยันสิทธิ์

เมื่อมีกระแสดราม่าของใช้แพงออกมา โรงเรียนก็มีการสอบถามกับน้องวีน น้องก็บอกว่านาฬิกาเป็นของปลอม ซื้อจากตลาด แต่โทรศัพท์เป็นของจริง ราคาประมาณ 18,000 บาท ซื้อตั้งแต่ช่วง ม.4 ในช่วงสถานการณ์โควิด-19 ต้องเรียนออนไลน์ จึงจำเป็นต้องใช้อุปกรณ์ที่คงทน ส่วนตัวมองว่าหากน้องเก็บเงินซื้อด้วยตัวเองก็ไม่ใช่เรื่องแปลก เพราะในโรงเรียนมีนักเรียนหลายคนที่ใช้โทรศัพท์ไอโฟนราคาประมาณนี้ โรงเรียนไม่จำเป็นต้องออกมาพูดก็ได้ เพราะเรื่องทั้งหมดโรงเรียนไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้อง แต่วันนี้ที่ออกมาพูดแทนน้องวีนและครอบครัว เพราะอยากให้ทุกคนเข้าใจในความตั้งใจของน้อง เมื่อวานนี้ทางมหาวิทยาลัยก็ได้เรียกน้องเข้าไปคุยเป็นการด่วนเกี่ยวกับเรื่องทั้งหมดแล้ว ทางมหาวิทยาลัยก็ยืนยันว่าน้องยังสามารถยืนยันสิทธิ์เข้าเรียนแพทย์ได้ตามปกติ ไม่มีการตัดสิทธิ์ เพราะน้องไม่ได้ทำผิดกฎระเบียบของมหาวิทยาลัย

911799

ส่วนเรื่องยอดบริจาคทั้งหมด โรงเรียนก็สอบถามกับน้องและแม่เช่นกันว่าได้มีการปิดบัญชีไปแล้วหรือยัง เพราะทางโรงเรียนเห็นว่าน้องประกาศปิดรับบริจาคไปตั้งแต่ 8 ม.ค. 66 ซึ่งทางแม่ของน้องบอกว่ายังไม่ไปปิดบัญชี ไม่กล้าออกไปไหนเลย กลัวสังคมโจมตี ทำให้เมื่อวันที่ 18 ม.ค. 66 ทางโรงเรียนก็พาน้องไปปิดบัญชีแล้วเรียบร้อยเพื่อตัดปัญหา ยอดบริจาคทั้งหมดคือ 1,002,409.79 บาท รวมระยะเวลา 19 วัน

942661

ล่าสุด เวลา 17.30 น. นางเจี๊ยบได้ เปิดเผยทางโทรศัพท์ว่า เบื้องต้นเมื่อวานนี้ ทางคณะแพทยศาสตร์ของมหาวิทยาลัยได้เชิญคนกับลูกไปพูดคุยกับเรื่องนี้แล้ว และตนก็ได้ชี้แจงกับมหาวิทยาลัยไปทั้งหมด พร้อมกับปิดบัญชีไปแล้วเมื่อวันที่ 18 ม.ค. 66 หากสื่อฯหรือคนที่ต้องการรายละเอียด ให้ติดต่อสอบถามกับทางคณะแพทยศาสตร์ของมหาวิทยาลัยโดยตรง

สำหรับเรื่องราวทั้งหมด ตนขอบอกว่าที่เงียบและไม่ออกมาพูด เพราะสงสารลูก ตอนนี้สภาพจิตใจของลูกถูกทำร้ายจนบอบช้ำหมดแล้ว เครียดมากทั้งตนและลูก เนื่องจากมีบางคอมเมนต์ที่เขียนแบบซ้ำเติมในเชิงไม่รู้จริง ขอทิ้งท้ายว่า "ขอบคุณทุกคนมาก ๆ ที่ช่วยเหลือน้อง"

 

advertisement

คุณอาจสนใจข่าวนี้

ข่าวยอดนิยม

ทุบโต๊ะข่าว เป็นกระแส