ผู้ประกอบการ “เกาะเสม็ด” โอด เดือดร้อนถ้วนหน้า อุทยานฯ ขึ้นค่าธรรมเนียมเรือโดยสาร-รถโดยสาร-รถจักรยานยนต์รับจ้าง หาบเร่แผงลอยไม่รอด
วันที่ 16 ม.ค. 66 ผู้สื่อข่าวลงพื้นที่เกาะเสม็ด ต.เพ อ.เมือง จ.ระยอง เพื่อตรวจสอบ กรณีที่นายดำรงค์ พิเดช ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคโอกาสไทย และอดีตอธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่า และพันธุ์พืช ออกมาเปิดเผยในรายการโทรทัศน์แห่งหนึ่งว่า ได้รับการร้องเรียนว่า ในพื้นที่อุทยานแห่งชาติเขาแหลมหญ้า หมู่เกาะเสม็ด จ.ระยอง มีการเรียกเก็บเงินจากรถสองแถวที่วิ่งรับ-ส่งนักท่องเที่ยว บนเกาะเสม็ด รายละ 16,000 บาท จำนวน 50 คัน รวมถึงการก่อสร้างต่อเติมในพื้นที่อุทยานฯ ที่ต้องจ่ายเพื่อแลกกับการอนุญาต ทั้งที่ทำไม่ได้ เพราะผิดกฎหมาย
โดยนายยานยนต์ อรุณเวสสะเศรษฐ ผู้ประกอบการท่าเรือโดยสารข้ามเกาะเสม็ด เล่าว่า ตนมีความเดือดร้อน เพราะถูกขึ้นค่าธรรมเนียมเรือทุกขนิดที่ผ่านเข้า-ออกพื้นที่อุทยานฯ โดยมีการขึ้นราคาจากเดิมถึง 3 เท่าตัว จึงเดือดร้อนกันมาก เพราะทุกรายต่างก็เพิ่งผ่านวิกฤตจากสถานการณ์โควิด-19 ระบาด ก็เท่ากับเป็นการซ้ำเติมกัน
นายยานยนต์ กล่าวต่อว่า นอกจากนี้ยังรวมถึงเรื่องการเก็บเงินค่าผ่านเข้าอุทยานแห่งชาติเขาแหลมหญ้า หมู่เกาะเสม็ด คือ พื้นที่ทั้งหมดในอุทยานฯ แต่กลับมีการตั้งกฎขึ้นใหม่ว่า หากนักท่องเที่ยวต่างชาติต้องการไปดำน้ำใต้เกาะกุฎี เกาะทะลุ และ เกาะปลายตีน ต้องเสียเงินเพิ่มอีกคนละ 100 บาท ทั้งที่อยู่ในอุทยานฯ จึงสร้างความไม่พอใจให้กับนักท่องเที่ยวต่างชาติ ที่ต้องมาจ่ายซ้ำซ้อน ผู้ประกอบก็ไม่สามารถที่จะอธิบายได้กับมาตรการดังกล่าว เพราะที่ผ่านมาไม่เคยมีปรากฏ
ด้านนายโนรี ตะถา ผู้ช่วยหัวหน้าอุทยานแห่งชาติเขาแหลมหญ้า หมู่เกาะเสม็ด กล่าวชี้แจงว่า การเก็บค่าเข้าอุทยานฯ เพิ่ม เป็นการเก็บเฉพาะชาวต่างชาติ เป็นประกาศมาจากกรมฯ จะกำหนดให้ต้องเก็บเพิ่มคนละ 100 บาท จากเดิม 200 บาท โดยเก็บในพื้นที่สวยงามเปราะบาง เช่น นักท่องเที่ยวต่างชาติมาเที่ยวเกาะเสม็ด เสียค่าเข้าคนละ 200 บาท หากไปต่อที่เกาะทะลุ เกาะกุฏี ก็เก็บเพิ่มคนละ 100 บาท ส่วนการเก็บค่าเรือโดยสารจากผู้ประกอบการเพิ่มนั้น เป็นกฎกระทรวงที่เพิ่งออกมาเมื่อปลายปี 2565
นายโนรี กล่าวต่อว่า สำหรับกลุ่มผู้ประกอบการอื่นๆ เช่น หาบเร่ แผงลอย รถโดยสาร กลุ่มนี้จะมีกลุ่มของแต่ละอาชีพ ซึ่งตั้งกฎระเบียบและบริหารสมาชิกกันเอง อุทยานฯ ดูแลกำหนดให้ไม่เกิดความเสียหายต่อสิ่งแวดล้อม ให้นักท่องเที่ยวเที่ยวอย่างมีความสุข ไม่ทำลายบรรยากาศ และความเสียหายต่อนักท่องเที่ยว และธรรมชาติ ยืนยันว่าอุทยานฯ ไม่ได้เข้าไปเก็บเงินแต่อย่างใด
