เตรียมงานศพเก้อ! หลานป่วยหนักอาการโคม่าใครเห็นก็ว่าตาย ญาติทำใจให้ถอดเครื่องออกซิเจน สุดท้ายไม่ตาย! สร้างความตะลึงงันให้กับญาติและคนทั้งงาน
วันที่ 11 มกราคม 66 ผู้สื่อข่าวรายงานจาก อ.แม่สอด จังหวัดตาก ว่าได้เกิดเรื่องราวความเศร้าสลดกลายเป็นเรื่องตลก และดีใจจากครอบครัวชาวเมียนมาร์ครอบครัวหนึ่ง ที่บ้านเอื้ยงดอย หมู่ที่ 7 ตำบลพระธาตุผาแดง อ.แม่สอด จังหวัดตาก เมื่อนางเว น้าของนายแก้ว อายุ 24 ปี ไปเยี่ยมนายแก้วที่เจ็บป่วยและอาการร่อแร่ไม่รู้สึกตัว ต้องใส่เครื่องช่วยหายใจอยู่ที่โรงพยาบาลแม่สอด เมื่อวันที่ 8 มกราคม 66
ต่อมานางเวได้พบแพทย์ที่รักษานายแก้ว ในห้องไอซียู นางเวบอกกับแพทย์ว่า ให้ถอดสายอออกซิเจนออกได้เลย เพราะไม่อยากให้หลานตนเองทรมานและย้ำว่า อีก 3 วัน จะไปรับศพนายแก้วที่ห้องเย็นเก็บศพของโรงพยาบาล จึงกลับไปบ้านเพื่อเตรียมจัดงานวันศพ โดยไปบอกข่าวกับกับนายพงศ์บิดาและมารดา จากนั้นร่วมกันเตรียมจัดงานวันในวันที่ 10 มกราคม 66
พร้อมกับจะไปรับศพนายแก้วที่โรงพยาบาล โดยได้นิมนต์พระสงฆ์ 3 รูป จากวัดเอี้ยงดอย ไปสวดที่บ้านพร้อมทำบุญไปด้วย ขณะที่ไปนางเวกำลังไปรับศพที่โรงพยาบาลตามที่ตนเองคิดไปเองว่าหลานชายได้สิ้นใจแล้ว ได้ขอให้หน่วยกู้ภัยในพื้นที่ไปช่วยนำศพนายแก้วที่โรงพยาบาล มาส่งที่บ้านทำการฌาปนกิจศพนั้น แต่ต้องตกใจและดีใจเมื่อแพทย์บอกว่า นายแก้วมีอาการดีขึ้นย้ายจากห้องไอซียูไปอยู่ห้องปกติแล้ว
นางเวเล่าว่าตอนที่ไปรับศพนั้น เมื่อไปถึงทางรถกู้ภัยได้ส่งที่ห้องเก็บศพด้านหลังโรงพยาบาล เพื่อจะขอรับศพแต่ไม่พบศพนายแก้ว จึงนึกในใจว่านายแก้วยังไม่ตายและรีบไปที่ห้องไอซียู และพบแพทย์บอกว่านายแก้วอาการดีขึ้นแล้ว ได้ย้ายไปห้องไอซียู ทำให้ตนเองดีใจจนบอกไม่ถูก จากนั้นจึงรีบกลับบ้านไปบอกกับทางพ่อแม่ของนายแก้วและญาติว่า นายแก้วยังไม่ตายและอาการป่วยดีขึ้น ทำให้ต้องยกเลิกพิธีศพกลางคัน รวมทั้งการเตรียมการนำศพไปที่สุสานบ้านหัวฝาย แขกเหรื่อที่ไปร่วมงานก็อิ่มท้องกันแล้วเดินทางกลับทิ้งไว้แต่น้ำดื่มเครื่องดื่มต่างๆ และผ้าไตรจีวรยังอยู่ในบ้าน
นางเวบอกว่าการจัดงานศพต้องไปกู้เงินเพื่อนบ้านมา 10,000 บาท ค่าใช้จ่ายจัดงานทั้งหมด 20,000 บาทแต่ได้เงินจากการทำบุญมา 10,000 บาทจึงใช้หนี้ไปทั้งหมด
สำหรับนายแก้วมีบัตร 10 ปี ที่ทางการออกให้อาชีพขับรถยนต์บรรทุกดินและทั่วไป เกิดอาการป่วยจากการดื่มสุรามากจนต้องรีบนำส่งโรงพยาบาลแม่สอด และอาการปางตายแต่แพทย์โรงพยาบาลได้ช่วยชีวิตจนอาการดีขึ้นตามลำดับ ทั้งที่ทางญาติเป็นฝ่ายขอให้ทางโรงพยาบาลถอดสายออกซิเจนออก และเชื่อว่านายแก้วต้องตายแน่ ทั้งยังบอกกับทางโรงพยาบาลว่าอีก 3 วัน จะไปรับศพนายแก้ว จนเป็นที่ฮือฮาของชาวบ้านเอี้ยงดอยและชาวเมียนมาร์ที่อาศัยอยู่ในหมู่บ้านนี้ด้วย
