ศูนย์จีโนมฯ เผย โอมิครอนลูกผสม "XBB.1.5" น่ากังวล พบตัวเลขผู้ติดเชื้อเพิ่มอย่างรวดเร็ว

21 ธ.ค. 65

ศูนย์จีโนมทางการแพทย์ เผย โอมิครอนลูกผสม "XBB.1.5" เป็ฯสายพันธุ์อุบัติใหม่ที่น่ากังวล พบมีตัวเลขผู้ติดเชื้อที่นิวยอร์กเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว

วันที่ 21 ธ.ค.65 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ศูนย์จีโนมทางการแพทย์ คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี Center for Medical Genomics โพสต์ข้อมูลผ่านเฟซบุ๊กเพจ ระบุว่า  โควิด-19 สายพันธุ์อุบัติใหม่ที่ "น่ากังวลมากที่สุด" ในปัจจุบันคือโอมิครอนลูกผสม "XBB.1.5" 

นิวยอร์ก กำลังกลายเป็น "ฮอตสปอตใหม่" ของโควิดตระกูล XBB ที่พบแพร่ระบาดใหญ่ในสิงคโปร์เมื่อเดือนตุลาคม 2565 ที่ผ่านมา โดยมีตัวเลขผู้ติดเชื้อที่นิวยอร์กรายวันตั้งแต่วันที่ 9 ธันวาคมจนถึงปัจจุบันเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว

5.5%
5.7%
5.7%
5.3%
9.0%
13.8%
12.6%
13.7%
16.5%
18.6%

เมื่อเทียบกับโควิดสายพันธุ์อื่นที่ระบาดในนิวยอร์ก

คาดว่าจะระบาดเข้ามาแทนที่โอมิครอน BQ.1 อย่างรวดเร็วโดยพบ

  • มีความได้เปรียบในการเติบโต-แพร่ระบาด (relative growth advantage) ที่นิวยอร์กสูงกว่า BQ.1 ถึง 144%
  • มีความได้เปรียบในการเติบโต-แพร่ระบาดสูงกว่า BQ.1 ทั่วสหรัฐฯ 122% 
  • มีความได้เปรียบในการเติบโต-แพร่ระบาด สูงกว่า BQ.1 ทั่วโลกประมาณ 94%

จากฐานข้อมูลเก็บรหัสพันธุกรรมโควิดโลก “GISAID” พบแล้วทั้งสิ้น 288 ตัวอย่าง ยังตรวจไม่พบในประเทศไทย

ประเมินว่า XBB.1.5 ได้กลายพันธุ์มาจาก XBB* ที่นิวยอร์ก โดยมีอัตราการเพิ่มจำนวนประมาณถึง 100% ในแต่ละสัปดาห์

โดยอาศัยเทคโนโลยีด้าน "ชีวสารสนเทศ" ที่ก้าวหน้าไปอย่างมากมาใช้วิเคราะห์ข้อมูลการถอดรหัสพันธุกรรมโควิดทั้งจีโนม (whole SARS-CoV-2 genome sequencing) ตลอด 3 ปี จำนวนกว่า "14.2 ล้านตัวอย่าง" ช่วยให้เราสามารถทำนายรูปลักษณ์ของโปรตีนหนามที่แตกต่างกันในแต่ละสายพันธุ์ของโควิด-19 ได้อย่างแม่นยำเพื่อบ่งชี้

  • ความสามารถของ "โปรตีนหนาม" ของสายพันธุ์นั้น ในการหลบเลี่ยงภูมิคุ้มกัน (immune escape) เนื่องจากรูปร่างโปรตีนหนามเปลี่ยนไปอันมีสาเหตุมาจากการกลายพันธุ์
  • ความสามารถของโปรตีนหนามของสายพันธุ์นั้นในการยึดจับตัวรับ "ACE-2" บนผิวเซลล์ผู้ติดเชื้อ เพื่อแทรกเข้าไปภายในเซลล์ (ACE-2 binding score) เนื่องจากรูปร่างโปรตีนหนามที่เปลี่ยนไปอันมีสาเหตุมาจากการกลายพันธุ์

สรุปว่า XBB.1.5 เป็นโควิด-19 ที่มีความได้เปรียบในการเติบโต-แพร่ระบาด (relative growth advantage) และมีความสามารถในการหลบเลี่ยงภูมิคุ้มกันและการเข้ากับผิวเซลล์เพื่อทะลุผ่านเข้าไปภายในเซลล์สูงที่สุดในโลก ณ ขณะนี้ อันเป็นสาเหตุที่ผู้เชี่ยวชาญทั่วโลกกำลังจับตามองด้วยความกังวล

advertisement

advertisement

คุณอาจสนใจข่าวนี้

ข่าวยอดนิยม

ข่าวทั่วไป เป็นกระแส