จากกรณีที่ก่อนหน้านี้ทีมข่าวอมรินทร์ทีวีได้รับการร้องเรียนจากตายาย บ้านในหมู่ 3 ต.บ้านราม อ.หัวไทร จ.นครศรีธรรมราช ถูกโจร 6 คนบุกปล้นภายในบ้านในภาพจากกล้องวงจรปิด จับภาพได้ชัดเจนตอนที่ 6 คนก่อเหตุ งัดประตูบ้านมุ้งเป้าไปที่ ห้องของตายายแล้วขโมยตู้เซฟออกจากบ้าน เหตุเกิดเมื่อวันที่ 2 ก.ย. 65 ที่ผ่านมา
ล่าสุด 2 ธ.ค. 65 ทีมข่าวทราบข้อมูลจากเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.หัวไทร จ.นครศรีธรรมราช สามารถจับกลุ่มคนร้ายได้แล้ว 4 คน แต่ระบุว่ามีผู้ร่วมขบวนการทั้งหมด 7 คน นอกจากชายที่เห็นในคลิป 6 คน อีก 1 คน คือหลานชายของเจ้าของบ้าน เป็นลูกของน้องสาวของยาย ชื่อว่านายธวัฒชัย สงเกิดทอง อายุ 38 ปี ทำงานรับราชการที่ จ.ประจวบคีรีขันธ์
สำหรับคนร้ายที่จับกุมได้ 4 คน ประกอบด้วยนายวีรยุทธ หนูชัยแก้ว 38 ปี, นายภูริวัจน์ นวลสะอาด 30 ปี, นายรัฐมนูญ แข็งแรง 29 ปี และนายชัยรัตน์ คงช่วย อายุ 56 ปี ทั้งหมดให้การรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหา
โดยช่วงที่เจ้าหน้าที่ตำรวจนำตัวนายวีรยุทธหนูชัยแก้ว ซึ่งถ้าดูจากภาพในกล้องวงจรปิด นายวีรยุทธ คือ ชายที่สวมเสื้อฮู้ดสีน้ำเงินใส่รองเท้า New Balance และใช้ปืนจอที่บริเวณประตูบ้านของตายาย ช่วงที่ตำรวจนำตัวมาชี้ชิ้นส่วนของรถยนต์ที่ใช้ก่อเหตุ
ทีมข่าวได้มีโอกาสพูดคุยสอบถาม นายวีรยุทธ บอกว่า "พี่ตนมุ่งเป้าไปที่ตู้เซฟ เพราะทราบข้อมูลมาจากร้านขายของยาย เป็นคนบอก และทองได้มาไม่กี่บาทก็นำมาแบ่งกัน" นายวีรยุทธก็ยังซัดทอดว่านายธวัฒชัยเป็นผู้วางแผนชักชวนให้เข้ามาลักทรัพย์ในบ้านดังกล่าว มีการบอกพิกัดว่าของมีค่าอยู่ตรงไหนบ้าง และให้ข้อมูลว่าเจ้าของบ้านออกจากบ้านไปในช่วงไหน และยอมรับว่าตนเพียงต้องการเงินเท่านั้น ไม่ได้คิดจะทำร้ายเจ้าของบ้านแต่อย่างใด
นายเลิศ (นามสมมติ) พ่อตาของนายวีระชัย บอกกับทีมข่าวว่า นายวีระชัยเป็นอดีตลูกเขย เพราะเลิกรากับลูกสาวตนนานแล้ว แต่ก็ยังไปมาหาสู่กันบ้าง และตนก็ไม่ได้โกรธอะไรกับนายวีระชัย ยังพูดคุยกันได้ปกติ ช่วงวันที่ 3 ก.ย. หลังจากที่นายวีระชัยก่อเหตุแล้วได้ขับรถกระบะสีขาวคันดังกล่าวมาที่บ้าน บอกกับนายเลิศว่าให้ช่วยชำแหละรถยนต์ให้
นายเลิศคือตนเอง ก็สอบถามว่าทำไม นายวีระชัยก็บอกว่าจะขายเป็นอะไหล่เพื่อนำเงินไปซื้อรถคันใหม่ จึงมีการชำแหละรถคันดังกล่าว นายวีระชัยก็เป็นคนนำอุปกรณ์ต่าง ๆ ไปขาย แล้วก็ให้ล้อรถยนต์ 4 ข้างมาสวมใส่กับรถกระบะของตนและเบาะนั่ง 1 ที่ เป็นค่าจ้างในการช่วยชำแหละรถยนต์
ตอนนั้นตนก็ได้พูดกับลูกเขยไปว่า "ไม่ใช่ไปทำอะไรผิดมานะ อย่าให้เรื่องมาถึงกู" นายวีระชัยก็ยังยืนยันว่าไม่มีปัญหาอะไรแน่นอน ถ้ามีปัญหาอะไรเดี๋ยวรับผิดชอบเอง แล้วก็มีปัญหาในที่สุด วันนี้จึงนำของกลางที่หลงเหลืออยู่ที่บ้านมามอบให้กับเจ้าหน้าที่ตำรวจเป็นล้อรถยนต์ 4 ข้าง และเบาะรถ 1 ที่นั่ง
ทีมข่าวได้พูดคุยกับนายเมฆ หลานชายของตาและยายที่อยู่ต่างจังหวัด และถูกออกหมายจับเป็นคนชี้จุด ให้โจรเข้ามาปล้นตู้เซฟบ้านตายาย หลังจากที่ทีมข่าวพูดคุยกับแม่ของนายเมฆเสร็จก็ต่อสายตรงถึงนายเมฆทันที โดยในเมฆรับสายและยืนยันกับทีมข่าวว่าตนไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับเรื่องนี้ และก็ไม่ทราบว่าทำไมเจ้าหน้าที่ตำรวจถึงได้ออกหมายจับตน แต่ยอมรับว่าตนกับนายโก้ หรือ นายวีรยุทธเจ้าของรถกระบะคันสีขาว เป็นเพื่อนสนิทกันตั้งแต่สมัยเรียน
ก่อนหน้าที่จะเกิดเหตุ ได้โทรคุยกับเพื่อนอยู่เป็นประจำ ก็เคยเล่าให้เพื่อนฟังว่าบ้านป้าของตนนั้นร่ำรวยมาก ยืนยันว่าเป็นการพูดคุยกันปกติไม่ได้ชี้จุดไม่ได้วางแผนใด ๆ ทั้งนั้น ไม่ได้ชี้แจงรายละเอียดกับเพื่อนว่าในบ้านป้ามีสมบัติอะไรบ้าง และไม่ได้บอกว่ามีตู้เซฟอยู่ในบ้านด้วย เพราะไม่เคยเข้าไปในบ้านของผู้เสียหาย
เบื้องต้น จะเดินทางมาที่สถานีตำรวจ สภ.หัวไทร เพื่อแสดงความบริสุทธิ์ใจ และเข้ามอบตัวกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ ยืนยันปฏิเสธข้อกล่าวหา ผู้เสียหายคือลุงกับป้าของตนเอง ตนจะทำได้อย่างไร ที่สำคัญตนไม่ได้มีปัญหาทางการเงิน แต่ก็โกรธเพื่อนที่ทำแบบนี้กับครอบครัวตน และยังซัดทอดความผิดมาให้ตนอีก
นายเฉลียว คงสีชาย อายุ 76 ปี และคุณยายปราณี คงศรีชาย อายุ 73 ปี คุณตาเป็นผู้พิการตาบอดข้างขวา 1 ข้าง บอกกับทีมข่าวว่าต้องขอบคุณทีมข่าวอมรินทร์ทีวี และเจ้าหน้าที่ตำรวจเป็นอย่างมากที่ช่วยกันติดตามจนทราบตัวคนก่อเหตุ ดีใจที่วันนี้คลี่คลายคดีได้แล้ว แต่ก็เสียใจที่หนึ่งในคนที่ร่วมก่อเหตุเป็นหลานชาย
ซึ่งก็เป็นหลานชายที่ตนรัก และหวังดีด้วยมาตลอด ส่วนประเด็นที่บอกว่าก่อนหน้านี้หลานชายโทรมาขอเงินยืนยันว่าไม่เป็นความจริงหลานชายไม่เคยโทรมาขอเงินไม่เคยเข้ามาที่บ้านหลังนี้ มีแต่เขาอยู่มาที่บ้านแม่ของเขา ซึ่งแม่ของเขาเป็น น้องสาวของยาย เรื่องนี้ก็ขอให้เจ้าหน้าที่ตำรวจดำเนินคดีตามกฎหมาย
เบื้องต้น ทราบว่าหลานชายที่ก่อเหตุกำลังเดินทางมามอบตัวกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ ทั้งตาและยายก็ไม่ได้โกรธแค้น ส่วนทรัพย์สินที่หายไปตอนนี้ยังไม่รู้ว่าจะสามารถตามกลับคืนมาทั้งหมดหรือไม่ เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ตำรวจบอกว่าปืนทั้ง 2 กระบอกจะได้คืนมา เพราะคนก่อเหตุนำไปจำนำ ส่วนคุณยายปราณี ก็ค่อนข้างเสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น และไม่อยากที่จะให้สัมภาษณ์ เพราะห่วงความรู้สึกของน้องสาว ซึ่งเป็นแม่ของคนก่อเหตุ
นางปิ่น (นามสมมติ) บอกว่าผู้ก่อเหตุ นายธวัฒชัย หรือ นายเมฆ เป็นลูกชายคนโตอายุ 38 ปี เคยอยู่ที่บ้านหลังนี้ซึ่งก็อยู่ใกล้กับบ้านของตายาย ผู้เสียหายซึ่งเป็นป้าของเขาเอง แต่ลูกชายไปเรียนที่ กทม. และทำงานต่างจังหวัดมาตลอดเวลา แล้วก็อยู่ต่างจังหวัดทั้งกรุงเทพฯ อยู่ภาคเหนือ ล่าสุดย้ายมาอยู่ที่ จ.ประจวบคีรีขันธ์
ปกติแล้วลูกชายจะส่งเงินให้แม่เดือนนึง 1,000-2,000 บาทไว้ให้ซื้ออาหารเสริม ซึ่งลูกชายก็ไม่เคยบ่นถึงปัญหาทางการเงินมาก่อน ล่าสุดที่เห็นข่าวจาก Amarin TV ช่อง 34 และเห็นภาพจากกล้องวงจรปิดาตนก็ได้แชร์ข่าวนี้ ปรากฏว่าลูกชายก็ได้โทรมาแล้วบอกกับแม่ว่าให้แม่บอกกับเพื่อน ๆ ให้ช่วยกันแชร์ข่าวนี้ เจ้าหน้าที่ตำรวจจะได้จับคนร้ายได้โดยเร็ว จึงทำให้แม่รู้สึกว่าลูกชายไม่น่าจะเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ แต่ว่าหากเราพูดแบบนี้คนอื่นก็จะหาว่าเราเข้าข้างลูกเกินไป อย่างไรก็ตาม ให้เป็นไปตามกระบวนการของเจ้าหน้าที่ตำรวจ ถ้าลูกชายผิดจริงก็ต้องถูกดำเนินคดีตามกฎหมาย เบื้องต้น ได้ติดต่อลูกชายบอกว่ากำลังเดินทางมาเพื่อที่จะมามอบตัวกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ