บีบใจน้องภูผาหัวฟาดโต๊ะดับกล้องดันเสีย สุดพีกรร.ส่งหลักฐานผิดตัว (คลิป)

30 พ.ย. 65

วันที่ 30 พ.ย. 65 เวลา 11.00 น. ที่สำนักงานทนายคู่ใจ ผู้ปกครองของ ด.ช.พชร พิทักษ์หิรัญพงศ์ หรือ น้องภูผา อายุ 4 ปี
นำโดยนายพนิต พิทักษ์หิรัญพงศ์ อายุ 33 ปี พ่อ, น.ส.นภาพร เชยประทับ อายุ 26 ปี แม่ และนางกัญญาภัทร พิทักษ์หิรัญพงศ์ อายุ 58 ปี ย่า เดินทางเข้าร้องเรียนทนายรณณรงค์ แก้วเพ็ชร์ ประธานเครือข่ายรณรงค์ทวงคืนความยุติธรรมในสังคม

371155

ภายหลังน้องภูผานักเรียนชั้นอนุบาล 2 โรงเรียนเอกชนแห่งหนึ่ง ย่านภาษีเจริญ สะดุดล้มในห้องเรียน แล้วเสียชีวิต ซึ่งญาติติดใจสาเหตุที่เกิดขึ้น เพราะโรงเรียนอ้างว่ากล้องวงจรปิดเสีย

727692

น.ส.นภาพร เชยประทับ อายุ 26 ปี แม่น้องภูผา เล่าว่า เมื่อวันที่ 22 พ.ย. 65 เวลาประมาณ 17.00 น. ครูประจำชั้นโทรศัพท์มาบอกว่าน้องภูผาเดินไปเหลาสี แล้วสะดุดกระเป๋าล้มหัวฟาดโต๊ะ โดยน้องร้องไห้เยอะมาก แต่ครูพยายามปลอบและใช้น้ำแข็งประคบให้แล้ว ตนถามต่อว่าล้มอย่างไร เจ็บเยอะไหม ครูก็เล่าตามที่บอกไปเบื้องต้น

349825733080183639

จากนั้นตนรีบกลับบ้านทันที เมื่อไปถึงเวลา 18.30 น. พบว่าน้องภูผานอนหลับ เข้าไปดูอาการลูกชาย และถามลูกว่าเป็นอะไร ลูกชายบอกว่าล้มเจ็บ ตนดูสภาพร่างกายทั้งศีรษะและใบหน้าไม่พบรอยบาดแผล ก็คิดว่าไม่เป็นอะไรมาก ได้แต่กอดลูก เวลา 20.30 น. จับลูกอาบน้ำและให้กินนม ลูกชายก็อ้วกออกมา ตนก็พาลูกไปอาบน้ำอีกรอบ และเห็นว่าอาการไม่ค่อยดี จึงพาลูกเข้านอนทันที จากนั้นเวลาประมาณ 22.00 น. ขณะที่ลูกชายกำลังนอนอยู่ในห้อง สามีของตนเฝ้าอยู่ ช่วงที่ตนเดินไปเปลี่ยนสามี ก็ลองเปิดแฟลชจากโทรศัพท์ดูลูกพบว่า ลูกชายหน้าซีด น้ำลายฟูมปาก พยายามเรียกแต่ลูกชายไม่มีสติแล้ว จึงรีบพาลูกไปโรงพยาบาล

854198

เมื่อไปถึงโรงพยาบาล หมอช่วยปั๊มหัวใจ ฉีดยากระตุ้นต่าง ๆ เกือบ 1 ชั่วโมง แต่สุดท้ายก็ไม่สามารถยื้อชีวิตลูกชายได้ โดยสอบถามหมอไม่สามารถระบุสาเหตุได้ แต่คาดว่าลูกชายเสียชีวิตตั้งแต่มาถึงโรงพยาบาลแล้ว จึงส่งชันสูตรหาสาเหตุที่ชัดเจน ผลปรากฏว่าเลือดออกที่เยื่อหุ้มสมอง หลังจากนั้น ตนเข้าไปที่โรงเรียนเพื่อขอดูกล้องวงจรปิด เพราะห้องที่เกิดเหตุมีกล้องวงจรปิด 1 ตัว โดยทางโรงเรียนอ้างว่ากล้องเสีย ไม่สามารถดูได้

960545

สอบถามครูประจำชั้น ก็เล่าว่าวันเกิดเหตุเห็นเหตุการณ์น้องภูผาล้มหน้าด้านซ้ายฟาดกับโต๊ะ และทำท่าทางให้ดู แต่เมื่อตนเข้าไปที่โรงเรียนอีกวัน ครูคนเดิมกลับพูดว่า ไม่เห็นช่วงเกิดเหตุ หันมาอีกทีเห็นน้องภูผาล้มลงไปแล้ว นอกจากนี้ ทางโรงเรียนพูดแค่ว่า เป็นอุบัติเหตุไม่มีใครอยากให้เกิด ตนถามว่าทำไมไม่พาลูกชายของตนไปหาหมอตั้งแต่แรก ทางโรงเรียนอ้างว่าไม่มีนโยบายพาเด็กออกไปแบบนี้ ซึ่งตนก็ติดใจเรื่องกล้องวงจรปิด และการพาเด็กไปหาหมอ เพราะครูน่าจะประเมินได้ว่าเด็กอาการหนักขนาดไหน เนื่องจากครูก็บอกตนเองว่าเด็กร้องไม่หยุด ส่วนกรณีที่ครูอ้างว่าน้องภูผาล้มฟาดโต๊ะ ตนก็ต้องเชื่อตามนั้นไปก่อน แต่ก็อยากขอดูหลักฐานที่ชัดเจนกว่านี้

877194
โดยระหว่างที่จัดงานศพทางโรงเรียนได้นำเงินมาช่วยค่าจัดงานศพ 20,000 บาท ซึ่งตนจะไม่รับในตอนแรก แต่ทางโรงเรียนอ้างว่าเป็นการช่วยทำบุญตนจึงรับไว้ น.ส.นภาพร กล่าวต่อว่า ลูกชายเป็นคนแข็งแรง ไม่มีโรคประจำตัว และชอบไปโรงเรียนมาก โดยตนเสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นอย่างมาก ที่ผ่านมาตนกับลูกชายตัวติดกันตลอด ไม่คิดว่าเหตุการณ์นี้จะเกิดขึ้นกับลูกตัวเอง โดยชีวิตเด็กคนนึงทางโรงเรียนควรจะดูแลรับผิดชอบให้มากกว่านี้

656491

เวลา 14.30 น. พ.ต.อ.ชัยพันธุ์ เพ็ชรสดศิลป์ ผู้กำกับการสถานีตำรวจนครบาลภาษีเจริญ กล่าวว่า คดีนี้เป็นการเสียชีวิตผิดธรรมชาติ ซึ่งต้องทำการชันสูตรพลิกศพให้ชัดเจน ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจดำเนินการไปแล้ว 2 ส่วน คือส่งศพน้องภูผาชันสูตร ขณะนี้อยู่ระหว่างรอผลแพทย์ ส่วนที่ 2 มีการยึดโต๊ะเรียนที่เกิดเหตุ และกล้องวงจรปิดส่งพิสูจน์หลักฐานเพื่อกู้ไฟล์

526430

นอกจากนี้ สอบปากคำครูประจำชั้น ให้การว่าช่วงเกิดเหตุเป็นช่วงโมงวาดเขียน น้องภูผาเดินไปเหลาสีที่ถังขยะ ระหว่างเดินกลับไปที่โต๊ะของตัวเอง เกิดเดินสะดุดกระเป๋าล้มหัวฟาดกับโต๊ะ หลังจากนั้นปู่ของน้องมารับ และมีอาการที่บ้าน โดยครูอ้างว่าช่วงที่ล้ม ครูนำน้ำแข็งมาประคบ และถามน้องภูผาว่าเป็นอย่างไรบ้าง ซึ่งดูร่องรอยภายนอกไม่มีบาดแผล เมื่อปู่มารับน้องภูผากลับบ้าน ครูก็รีบแจ้งปู่ทันที

181718

ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่ตำรวจกำลังเร่งรวบรวมพยานหลักฐานทั้งหมด จึงจะสามารถดำเนินการในขั้นต่อไปได้ โดยหากพบว่ามีความประมาทก็ต้องดำเนินการตามขั้นตอน โดยตอนนี้ได้ตรวจยึดโต๊ะที่น้องล้มหัวฟาดมาแล้ว ตรวจสอบไม่พบร่องรอยใด ๆ ซึ่งก็ขอยืนยันว่าจะให้ความเป็นธรรมทั้ง 2 ฝ่าย

881240

จากนั้นทนายรณณรงค์ ได้นำโต๊ะที่อ้างว่าเป็นโต๊ะเกิดเหตุมาให้ทางญาติดู เป็นโต๊ะไม้ความสูงประมาณ 50 เซนติเมตร มีแผ่นใสกั้นโดยรอบ 3 มุม ป้องกันการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ซึ่งย่ายืนยันว่าโต๊ะตัวดังกล่าวไม่ใช่โต๊ะที่หลานหัวฟาดตามที่ครูบอกก่อนหน้านี้ แต่เป็นโต๊ะของหลานชาย จากนั้นตำรวจจึงนำย่าไปที่โรงเรียน และเข้าไปตรวจยึดโต๊ะที่เกิดเหตุภายในโรงเรียน ซึ่งความสูงใกล้เคียงกัน แต่ลักษณะเก่ากว่าโต๊ะตัวแรก ขณะที่ทีมข่าวพยายามสอบถามทางโรงเรียน แต่ทางโรงเรียนไม่ขอชี้แจงใด ๆ

397740

นางกัญญาภัทร พิทักษ์หิรัญพงศ์ อายุ 58 ปี ย่าของน้องภูผา เล่าว่า วันเกิดเหตุเวลา 17.00 น. สามีเดินไปรับน้องภูผามาจากโรงเรียน เมื่อมาถึงบ้านเห็นหลานชายขี่คอสามีเข้ามา ตนจึงถามหลานว่าเป็นอะไร ซึ่งหลานบอกว่าเมื่อยขาเพราะล้ม จึงถามต่อว่าล้มที่ไหน หลานชายบอกว่าสะดุดกระเป๋าล้ม หลานบอกว่าเจ็บแก้มฝั่งซ้าย ตนจึงเช็กอาการหลาน โดยดูทั้งหน้า ศีรษะว่ามีรอยหรือไม่ รวมถึงดูตามตัวและเล็บว่ามีรอยช้ำม่วงหรือไม่ แต่ก็ไม่พบความผิดปกติ ตนก็ให้หลานกินยาแก้ปวด

จากนั้น หลานชายนอนหลับ ๆ ตื่น ๆ จนเวลาประมาณ 18.00 น. หลานชายออกไปซื้อขนมกับน้องสาวคนเล็กและปู่ จากนั้นก็กลับมาที่บ้าน และบอกให้ตนประคบน้ำแข็งที่แก้มเหมือนที่ครูทำ ตนก็ประคบให้ หลังจากนั้นพ่อแม่น้องภูผากับมาก็ดูแลต่อ ระหว่างนั้นเห็นว่าหลานงอแง และอ้วกยังบอกให้พาไปหาหมอ แต่น้องภูผาบอกว่าไม่เป็นไร ไม่อยากไปโรงพยาบาล จนกลางดึกมารู้ว่าหลานน้ำลายฟูมปาก ก็รีบพาไปหาหมอที่โรงพยาบาล

ส่วนตัวไม่เชื่อว่าหลานล้มหัวฟาดโต๊ะ เพราะไม่มีแผล ไม่มีเลือดอะไรเลย และทางโรงเรียนก็ไม่มีหลักฐานให้ดู อ้างว่ากล้องวงจรปิดเสีย ตนติดใจมากว่าทำไมแค่ล้มหัวฟาดโต๊ะถึงตายได้ และยิ่งน่าสงสัยไปอีก เมื่อโรงเรียนอ้างว่ากล้องเสีย

934458

ทั้งนี้ มีการเปิดคลิปเสียงที่พ่อและย่าของน้องภูผา คุยกับผู้ชายซึ่งคาดว่าเป็นเจ้าของโรงเรียน ถึงกรณีที่โรงเรียนไม่พาน้องภูผาไปหาหมอหลังเกิดเหตุกลับปล่อยเวลาผ่านไปกว่า 1 ชั่วโมง จนปู่มารับน้องกลับบ้าน เจ้าของโรงเรียนอ้างว่าไม่สามารถพาเด็กไปหาหมอเองได้ นอกจากผู้ปกครองขอร้องให้พาไปแล้วไปเจอกันที่โรงพยาบาลสามารถทำให้ได้

พ่อของเด็ก กล่าวว่าตรงจุดนั้นไม่ได้แจ้งเลยทันที มาแจ้งตอน 17.00 น. ซึ่งเป็นเวลาเลิกเรียน ปู่มารับกลับบ้านแล้ว เจ้าของโรงเรียน ปู่กับครูประจำชั้นก็ดูเด็กด้วยกันแล้ว ก็ไม่มีแผล และปู่ก็ไม่ส่งไปโรงพยาบาล เจ้าของโรงเรียน ยังกล่าวต่อว่า พาเด็กไปหาหมอเองได้ และไม่ใช่หมอไม่สามารถวิเคราะห์ได้ ย่าถามว่าทำไมไม่โทรศัพท์มาเรียกตอนเกิดเหตุเวลา 15.00 น. เจ้าของโรงเรียนบอกว่า หลังเกิดเหตุครูก็ดูอาการเด็ก และเป็นช่วงที่ปู่มารับกลับบ้าน เวลา 16.30 น. ทำไมปู่ถึงไม่พาไปหาหมอ

631397

รศ.นพ.วีระศักดิ์ จรัสชัยศรี อาจารย์แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านนิติเวชศาสตร์ มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ เปิดเผยว่า ในกรณีที่เด็กหกล้มศีรษะกระแทกพื้นแล้วเกิดภาวะเลือดออกเหนือเยื่อหุ้มสมองชั้นนอก พบได้บ่อยพอสมควร และบางรายก็เสียชีวิต จึงอยากฝากถึงผู้ที่ต้องดูแลเด็กต้องมีความระมัดระวังเป็นพิเศษ หากพบเห็นกรณีดังกล่าว ควรรีบส่งตรวจรักษาที่ รพ. ไม่ควรรอจนกว่าจะเกิดอาการรุนแรง ซึ่งอาจไม่ทันเวลานะครับ

296782

ภาวะเลือดออกเหนือเยื่อหุ้มสมองชั้นนอก เป็นการบาดเจ็บของสมองชนิดหนึ่ง โดยเกิดจากการฉีกขาดของหลอดเลือดแดงและหลอดเลือดดำบริเวณเยื่อหุ้มสมอง หรือหลอดเลือดระหว่างกะโหลกศีรษะและเยื่อหุ้มสมองชั้นดูรา ส่งผลให้เนื้อสมองมีการถูกกดเบียด จึงทำให้เกิดอาการผิดปกติ เช่น ปวดศีรษะ พูดไม่ชัด หมดสติ และในรายที่รุนแรงจะถึงขั้นเสียชีวิตในเวลาไม่นาน

ในประเทศไทย มีรายงานวิจัยพบภาวะเลือดออกเหนือเยื่อหุ้มสมองชั้นนอกได้ประมาณร้อยละ 2-3 ของผู้ที่ได้รับบาดเจ็บรุนแรงที่ศีรษะ ภาวะนี้พบได้ในทุกอายุ โดยพบว่าในเด็ก (อายุมากกว่า 2 ปี) มีโอกาสเกิดได้มากกว่าในผู้ใหญ่ เนื่องจากเยื่อดูราแยกออกจากผิวด้านในของกะโหลกได้ง่ายกว่า

การเกิดหลอดเลือดฉีกขาดจนทำให้เกิดก้อนเลือดมีสาเหตุจากการผิดรูปของกะโหลกศีรษะในขณะที่มีแรงมากระทบ สาเหตุหลักจากการเกิดอุบัติเหตุที่ศีรษะ ทั้งอุบัติเหตุจราจร ตกจากที่สูง เด็กหกล้ม จากการเล่นกีฬา หรือถูกทำร้ายร่างกายที่บริเวณศีรษะ ทำให้หลอดเลือดที่แตกแขนงไปเลี้ยงกะโหลกศีรษะถูกดึงรั้งจนฉีกขาด

การที่เลือดออกจากหลอดเลือดจะทำให้มีก้อนเลือดขนาดใหญ่ขึ้นเรื่อย ๆ โดยอาศัยแรงดันในหลอดเลือดแดงและก้อนเลือดจะเซาะหลอดเลือดออกจากกะโหลกศีรษะ จึงทำให้มีการฉีกขาดของหลอดเลือดที่ไปเลี้ยงกะโหลกศีรษะเพิ่มเกิดจุดเลือดออกมากขึ้น ทำให้ผู้ป่วยกลุ่มนี้มีอาการแย่ลงอย่างรวดเร็วในระยะเวลาต่อมา ตำแหน่งที่เกิดบ่อยคือ Temporal bone (ขมับ) ซึ่งมีความบอบบาง จึงเป็นเหตุให้เกิดการฉีกขาดของหลอดเลือดแดงและหลอดเลือดดำได้ง่าย ทำให้มีโอกาสเสียชีวิตได้ง่าย

 

advertisement

คุณอาจสนใจข่าวนี้

ข่าวยอดนิยม

ทุบโต๊ะข่าว เป็นกระแส