กรณีที่นางดวงพร หุนตระกูล อายุ 51 ปี เจ้าของร้านอาหารดอกหญ้า อยู่ใกล้ทางเข้าฐานทัพเรือ จ.พังงา ต.ลำแก่น อ.ท้ายเหมือง จ.พังงา ร้องเรียนขอความเป็นธรรมต่อศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดพังงาว่าลูกชายชื่อ นายกฤษดา กัณหา อายุ 32 ปี ถูกพันจ่าเอกยงยุทธ ไชยคง ทหารเรือสังกัดกองการขนส่ง ฐานทัพเรือพังงาใช้อาวุธปืนจ่อยิง 5 นัด เมื่อเวลา 02.00น.วันที่ 10 พ.ย. 65
นางดวงพร ระบุว่า ลูกชายยังอยู่ในการดูแลของแพทย์ ในห้อง ไอ.ซี.ยู โรงพยาบาลตะกั่วป่า แต่ทางผู้ร้องเรียนเกรงว่าจะไม่ได้รับความเป็นธรรมในเรื่องคดี
ขณะนี้ได้รับความเดือดร้อนอย่างหนักจากอาการบาดเจ็บของลูกชาย คาดว่าหากไม่เสียชีวิตก็คงจะต้องเป็นอัมพาตติดเตียง และที่ผ่านมาไม่เคยได้รับความช่วยเหลือจากหน่วยงานใด ขณะที่ทางผู้บังคับบัญชาของทหารที่ก่อเหตุก็เข้ามาเยี่ยมเพียงครั้งเดียว และทราบในภายหลังว่าผู้ก่อเหตุได้รับการประกันตัวไปแล้ว
วันที่ 29 พ.ย. 65 ทีมข่าวอมรินทร์ ทีวี ลงพื้นที่ติดตามเรื่องนี้ จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นคาดว่าไม่ได้เป็นข่าวในก่อนหน้านี้ ขณะที่ผู้อยู่ในเหตุการณ์บันทึกภาพหลังเกิดเหตุพบนายกฤษดา นอนได้รับบาดเจ็บอยู่ล็อกกลางระหว่างซุ้มแคร่ไม้ไผ่ ซึ่งหน้าร้านมีอยู่ 4 ซุ้ม พบมีอาการตาลอย มีคราบเลือดไหลช่วงหัวไหลซ้าย ทราบภายหลังว่าถูกเช้าที่ฝั่งซ้ายของร่างกาย 4 แผล ได้แก่ คอ ไล่ลงมาหัวไหล่ แขน และสะโพก มีปลอกกระสุนปืนและหัวกระสุนของผู้ก่อเหตุ ตกบนพื้น นับได้ 3-4 ปลอก และในแก้วเขี่ยบุหรี่บนโต๊ะที่ผู้ก่อเหตุนั่งอีก 1 ปลอก ค่อนข้างชัดเจนว่าผู้บาดเจ็บถูกยิงมากกว่า 4 นัด
นางสาวแจม (นามสมมติ) อายุ 25 ปี ผู้ที่เห็นเหตุการณ์ เล่าว่า มีเพื่อนรุ่นพี่วัย 40 ปี ทำงานอยู่ที่ร้าน เกือบเที่ยงคืนจะเข้าสู่วันที่ 10 พ.ย. 65 เดินทางมาที่ร้านพร้อมเพื่อรุ่นพี่วัย 40 ปีอีกคน เพื่อรอเพื่อนที่ทำงานเลิกงาน เพราะนัดจะไปกินก๋วยเตี๋ยวกัน แต่มาถึงพบลูกค้าหรือกลุ่มผู้ก่อเหตุนั่งอยู่โซนซุ้มด้านหน้าฝั่งขวา 3 คน ตนและเพื่อนคิดว่าเพื่อนยังคงต้องรอลูกค้าโต๊ะนี้ จึงนั่งซุ้มถัดมาด้านในร้าน โดยที่ตนนั่งลักษณะหลังชนกับทหารที่ก่อเหตุ ก่อนสั่งอาหารและเครื่องดื่ม รอเพื่อนไปพราง ๆ
จากนั้น ได้ยินเสียงโต๊ะคนก่อเหตุนั่งคุยกันลักษณะน่าจะเมามาก่อน เพราะมีอารมณ์ฉุนเฉียว ก่อนที่ทหารที่ก่อเหตุจะลุกไปคุยโทรศัพท์ได้ไม่นาน ระหว่างนั้นน้องเจ้าของร้าน หรือคนเจ็บ ได้มานั่งซุ้มข้าง ๆ กัน และคุยเล่นกับตน โดยที่ทหารคนก่อเหตุคุยโทรศัพท์ได้ไม่นาน เดินกลับที่ซุ้ม ก่อนตะโกนด่าหันมาทางน้องเจ้าร้านว่า "เย็*แม่" 2 รอบติดกัน น้องเจ้าของร้านจึงลุกขึ้นถามว่า "พี่ด่าแม่ผมทำไม" ย้ำ 2 ครั้ง ทหารก็ลุงพรวดยิง 5 นัดรัวติดกัน ตนตกใจนาทีนั้นหูดับวิ่งหลบกระสุน หันมาอีกทีน้องเข้าร้านนอนหงายท้องเลือดเต็ม
ด้านทหารที่ก่อเหตุใจเย็นมายิงเสร็จก็ชวนเพื่อนอีก 2 คนขึ้นรถกระบะแคป ขับออกจากพื้นที่ไป โดยไม่พูดไม่จา ไม่มาดูคนเจ็บ ตนจึงหาผ้ามาห้ามเลือกน้องโทรแจ้งรถพยาบาลมาช่วย ทั้งนี้ ระหว่างรอรถพยาบาล พบทหารนอกเครื่องแบบนายหนึ่งน่าจะยศสูงกว่าคนก่อเหตุเข้ามาดูน้อง ก่อนระบุกับตนว่าทหารคนที่ก่อเหตุมีเรื่องกับพรรคพวกในกรมฯมาก่อนแล้ว ตนจึงคิดว่าเขามีอารมณ์ฉุนเฉียวอยู่ แล้วน้องเจ้าของร้านไม่รู้ แต่คนเราควรมีสติพูดจาอธิบายกันดี ๆ
ล่าสุด เมื่อเวลา 14.30 น. พลเรือตรีกนกพล พิมพ์ทอง ผู้บัญชาการฐานทัพเรือพังงา ได้เดินทางเข้าพบนายนันทศักดิ์ บุนนาค ผอ.กลุ่มงานศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดพังงา โดยได้ชี้แจงว่าทางฐานทัพเรือพังงาไม่ได้นิ่งเฉยแต่อย่างใด หลังจากเกิดเหตุก็ได้ควบคุมตัวพันจ่าเอกยงยุทธ ไชยคง ทหารเรือสังกัดกองการขนส่งฐานทัพเรือพังงา ผู้ก่อเหตุ พร้อมอาวุธปืนเข้ามอบตัวต่อพนักงานสอบสวนสภ.ท้ายเหมือง ทันที
ก่อนที่พนักงานสอบสวนส่งฝากขังไปที่ศาลทหารมณฑลทหารบกที่ 45 จังหวัดสุราษฎร์ธานี ซึ่งทางศาลได้ให้ประกันตัวในวงเงิน 500,000 บาท ผู้บัญชาการฐานทัพเรือพังงาได้ดำเนินการทางวินัยออกคำสั่งจำขังในเรือนจำฐานทัพเรือสงขลา พร้อมกับเสนอปลดออกจากราชการต่อกองทัพเรือ
ขณะที่ในเรื่องคดีนั้นเป็นเรื่องของพนักงานสอบสวนที่จะสอบสวนเก็บรวบรวมพยานหลักฐาน ส่งฟ้องต่อศาลทหารต่อไป ซึ่งอยู่ในกระบวนการทางกฎหมาย ซึ่งการสอบสวนของทางทหารเรือนั้นพบว่าเป็นการทะเลาะวิวาทกันระหว่างผู้ก่อเหตุกับผู้ดูแลร้าน ขอยืนยันว่าทางฐานทัพเรือพังงาจะไม่มีการเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับคดีอย่างแน่นอน เพราะผู้ก่อเหตุได้กระทำนอกเวลาราชการ ไม่เกี่ยวข้องกับหน่วยงานแต่อย่างใด
ทางฐานทัพเรือพังงาได้ให้ความช่วยเหลือเยียวยาเบื้องต้น เข้าแสดงความขอโทษที่ผู้ใต้บังคับบัญชาไปก่อเหตุกับประชาชนโดยได้เดินทางไปเยี่ยมผู้ได้รับบาดเจ็บที่โรงพยาบาลตะกั่วป่า พร้อมกับมอบเงินช่วยเหลือเบื้องต้น 20,000 บาท และทราบว่าทางญาติผู้ก่อเหตุก็ได้มอบเงินช่วยเหลือเบื้องต้นอีก 20,000 บาท และได้จัดรถตู้พร้อมพลขับคอยรับส่งดูแลแม่ผู้บาดเจ็บเมื่อไปเยี่ยมลูกชายที่โรงพยาบาลตะกั่วป่า ในส่วนเรื่องที่ทางผู้เสียหายจะเรียกร้องค่าเสียหายชดเชยนั้น ก็ต้องให้เป็นเรื่องระหว่างผู้เสียหายกับผู้ก่อเหตุจะต้องเจรจากัน
