วันที่ 28 พ.ย. 65 เวลา 14.30 น. รถตู้ได้เคลื่อนร่างอดีตนางแบบ “ลินดา ค้าธัญเจริญ” จากโรงพยาบาลจุฬาภรณ์สภากาชาดไทย มาตั้งบำเพ็ญกุศล ณ ศาลา 3 วัดพระศรีมหาธาตุ เขตบางเขน โดยมีพระสงฆ์ 1 รูป ทำพิธีเชิญดวงวิญญาณ ด้าน “แม่เล็ก” ผู้ดูแลได้ถือกระถางธูป และ “แม่ตุ๊ก เดือนเต็ม” เพื่อนสนิทถือเชิงเทียนตามท้าย กระทั่งภายในศาลาเจ้าหน้าที่ได้นำร่างของ “แม่ลินดา” ออกจากหีบบรรจุเพื่อรอทำพิธีรดน้ำศพในช่วง 16.00 น.
ขณะเดียวกัน “แม่ตุ๊ก” และ “แม่เล็ก” ผู้ดูแลได้กล่าวลา “แม่ลินดา” ก่อนที่จะใช้ผ้าแพรสีชมพูคลุมเรือนร่าง พร้อมนำรองเท้ามาสวมใส่ให้ สำหรับบรรยากาศเป็นไปอย่างโศกเศร้า บริเวณจุดตั้งร่างประดับด้วยดอกไม้โทนสีชมพูซึ่งเป็นสีที่ “แม่ลินดา” ชื่นชอบ ทั้งนี้มีพวงหลีดจากเหล่าคนบันเทิงตั้งประดับด้วย
เวลา 16.00 เข้าสู่พิธีรดน้ำศพ “แม่เล็ก” ผู้ดูแล เป็นผู้ถือพานวางขันรดน้ำ นำมอบให้ผู้เป็นที่รักของ “แม่ลินดา” ที่เดินทางมาร่วมอาลัยรดน้ำศพ ใกล้กัน “ท็อป-บิณฑ์ บรรลือฤทธิ์” ยืนคอยต้อนรับแขกไม่ห่าง ก่อนที่ “พี่ท็อป” และ “แม่ตุ๊ก” จะเข้ารดน้ำศพและวางพวงมาลัย ปิดท้ายด้วย “แม่เล็ก” ผู้ดูแลเป็นผู้วางพวงมาลัยและรดน้ำศพพร้อมโผลตัวเข้ากอดด้วยความอาลัยรัก ทั้งนี้เหล่าคนบันเทิงที่เดินทางมาร่วมอาลัยและร่วมฟังสวดพระอภิธรรมในเวลา 17.00 น. มากมาย
“แม่ตุ๊ก เดือนเต็ม” ได้ให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนระบุว่า ตลอด 2 ปีที่ผ่านมา “ลินดา” เข้า-ออกโรงพยาบาลใช้เครื่องช่วยหายใจตลอด และล่าสุดเขาความดันตกมาโรงพยาบาลอีกครั้ง หมอบอกว่าเขามีภาวะเกี่ยวกับภาวะไตขั้นที่ 5 แล้ว ที่เกิดจากการป่วยติดเตียง นอกจากนี้เขามีอาการไอหายใจติดขัด มีเลือดออกในช่องท้อง ขับถ่ายของเสียไม่ได้แล้ว หมอไม่สามารถทำอะไรไม่ได้แล้ว ตนก็ไม่ให้ทำเพราะไม่อยากให้เขาทรมาน ได้แต่ประคับประคองรักษาตามอาการ ส่วนมะเร็งเขาไม่ได้เป็นแล้วแต่ตนก็ไม่คิดว่าเขาจากไปกระทันหัน เพราะผ่าฟันกันมานาน 18 ปี ตลอดที่เขาป่วย ต่อมาเมื่อวันศุกร์ตอนที่ตนไปหาคุณหมอบอกว่าต้องทำใจแล้วนะ สุดท้ายเมื่อวานนี้พี่เลี้ยงโทรมาแจ้งแล้วว่า ลินดาได้เสียชีวิตแล้ว
ส่วนตนก็ได้พูดคุยเป็นครั้งสุดท้ายกับเขาว่า "ไปให้สบาย ไปให้ที่สวยงาม การไปขอเขาในครั้งนี้เป็นการหมดทุกข์ หมดกรรมแล้ว คงเดินทางไกลไปในที่สวยงามแล้ว 18 ปีที่ผ่านมา ตนดูแลอย่างเต็มที่แล้ว ไม่มีสักวันหนึ่งที่ทอดทิ้งกัน เพียงแต่ว่าไม่ได้อยู่ตลอด 24 ชั่วโมง มันก็เป็นสัจธรรม ไม่ต้องห่วง ทุกคนต้องใช้ชีวิตต่อไป ต้องขอบคุณทุกกำลังใจที่อยู่เคียงข้างกัน คิดว่าคงหมดเวลาสำหรับเขาจริง ๆ ”
สำหรับกำหนดการในการสวดพระอภิธรรมศพ จะมีขึ้นตั้งแต่วันนี้ไปจนถึงวันที่ 30 พ.ย. 65 และจะมีพิธีฌาปนกิจในวันที่ 1 พ.ย. นี้ เวลา 16.00 น. ส่วนการลอยอังคารอาจจะต้องพูดคุยกับทางครอบครัวอีกทีว่าจะนำอัฐิไปลอยที่ไหน
ทางด้าน “บิณฑ์ บรรลือฤทธิ์” เพื่อนรุ่นน้องคนสนิท ได้มาร่วมงานแสดงความอาลัย เปิดใจว่า รู้สึกเศร้าทุกครั้งที่คนบันเทิงจากไป แม้ว่าว่าจะเป็นเรื่องสัจธรรม เราเองก็รู้สึกอาลัยพี่ลินดา เพราะแกเจ็บป่วยมานานมาก 18 ปี ทุกครั้งที่ไปเยี่ยมแกก็จะจับมือเราแน่นเลย บอกว่าอย่าทิ้งพี่นะ เราก็ส่งกำลังใจเสมอ งานวันเกิดพี่เขาเราก็ส่งเค้กไปมอบของขวัญให้พี่เขามาตลอด ทุกครั้งที่เราไม่ได้ไปก็จะมีพี่ตุ๊ก เดือนเต็ม คอยโทรศัพท์มาหาให้เราได้คุยกับลินดา แกก็จะมีกำลังใจที่พี่น้องในวงการไม่ได้หนีหายไปไหน ตอนนี้เวลาเข้าโรงพยาบาลแต่ละครั้งมันก็ลำบาก เพราะด้วยโควิดและอะไรต่าง ๆ ก็นาน ๆ ทีจะเข้าไปเยี่ยม
ตอนนี้ก็ถือว่า พี่ลินดาได้หมดเคราะห์ หมดโศกแล้ว พี่เขาได้ไปอยู่ในที่ ๆ สบาย พี่ลินดาแกไม่มีครอบครัวอะไรก็มีพี่ตุ๊ก เดือนเต็ม เพื่อนสนิทที่ถือว่าเป็นเพื่อนรักของพี่ลินดาเลย ช่วยเหลือกันมาตลอดดูแลเหมือนคนในครอบครัว พี่ตุ๊กดูแลตั้งแต่แรก ๆ ที่ป่วยเลย
วันนี้ได้มาลาพี่เขา ก็จะบอกว่าให้หลับให้สบาย หมดทุกข์ หมดโศกแล้วนะพี่ ป่วยมานานเราเองก็อยากให้หาย ถ้าไม่หายเราก็ไม่อยากให้พี่เขาทรมาน เราเองก็หมดห่วงที่พี่เขาไม่ต้องเจ็บป่วยอีกแล้ว
ขณะที่ “จิ๊ก เนาวรัตน์” ได้มาร่วมอาลัยในวันนี้พร้อมได้เปิดเผยกับสื่อมวลชนว่า ตนทราบข่าวการจากไปของ “ลินดา” เมื่อวานจาก “ตุ๊ก เดือนเต็ม” ตนจึงได้เดินทางมาแต่งหน้าให้ “ลินดา” เวลา 20.00 น. ที่โรงพยาบาลจุฬาภรณ์สภากาชาดไทย อีกทั้งได้นำผ้าโพกผมสีชมพู ผ้าพันคอ รองเท้าบู๊ท มาแต่งให้เขาเพราะสมัยสาว ๆ เขาก็เป็นคนเปรี้ยวมาก
ส่วนการแต่งหน้าให้ “ลินดา” ต้องเป็นเครื่องสำอางตามสูตรสำหรับเร็จของตน เพื่อที่จะสามารถแช่เย็นค้างคืนได้โดยที่เครื่องสำอางยังอยู่ พอนำออกมาจะสวยมาก หน้าจะไม่ลอย เนียนไปเหมือนเขานอนเฉย ๆ จะใช้เครื่องสำอางทั่วไปไม่ได้ และในระหว่างที่แต่งหน้าตนก็คุยกับเขาตลอด เพราะเวลานั้น 20.00 น. มันดึกแล้ว ยอมรับว่าตนก็กลัวจึงคุยเพื่อไม่กลัว เพราะในนั้นไม่ได้ใมีแค่ร่างของ “ลินดา”
“จิ๊ก เนาวรัตน์” กล่าวอีกว่า ยอมรับว่าเขาเป็นคนที่เก่งมาก จากการสู้ชีวิตมาได้ แต่ก็ถือว่าเขาหมดวิบากกรรม เชื่อว่าเขาคงมีความสุขแล้ว สุดท้ายตนก็ขออธิษฐานจิตให้เขาไปสู่ภพภูมิที่ดี ส่วนตัวคิดว่าเขามีบุญเพราะเขาเป็นคนดี ขอให้เขาทิ้งทุกข์ไปตรงนี้ แล้วไปสู่ชาติหน้าที่มีความสุข
