เป็นอีกหนึ่งคนที่ธุรกิจไปได้สวยมาก ๆ อย่าง "ชาคริต แย้มนาม" แต่ล่าสุดไม่วายโดนคนแอบอ้าง ปลอมแปลงเพจเฟซบุ๊กขึ้นมาเพื่อหลอกลูกค้า จนสร้างความเสียหายกว่า 60 ล้านบาท จนล่าสุดตำรวจได้ควบคุมคนร้ายได้แล้ว 2 ราย และส่งดำเนินคดีต่อไป
วันที่ 24 พ.ย. 65 ทีมข่าวอมรินทร์ ทีวี พูดคุยกับนักแสดงหนุ่ม "ชาคริต แย้มนาม" ถึงประเด็นมีคนแอบอ้างสร้างเพจปลอมมาหลอกขายทุเรียนให้กับลูกค้า แล้วไม่ได้รับของตามที่สั่ง จนเกินความเสียหายจำนวนมาก
หนุ่มชาคริต เผยว่า ช่วง 3-4 เดือนที่ผ่านมา เหตุการณ์มันเกิดมาจากมีคนปลอมแปลงเพจขึ้นมา แล้วมีการนำของมูล คอนเทนต์ของเราไป ทั้งรูปครอบครัว คลิปของลูกชาย รูปของตนในไอจี จนเพจของมีคนติดตาม มีหลายเพจเลย ก็ใช้ช่องทางตรงนี้หลอกขายของ มีลูกค้าที่โอนเงินไป แล้วไม่มีของส่งให้ลูกค้า ตอนนี้ก็มีเพจปลอมร่วม 100 เพจได้แล้ว ตนไม่ได้ขายของผ่านทางเฟซบุ๊กอยู่แล้ว แต่คนร้ายใช้วิธีด้วยการจัดโปรโมชั่นทุเรียนลูกละ 100 บาท หลายคนที่ชอบทานเขาก็นึกว่าตนเป็นคนจัดโปรโมชั่น ซึ่งแบบนี้มันเป็นไปไม่ได้ แต่ลูกค้าเขาก็ไม่ได้เป็นคนทำผลไม้ เลยไม่รู้ว่าราคาแบบนี้ไม่มีหรอก เขาก็พร้อมที่จะอุดหนุนเราด้วย
ทั้งนี้ ตนก็มีแจ้งความไปแล้วช่วงแรก ด้วยวิธีการทำงานของตำรวจก็ต้องค่อยเป็นค่อยไป ตนก็เคยเตือนในอินสตาแกรมอยู่เรื่อย ๆ แต่ข่าวมันก็ไม่ได้ไปถึงทุกคนได้ ตนไปแจ้งความมา 2-3 เดือนที่แล้ว ก็ทำงานคู่กับตำรวจ เก็บข้อมูลมาเรื่อย ๆ ก็มีลูกค้าที่คอยหาหลักฐานมาให้ด้วย ซึ่งเป็นประโยชน์มาก ตอนนี้เรื่องมันหนักขึ้น จนมีลูกค้าคิดว่าเราทำจริง ๆ ก็มีมาร้องทุกข์มาทวงของ ตนก็มีเสียความรู้สึกบ้าง แต่ก็ต้องเข้าใจหัวอกของผู้เสียหายด้วย ตอนนั้นมันอยู่ในขั้นตอนการสืบ เลยไม่สามารถออกมาบอกอะไรได้
จำนวนผู้เสียหายคงจะนับยาก แต่ถ้ารู้จากเส้นทางการเงิน ความเสียหายก็อยู่ที่ประมาณ 60 ล้านบาท ซึ่งวันนี้ก็ไม่รู้ว่ายังมีทำกันอยู่หรือเปล่า เมื่อวานนี้ก็มีการจับบัญชีหน้าม้าได้แล้ว 2 คน น่าจะมีการไล่ไปเรื่อย ๆ ตอนทราบข่าวเหตุการณ์ทั้งหมด และมีความเสียเยอะ ตนก็ตกใจว่าทำไมมันไปกันใหญ่ขนาดนี้ ทำไมเขาถึงทำได้ขนาดนี้ ตนก็พยายามเตือนอยู่ตลอด คอยบอกว่าเรามีบัญชีบริษัทอยู่บัญชีเดียว คาดว่ากระบวนการนี้น่าจะมีหลายคนเป็นลูกโซ่
ส่วนความเสียหายที่เกิดขึ้น ถ้าเกิดตรวจสอบแล้วมีเม็ดเงินที่ยังอยู่ ตนเชื่อว่าตำรวจเขาก็น่าจะมีมาตรการที่จะทำให้ความถูกต้องกลับมาให้ประชาชน ส่วนของตนมันเป็นการละเมิดลิขสิทธิ์แอบอ้าง ไม่ได้ไปเสียเม็ดเงิน ความเสียหายเกิดขึ้นกับลูกค้าโดยตรง ตรงนี้ตำรวจยังตอบอะไรไม่ได้ ต้องดูว่าการโยกย้ายเงินหรือถ้าเป็นการฟอกเงินก็อาจจะกระจายไปเป็นอย่างอื่น
พร้อมฝากถึงคนร้ายทิ้งท้ายไว้ว่า "เหนื่อยใจ ไม่รู้จะพูดอะไร ก็อย่าทำแบบนี้เลย ไม่รู้จะทำทำไม หาวิธีทำมาหากินที่ดีและสุจริตกว่านี้หน่อย มันมีเยอะแยะ อย่าเอาเปรียบคนอื่น ไม่รู้เขาเชื่อเรื่องบุญบาปไหม ก็อยากให้คิดให้มาก ๆ คนที่จะทำอะไรลงไป อย่าคิดสั้นไปทำอะไรที่จะเป็นภัยกับตัวเอง"
"แอน ภัททิรา แย้มนาม" ภรรยาของชาคริต กล่าวว่า การลงคลิปยูทูบในช่องเมื่อได้รับความนิยม มิจฉาชีพก็จะทำการแปะลิงก์ สำหรับคนที่บอกว่า "อยากกินทุเรียนจังเลย" ก็จะเป็นการแปะลิงก์ใต้คลิปให้คนเชื่อว่าเป็นไลน์แอดของทางร้าน เพราะว่าด้วยความระบบของเฟซบุ๊กเปลี่ยน
ทั้งนี้ ทุเรียนสวนของตนเองจะหมดปลายเดือนมิถุนายน ขายรอบสุดท้าย แต่พอเดือนกรกฎาคม ปลายเดือนมีคนส่งมาถาม เพราะไม่ได้ทุเรียน มีมิจฉาชีพที่หลอกว่าทุเรียนลูกละ 100 บาทตอนนี้ระบาดหนัก เปิดเพจปลอมถึง 100 กว่าเพจ ทุกเพจจะเขียนเหมือนกันหรือคล้ายกันว่าจากสวนคุณชาคริต พอทราบเรื่องก็การดำเนินการพูดคุยกับทางตำรวจ ทางผู้เสียหายก็จะไม่อยากไปแจ้งความ เพราะเสียเวลา และพอไม่มีคนแจ้งก็จะไม่มีผู้เสียหายก็ไม่เป็นการฉ้อโกง แต่ทางตนเองก็ยังดำเนินการของตนไป ส่วนการนำรูปของครอบครัวไปใช้หลอกลวงประชาชน ก็คือเรื่องของลิขสิทธิ์ เรื่องของการละเมิดครอบครัว พอหนักขึ้นก็ต้องทำการไปอ้อนวอนผู้เสียหายไปแจ้งความ จนมีคนยอมทำให้เปิดคดีได้ แต่ก่อนจะเป็นคดี ตนก็ทักลูกค้าเตือนทุกคนว่าเป็นมิจฉาชีพ
ต้องบอกว่ายังกังวลอยู่เรื่องจะมีผู้เสียหายเพิ่ม ถึงข่าวออกแล้วก็ยังรับสายไม่หยุดเหมือนเดิม และตอบคำถามตลอดเวลา เชื่อว่าเป็นกระบวนการแน่นอน ถ้าถามว่าเคยคิดไหมว่าจะต้องมาเจอแบบนี้ ต้องบอกว่าไม่เคยคิดเลย เพราะเราทำเกษตรกรกว่าจะบ่มให้เป็นทุเรียนที่ส่งขายได้ ทำการเพาะทั้งปี แต่เรามีช่วงขายแค่มีนาคม-มิถุนายนเท่านั้น อยากบอกว่าเรื่องนี้มีผลกระทบเหมือนกัน เพราะทุกคนหมดความเชื่อความศรัทธาในสวนของตนเอง ก็เสียใจ เราทำงานสุจริต ขายของมาตลอด แต่ทำไม่ต้องมาขายไม่ได้ เพราะมีมิจฉาชีพมาทำให้ขายไม่ได้
