“ทนายตั้ม” ควงดาราสาวยื่นค้านประกันหลานอดีต รมต.ขืนใจ จำเลยยืนกรานปฏิเสธ

22 พ.ย. 65

“ทนายตั้ม” ควงดาราสาวยื่นค้านประกันหลานอดีต รมต.ขืนใจ หลังศาลเบิกตัวสอบคำให้การ จำเลยให้การปฏิเสธ เตรียมเข้าเป็นโจทก์ร่วมพร้อมเรียกค่าเสียหาย

วันนี้ (22 พ.ย.) เมื่อเวลา 11.30 น. ที่ ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก นายษิทรา เบี้ยบังเกิด หรือ ทนายตั้ม และดาราสาวผู้เสียหาย อายุ 22 ปี ได้เดินทางมาติดตามคดีที่ ศาลอาญานัดสอบคำให้การจำเลย คดีที่พนักงานอัยการพิเศษฝ่ายคดีอาญา 9 เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง นายอภิดิศร์ อายุ 34 ปี ในความผิดฐานข่มขืนกระทำชำเราผู้อื่นโดยใช้กำลังประทุษร้ายโดยผู้อื่นอยู่ในภาวะที่ไม่อาจขัดขืนได้ กระทำอนาจารแก่บุคคลอายุกว่า 15 ปี โดยใช้กำลังประทุษร้าย โดยบุคคลนั้นอยู่ในภาวะที่ไม่อาจขัดขืนได้ ข่มเหง คุกคาม โดยกระทำอันมีลักษณะส่อไปในทางที่จะล่วงเกินทางเพศ ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 276 ,278, 397 จากกรณีที่นายอภิดิศร์ติดต่อว่าจ้างให้ผู้เสียหายซึ่งเป็นดารานักเเสดง รีวิวสินค้า เป็นเครื่องดื่มแอลกอฮอล์เเละมีการล่วงละเมิดทางเพศ ภายในห้องพักที่รีสอร์ตแห่งหนึ่ง ย่านนาคนิวาส เหตุเกิดเมื่อวันที่ 9 ส.ค.2565

นายษิทรา หรือ ทนายตั้ม ให้สัมภาษณ์ว่า สืบเนื่องจากเมื่อวานนี้ พนักงานอัยการได้ฟ้องนายนายอภิดิศร์ เป็นจำเลย ข้อหาข่มขืนในภาวะที่ไม่อาจขัดขืนได้ ต่อศาลอาญา ซึ่งวันนี้ได้มีการเบิกตัว นายอภิดิศร์ หรือเอ็ม จำเลยมาศาลเพื่อสอบคำให้การ และทราบว่าจำเลยให้การปฏิเสธ และได้พยายามยื่นขอประกันหลายครั้ง เป็นวงเงินจำนวนถึง 15 ล้านบาท แต่ว่าศาลชั้นต้นกับศาลอุทธรณ์ไม่อนุญาตให้ประกันตัว หลังจากนี้จะต้องเป็นไปตามกระบวนการนัดตรวจพยานหลักฐานและสืบพยานต่อไป ขณะเดียวกันวันนี้ดาราสาวผู้เสียหายก็ได้มาติดตามคดี หลังจากมาคัดค้านการประกันตัวตั้งแต่เมื่อวานนี้ เพราะครบกำหนดฝากขังครั้งสุดท้าย ถ้าหากเมื่อวานนี้อัยการไม่สามารถยื่นฟ้องต่อศาลได้ทันกำหนด ก็จะต้องปล่อยตัวจำเลยออกมาจากเรือนจำ จึงต้องขอบคุณพนักงานอัยการที่เร่งสั่งฟ้องต่อศาล ทั้งที่เพิ่งจะได้รับสำนวนคดีมาค่อนข้างจะช้า

1669104478970

นายษิทธา กล่าวต่อว่า สำหรับพยานหลักฐานต่างๆ ในคดีนี้ น้องผู้เสียหายพยายามหาพยานหลักฐานด้วยตัวเองทุกอย่าง ตั้งแต่วันแรกที่เกิดเหตุแล้ว ไม่ว่าจะไปโรงพยายาลเพื่อจะตรวจร่างกาย หรือข้อความแชทที่หายไป ปรึกษาผู้ใหญ่และมอบหลักฐานทุกอย่างให้พนักงานสอบสวนจนสรุปสำนวนคดี ส่งให้พนักงานอัยการยื่นฟ้อง ซึ่งเจออุปสรรคมากมาย แต่ถือว่าฟันฝ่ามาได้เกินครึ่งทางแล้ว เหลือแต่รอศาลมีคำพิพากษาว่าอย่างไร ซึ่งในวันนัดพร้อมโจทก์-จำเลย ทางดาราสาวผู้เสียหายเตรียมจะยื่นเข้าเป็นโจทก์ร่วม และตนจะเป็นทนายความให้ด้วย แต่ไม่ใช่ว่าเราไม่ไว้ใจพนักงานอัยการ ที่เป็นโจทก์ เพียงแต่ถ้าเป็นโจทก์ร่วมเราจะสามารถรู้และตามคดีได้ รวมทั้งมีสิทธิที่จะอุทธรณ์หรือฎีกา นอกจากนี้ยังสามารถเรียกค่าเสียหายได้ด้วย แต่ก็ยังไม่ได้พูดคุยกับผู้เสียหายว่าจะต้องเรียกเป็นเงินจำนวนเท่าใด จะต้องไปคำนวณเรื่องค่าเสียหาย โดยตนจะแนะนำให้เรียกค่าเสียหายตามความเป็นจริง ตามความเหมาะสม อย่างไรก็ตามจุดมุ่งหมายในการดำเนินคดีนี้ ไม่ได้มุ่งหวังเงิน แต่ต้องการความเป็นธรรมเพราะว่าน้องถูกกระทำแบบนี้

“น้องเขากังวลเรื่องความปลอดภัยด้วย เกรงว่าหากจำเลยได้รับการประกันตัว จะไปยุ่งเหยิงพยานหลักฐานและสามารถจะเดินทางออกนอกประเทศได้ เพราะมีธุรกิจอยู่ต่างประเทศ” นายษิทธา กล่าว

ด้านดาราสาวผู้เสียหาย กล่าวว่า คดีจะไม่ดำเนินมาได้ไกลขนาดนี้ หากไม่มีทนายตั้ม พี่สาว ตำรวจ และผู้ใหญ่ที่ให้การช่วยเหลือ แม้จะเจออุปสรรคและอิทธิพลต่างๆ ซึ่งตนเองพยายามเข้มแข็ง และรู้ตัวเองว่าต้องการความยุติธรรม อยากให้ศาลพิพากษาไปตามกระบวนการทางกฎหมาย อยากให้จำคุก ส่วนเรื่องค่าเสียหายนั้นยังไม่ได้คิด คงต้องปรึกษาทนายตั้ม เพราะตอนนี้ติดตามคดีความเพียงอย่างเดียว และพร้อมจะเป็นพยานโจทก์ให้กับพนักงานอัยการในขั้นตอนสืบพยานในชั้นศาล

advertisement

advertisement

คุณอาจสนใจข่าวนี้

ข่าวยอดนิยม

ข่าวทั่วไป เป็นกระแส