ความคืบหน้ากรณี นายมะนิช อายุ 49 ปี ชาวบ้านคางฮุง ม.5 ต.ธวัชบุรี อ.ธวัชบุรี พร้อมญาติและลูก 3 คน เข้าปรึกษากับตำรวจว่า ถูก นางอังคณารัตน์ อายุ 45 ปี ซึ่งเป็นภรรยาที่อยู่กินด้วยมากันมา 26 ปี ได้หนีตามผู้ชายไปพร้อมกับสมุดบัญชีธนาคาร ที่มีเงินจากการถูกสลากกินแบ่ง รางวัลที่ 1 งวด ประจำวันที่ 1 พ.ย.65 ไปด้วย
ล่าสุดวันที่ 19 พ.ย. 65 พ.ต.ท.สมศักดิ์ เกตุพิบูลย์ สารวัตรสอบสวน สถานีตำรวจภูธรธวัชบุรี ที่ได้เดินทางมาที่บ้าน ของนายมะนิช อายุ 49 ปี เผื่อสอบถามความสมัครใจของนายมะนิช ว่าต้องการที่จะแจ้งความดำเนินคดีในข้อหายักยอกทรัพย์กับนางอังคณารัตน์หรือไม่ เพราะคดีนี้หากไม่มีคนแจ้งความร้องทุกข์ เจ้าหน้าที่ตำรวจก็ไม่สามารถที่จะดำเนินการ ๆ ได้ โดยนายมะนิชตัดสินใจที่จะแจ้งความดำเนินคดีในข้อหายักยอกทรัพย์ เพราะต้องการให้เจ้าหน้าที่ตำรวจยัดบัญชีของนางอังคณารัตน์ และติดตามตัวนางอังคณารัตน์กลับมาที่บ้าน โดยนายมะนิชยังคงยืนยันคำเดิมว่าไม่ต้องการให้เมียติดคุก เมื่อตำรวจติดตามตัวนางอังคณารัตน์พร้อมเงินกลับมาได้แล้วก็พร้อมที่จะถอนแจ้งความเพราะเป็นคดีที่ยอมความได้
พ.ต.ท.สมศักดิ์ เกตุพิบูลย์ สารวัตรสอบสวน สถานีตำรวจภูธรธวัชบุรี กล่าวว่าหากนายมะนิชต้องการที่จะให้เจ้าหน้าที่ตำรวจอายัดบัญชีของนางอังคณารัตน์นั้น ต้องให้เจ้าหน้าที่ตำรวจสอบสวนและรวบรวมพยานหลักฐานในข้อหายักยอกทรัพย์ก่อน จะได้ดำเนินการในคดีอาญา แต่ตอนนี้ติดตรงที่ว่านายมะนิช ยังไม่ได้เข้าแจ้งความร้องทุกข์เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงไม่อำนาจในการสั่งอายัดบัญชี โดยล่าสุดนายมะนิชได้เปลี่ยนใจที่จะแจ้งความดำเนินคดีในข้อหายักยอกทรัพย์กับนางอังคณารัตน์ เจ้าหน้าที่ตำรวจต้องสอบปากคำนายมะนิช ที่ สภ.ธวัชบุรี และต้องเรียกผู้ที่เกี่ยวข้องทุกคนมาสอบปากคำ เพื่อหาพยานหลักฐานว่านายมะนิชเป็นเจ้าของลอตเตอรี่รางวัลที่ 1 และได้ฝากเมียไปขึ้นเงินจนถูกยักยอกเงินไป
ในส่วนที่นายมะนิช เป็นกังวลว่าหากแจ้งความดำเนินคดีแล้วเมียจะต้องติดคุกนั้น พ.ต.ท.สมศักดิ์ เกตุพิบูลย์ กล่าวว่า ข้อหายักยอกทรัพย์นั้นเป็นคดีที่ยอมความกันได้ นายมะนิชสามารถถอนทุกข์หรือถอนแจ้งความตอนไหนก็ได้ก่อนที่ศาลศาลจะมีคำพิพากษา โดยกระบวนการหลังสอบปากคำผู้ที่เกี่ยวข้องแล้ว ก็จะต้องออกหมายเรียกนางอังคณารัตน์ หากออกหมายเรียกไม่มาก็ต้องออกหมายจับ
เมื่อจับมาได้แล้วสามารถตกลงไกล่เกลี่ยกันได้ นายมะนิชก็สามารถที่จะถอนคำร้องทุกข์ตามกระบวนการทางกฎหมายได้
ผู้สื่อข่าวได้รับคลิปเสียงการพูดคุยกันทางโทรศัพท์ระหว่างนายมะนิชและนางอังคณารัตน์ ความยาว 19 นาที โดยนายมะนิชพยายามบอกกับนางอังคณารัตน์ว่า อย่าเอาเงินไปให้ผู้ชายหมดนะ พยายามที่จะถามว่าอยู่ไหนอยู่กับใครจะไปรับ แต่นางอังคณารัตน์บอกว่าอยู่ไกล ตอนนี้มีข้อมูลที่จะแจ้งความจับนางอังคณารัตน์ได้ แต่ตนไม่ทำอยากจะให้นางอังคณารัตน์เอาเงินกลับมาให้ลูก
ขณะที่นางอังคณารัตน์ บอกว่ากำลังขี่จักรยานยนต์ไปที่ จ.หนองคาย จะไปอยู่วัด ยืนยันว่าเดินทางไปคนเดียวไม่ได้มากับใคร นายมะนิชแสดงความเป็นห่วงกลัวว่าจะมีอันตราย นางอังคณารัตน์ก็ตอบกลับมาว่าอันตรายก็เรื่องของเธอ หลังจากนั้นนางอังคณารัตน์บอกว่าจะไปเปิดบัญชีให้ลูกสาวคนเล็กแล้วให้เงินจำนวน 1 ล้าน นายมะนิชก็พยายามหว่านล้อมให้เมียนั้นกลับมา แต่นางอังคณารัตน์บอกว่าถ้ากลับมากลัวว่าจะโดนฆ่า นายมะนิชก็ตอบกลับทันทีว่าตนจะไปฆ่านางอังคณารัตน์ทำไม คนเรามีผิดพลาดกันได้ทุกคนแหละ และสาบานว่าจะไม่ทำอะไรนางอังคณารัตน์อย่างแน่นอน ให้กลับมาเคลียร์เรื่องเงินที่สัญญาว่าจะให้กับลูกให้จบหลังจากนั้นจะไปอยู่กับผู้ชายใหม่ก็ได้ อังคณารัตน์บอกว่าเพิ่งจะรู้จักกันได้ไม่นานจะไปอยู่ด้วยได้อย่างไร ที่เดินทางไป จ.หนองคาย ตั้งใจที่จะบวช
นอกจากนี้นายมะนิชยังบอกกันนะอังคณารัตน์อีกว่าให้กลับมาหย่ากับนายเทอดศักดิ์ให้เรียบร้อย เพราะนายเทอดศักดิ์ต้องการที่จะย้ายออกไปจากบ้าน นางอังคนารัตนก็ตอบว่าอีก 2-3 วันถึงจะกลับไป
นอกจากนี้นางติ๋ม เพื่อนสนิทของนางอังคณารัตน์ ได้พูดเข้ามาในโทรศัพท์ว่าอยากจะให้นางอังคณารัตน์กลับมาอยู่กับนายมะนิชเป็นครอบครัวเหมือนเก่า ที่พลาดไปแล้วก็พลาดไป หลังจากนั้นนางอังคณารักก็ตอบกลับมาว่าขออีก 2-3 วัน ถึงจะกลับไปขอให้สบายใจกว่านี้ก่อน ถ้ากลับบ้านตั้งใจว่าจะพาเจ้าหน้าที่ตำรวจมาคุ้มครองด้วย เพราะเป็นห่วงความปลอดภัยของตัวเองเคลียร์ปัญหาเรื่องเงินเสร็จก็จะกลับมาอยู่วัดเพื่อไปบวช
โดยนางอังคนานัตน์ยังบอกอีกว่า เห็นนายมะนิชไปออกรายการพร้อมกับแจ้งความให้เจ้าที่ตำรวจมาจับเธออีก โดยนายมะนิชพยายามอธิบายว่าต้องการให้เจ้าหน้าที่ตำรวจอายัดบัญชีเท่านั้น ไม่ได้ต้องการที่จะจับนางอังคณารัตน์เข้าคุก เพียงแค่ต้องการให้กลับมาอยู่ด้วยกันที่บ้าน โดยก่อนที่จะวางสายนางอังคณารัตน์ได้คุยกับลูกสาวคนเล็กแล้วบอกว่าให้อดทนอีก 2-3 วันแม่จะกลับบ้านไปหา หลังจากนั้นจึงได้วางสายไป
นายมะนิช ปราณี อายุ 49 ปี สามีของ นางอังคณารัตน์ บอกกับผู้สื่อข่าวว่า ได้คุยโทรศัพท์กับ นางอังคณารัตน์ ล่าสุดเมื่อช่วงเย็นของวันที่ 18 พ.ย. 65 แล้ว ภรรยาบอกว่าขณะนี้อยู่ จ.หนองคาย ขี่จักรยานต์ไปคนเดียวไม่ได้อยู่กับผู้ชาย อีก 2-3 วัน จะเดินทางกลับมาที่บ้าน ขอให้สบายใจก่อน แล้วจะนำเงินมาเคลียร์ให้ลูก ๆ 1 ล้าน 5 แสน โดยแบ่งให้ลูกสาวคนเล็กให้ 1 ล้านบาท ลูกชายคนกลาง 5 แสนบาท ตามสัญญา
แต่ตนยังไม่ปักใจเชื่อว่านางอังคณารัตน์จะกลับมาจริง ๆ คิดว่าเมียโกหกไปเรื่อย ๆ เพื่อประวิงเวลาและเป็นกังวลว่าเมียจะถอนเงินสดออกจากบัญชีแล้วถูกหลอกนำไปใช้จนหมดและหลบหนีไปยังประเทศเพื่อนบ้าน เพราะล่าสุดปิดโทรศัพท์ติดต่อไม่ได้แล้ว จึงอยากให้เจ้าหน้าที่ตำรวจอายัดบัญชีของนางอังคณารัตน์เอาไว้ก่อนจะได้เบิกเงินออกจากบัญชีไม่ได้ ซึ่งคาดว่ายังมีเงินในบัญชี 3 ล้าน 1 แสนบาท หรือถ้าเป็นไปได้ก็อยากให้เจ้าหน้าที่ตำรวจควบคุมตัวนางอังคณารัตน์เอาไว้หากพบตัว
นายมะนิช ยังบอกอีกว่า “ตนนั้นยังรักนางอังคณารัตน์” อยากให้กับมาอยู่ด้วยกันอีกครั้ง เรื่องชายชู้ที่หนีไปด้วยพร้อมให้อภัยเพราะทุกทำผิดพลาดกันได้ และยืนยันว่าไม่อยากดำเนินคดีเพราะกลัวว่าเมียจะติดคุกแค่อยากให้เจ้าหน้าที่ตำรวจประสานธนาคารเพื่ออายัดบัญชีไว้
ส่วน นายวิทยา ผู้ชายที่ภรรยาหนีไปด้วยถ้ามีตัวตนจริง ๆ หรือไปด้วยกันจริง ๆ นายมะนิช อยากจะบอกว่า ยังมีความเป็นคนอยู่หรือเปล่า ทำไมถึงทำแบบนี้ มายุ่งกับคนที่มีครอบครัวแล้วทำไม
ส่วนความสัมพันธ์กับ นายเทอดศักดิ์ กลั่นมณี ที่จดทะเบียนสมรสกับนางอังคณารัตน์ ความจริงแล้วนายเทอดศักดิ์ได้ขอมาอาศัยอยู่ที่บ้าน เพื่อให้นายมะนิชและนางอังคณารัตน์ช่วยดูแลเนื่องจากพิการเดินไม่ได้ การจดทะเบียนเป็นการจดทะเบียนแต่เพียงในนามเท่านั้น เพื่อให้ง่ายต่อการเบิกเงินสวัสดิการในการดูแลนายเทอดศักดิ์ ความสัมพันธ์อยู่กันแบบพี่น้องดูแลกันในฐานะผู้อาศัย ตนเองก็คอยดูแลนายเทอดศักด์เช่นเดียวกัน ส่วนนางอังคณารัตน์ก็ไม่ได้มีความสัมพันธ์เชิงชู้สาวกับนายเทอดศักดิ์เพียงแต่คอยดูแลนายเทอดศักด์เท่านั้น ยืนยันเป็นว่าการจดทะเบียนแต่เพียงในนามเท่านั้น หลังจากนี้นายเทอดศักดิ์จะอยู่ที่บ้านหลังดังกล่าวต่อไปหรือไม่ก็อยู่ที่เจ้าตัวตัดสินใจ นายมะนิช กล่าว
ด้าน นายเทอดศักดิ์ กลั่นมณี ทหารเกษียณราชการ ที่จดทะเบียนสมรสกับ นางอังคณารัตน์ บอกกับผู้สื่อข่าวว่า ที่ผ่านมาอยู่ในบ้านของนางอัคนารัตน์กับนายมะนิชในฐานะผู้อยู่อาศัย ตนนั้นอยากให้นางอังคณารัตน์เดินทางกลับมาที่บ้านเพื่อหย่าขาดจากตนให้เรียบร้อย เพราะไม่อยากให้มีเรื่องฟ้องหย่ากัน
หลังจากนี้ตนจะไปสร้างบ้านเพื่อแยกออกไปอยู่ส่วนตัว ตนมีเงินที่ปล่อยกู้ไว้อีกหลายแสนก็จะนำไปสร้างบ้าน ขณะนี้หัวใจผมไม่มีแล้ว ทีแรกคิดว่าจะเป็นแม่พระที่คอยดูแลผม จากนี้ไม่มีอะไรจะบอกกับนางอังคณารัตน์อีกแล้วขอเก็บเงินเพื่อไปสร้างบ้านแยกออกไปอยู่ส่วนตัวดี
ผู้สื่อข่าวได้พูดคุยกับนางยุพาพร (สงวนนามสกุล) และ นางติ๋ม เพื่อนสนิทของนางอังคณารัตน์ บอกกับผู้สื่อข่าวว่า ขณะนี้เธอไม่สามารถติดต่อนางอังคณารัตน์ได้เลย ถ้าเพียงว่าช่วง 5 โมงเย็นนางอังคณารัตน์โทรศัพท์ติดต่อมาหานายมะนิชและครอบครัวแจ้งว่าจะกลับมาที่บ้าน หลังจากนั้นก็ปิดโทรศัพท์แล้วติดต่อไม่ได้ ลูกทั้ง 3 คนก็ไม่มีใครติดต่อนางอังคณารัตน์ได้เลย
ในฐานะเพื่อนก็อยากให้นางอังคณารัตน์กลับมาที่บ้านไว ๆ สงสารลูกที่รออยู่ เพื่อนยังคงรักแกเหมือนเดิม เพราะจริง ๆ แล้วอังคณารัตน์เองก็เป็นคนดีคอยช่วยเหลือเพื่อน ๆ ทุกอย่าง ก็อยากให้กลับมาเคลียร์ปัญหาไว ๆ ทั้งเพื่อนและครอบครัวไม่มีใครโกรธและพร้อมที่จะให้อภัย
ขณะที่นางติ๋ม เพื่อนสนิทของนางอังคณารัตน์อีกรายบอกกับผู้สื่อข่าวว่า ทุกคนพร้อมให้อภัยเสมอ อยากให้กลับมาที่บ้านเพราะตัวพี่มะนิชเองก็ไม่อยากที่จะเอาความ ทั้งเพื่อนสามีและลูกทุกคนรอคอยนางอังคณารัตน์กลับมาและพร้อมให้อภัยเสมอ
