พลเมืองดีเก็บเงิน 7 หมื่นได้บนแท็กซี่ ฝากคนขับส่งคืนแต่ให้เพื่อนสวมรอย

1 พ.ย. 65

พลเมืองดีเก็บเงินหมื่นได้บนแท็กซี่ ฝากคนขับส่งคืนแแต่กลับเก็บไว้กับตัวเอง โทรแจ้งคอลเซ็นเตอร์แอปฯ ให้เพื่อนสวมรอยเป็นเจ้าของ

เมื่อเวลา 18.00 น. วันที่ 31 ต.ค.65 นานมนต์ชัย บุพพัณชาตินานนท์ อายุ 43 ปี เดินทางมาที่สภ.เมืองสมุทรปราการ เพื่อขอลงบันทึกประจำวันไว้เป็นหลักฐาน ภายหลังจากตนเองพบเงินกว่า 7 หมื่นบาทถูกลืมไว้บนรถแท็กซี่ ก่อนที่จะส่งเงินทั้งหมดให้กับคนขับเพื่อส่งคืนให้กลับเจ้าของ แต่เมื่อเวลาผ่านไปกลับพบว่าคนขับแท็กซี่ไม่ได้นำเงินจำนวนดังกล่าวส่งคืนให้กับเจ้าของตัวจริงแต่กลับให้เพื่อนสาวมาสวมรอยเป็นเจ้าของเงิน

นายมนต์ชัย กล่าวว่า เมื่อช่วงเที่ยงวันที่ 30 ต.ค. ตนเองได้เรียกแท็กซี่ผ่านระบบแอปพลิเคชันเพื่อให้มารับที่บ้านย่านซอยเปรมฤทัย ถนนเทพารักษ์ อ.เมืองสมุทรปราการ ไปส่งที่แยกการไฟฟ้า ถนนศรีนครินทร์ อ.เมืองสมุทรปราการ ต่อมาหลังจากตนเองขึ้นไปบนรถก็พบกระเป๋าสตางค์แบบซิบวางอยู่เบาะหลัง จึงหยิบมาเปิดดูจนพบว่ามีธนบัตรชนิด 1 พันจำนวนมากนับได้ราว 7 หมื่นบาท อยู่ในกระเป๋า จึงได้สอบถามครขับแท็กซี่จนได้ข้อมูลว่ากระเป๋าดังกล่าวน่าจะเป็นของผู้โดยสารคนก่อนหน้านี้ กระทั่งมาถึงปลายทางตนเองจึงให้เงินทั้งหมดที่พบกับคนขับแท็กซี่เพื่อให้ตามหาเจ้าของเนื่องจากคนขับแท็กซี่บอกว่ามีข้อมูลของผู้โดยสารคนดังกล่าวอยู่ เนื่องจากได้เรียกใช้บริการผ่านระบบแอปพลิเคชันมาก่อน ตนส่งมอบเงินทั้งหมดให้คนขับแท็กซี่เนื่องจากหวังดีว่าหากคนขับแท็กซี่เอาไปคืนเองอาจจะได้ติ๊บจากเจ้าของเงินด้วย ระหว่างนี้ตนเองจึงได้ถ่ายคลิปวีดีโอไว้เพื่อเป็นหลักฐานและโพสต์ลงในเฟซบุ๊กส่วนตัวเพื่อตามหาเจ้าของอีกทางจนถูกกระแสตีกลับว่าตนเองสร้างคอนเทนต์

จนเวลาผ่านไป ตนจึงโทรไปสอบความคืบหน้าจากคอลเซนเตอร์แอปพลเคชันจนทราบว่าทางคนขับแจ้งทางศูนย์มาว่าได้คืนเงินกับเจ้าของแล้วในช่วง 9.00 น. ตนเองจึงได้ขอเบอร์โทรของหญิงสาวที่อ้างว่าเป็นเจ้าของเพื่อสอบถามข้อมูล จนกระทั่งหญิงสาวคนดังกล่าวบอกว่าจะไปรับเงินคืนในช่วงเย็นซึ่งขัดแย้งกับข้อมูลกับคนขับแท็กที่ได้แจ้งไว้กับตน ทั้งนี้เพื่อให้แน่ใจว่าเป็นเจ้าของเงินจริงๆตนเองจึงอยากให้มีการส่งมอบเงินกันต่อหน้าตำรวจจะดีกว่า แต่ทางหญิงสาวคนดังกล่าวบอกไม่สะดวก กระทั่งคนขับแท็กซี่โทรมาหาตนและแจ้งว่าหญิงคนดังกล่าวเป็นเพื่อนไม่ใช่ของเงินจริงๆ และยังให้ตนเองโกหกกับศูนย์ว่าคนขับได้มอบเงินคืนเจ้าของไปแล้ว แต่ตนเองไม่ยอมเล่นด้วยก่อนที่จะเดินทางไปที่สภ.เมืองสมุทรปราการเพื่อลงบันทึกประจำวันไว้เป็นหลักฐานว่าตนเองไม่รู้เห็นกับเรื่องดังกล่าว และมีการมอบเงินให้หับคนขับแท็กซี่ไปแล้ว

ต่อมาระหว่างที่นายมนต์ชัยกำลังลงบันทึกประจำวันอยู่ที่สภ.เมืองสมุทรปราการ คนขับแท็กซี่ติดต่อเข้ามาทางโทรศัพท์ว่าได้นำเงินทั้งหมดไปแจ้งความไว้ที่สภ.สำโรงเหนือ และได้มอบเงินให้กับตำรวจเพื่อตามหาเจ้าของแล้ว และอยู่ระหว่างกำลังจะเดินทางมาพบมนต์ชัยที่สภ.เมืองสมุทรปราการ

กระทั่งมนต์ชัย รออยู่นานกว่าชั่วโมงก็ไม่พบคนขับแท็กซี่มาตามนัด จึงได้ติดต่อไปอีกครั้งจนคนขับอ้างว่าอยู่บนสะพานภูมิพลทั้งที่จากสภ.สำโรงเหนือมาที่สภ.เมืองสมุทรปราการใช้เวลาไม่น่าเกินครึ่งชั่วโมง ขณะเดียวกันยังทราบว่าเงินจำนวนดังกล่าวคนขับยังเก็บไว้กับตัวเนื่องจากอ้างว่าตำรวจไม่เก็บเงินไว้ ซึ่งนายมนต์ชัยเห็นว่าถ้าคนขับแท็กซี่มีเจตนาดีที่จะตามหาเจ้าของจริงๆ คงไปแจ้งความตั้งแต่วันแรกแล้ว คงไม่ให้คนอื่นมาสวมรอยเป็นเจ้าของเงิน อย่างไรก็ตามจากการสอบถามข้อมูลที่สภ.เมืองสมุทรปราการ ยังไม่พบข้อมูลมีคนมาแจ้งเงินหายไว้ ซึ่งอาจเป็นไปได้ว่าอาจจะไปแจ้งที่อื่น ตนเองจึงอยากประชาสัมพันธ์ให้ได้ทราบว่าเงินทั้งหมดยังอยู่กับคนขับแท็กซี่ และทั้งหมดตนเองไม่ได้สร้างคอนเทนต์แต่อย่างใด

advertisement

advertisement

คุณอาจสนใจข่าวนี้

ข่าวยอดนิยม

ข่าวทั่วไป เป็นกระแส