อัยการอุทธรณ์คดี "ลุงพล" ตัดไม้ จากโทษ "รอลงอาญา" เป็น "จำคุก"

27 ต.ค. 65

อัยการศาลสูงจังหวัดมุกดาหาร อุทธรณ์คดี "ลุงพล" ตัดไม้จากโทษ "รอลงอาญา" เป็น "จำคุก" เหตุไม่มีท่าทีสำนึกผิดและยังต่อสู้คดีในชั้นศาล

คดีป่าไม้ ลุงพล ยังไม่จบ อัยการศาลสูงจังหวัดมุกดาหารยื่นอุทธรณ์คดีร่วมกันทำไม้หวงห้ามโดยไม่ได้รับอนุญาต อันเป็นความผิดตาม พ.ร.บ.ป่าไม้ 2484 มาตรา 11 และร่วมกันทำไม้หวงห้ามในเขตป่าสงวนแห่งชาติ อันเป็นความผิดตาม พ.ร.บ.ป่าสงวนแห่งชาติ 2507 มาตรา 14 โดยอุทธรณ์จากโทษรอลงอาญาให้เป็นจำคุก

จากกรณีเมื่อวันที่ 21 เม.ย.65 ศาลมุกดาหารได้การอ่านคำพิพากษาศาลชั้นต้นเกี่ยวกับ นายไชย์พล วิภา หรือ ลุงพล และนายธีรพงษ์ (สงวนนามสกุล) และนายนิคม (สงวนนามสกุล)2 ยูทูบเบอร์ถูกดำเนินคดีในข้อหาในความผิดร่วมกันทำไม้หวงห้ามโดยไม่ได้รับอนุญาต อันเป็นความผิดตามพ.ร.บ.ป่าไม้ 2484 มาตรา 11 ร่วมกันทำไม้หวงห้ามในเขตป่าสงวนแห่งชาติ อันเป็นความผิดตาม พ.ร.บ.ป่าสงวนแห่งชาติ 2507 มาตรา 14

จากนั้นเมื่อเวลา 10.30 น. ของวันที่ 21 เม.ย.65 ศาลพิพากษาลงโทษจำคุกจำเลยที่ 1 มีกำหนด 2 ปี 3 เดือน ปรับ 45,000บาท จำคุกจำเลยที่ 2 และที่ 3 มีกำหนด 1 ปี ปรับคนละ 20,000 บาท ให้จำเลยที่ 1 ชดใช้ค่าเสียหายกรมป่าไม้จำนวน 23,054บาท โทษจำคุกให้รอการลงโทษไว้ 2 ปี รวมทั้งรื้อถอนพญานาคภายใน 30 วัน ซึ่งต่อมาได้มีการย้ายออกตามคำสั่งศาล

โดยคดีนี้ดูท่าว่าจะจบลงที่ศาลชั้นต้นไปแล้ว แต่เมื่อวันที่ 27 ต.ค.65 ทางอัยการศาลสูงจังหวัดมุกดาหาร ได้เปิดเผยกับผู้สื่อข่าวหลังจากได้มีการไลฟ์สดของนายไชย์พล วิภาเ มื่อคือวันที่ 26 ต.ค.65 ว่า ตนเองได้รับหนังสือแจ้งจากศาลว่าตนเองได้ถูกอุทธรณ์เกี่ยวกับคดีป่าไม้ 1 คดี

โดยเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าวผู้สื่อข่าวได้สอบถามไปยังอัยการศาลสูงจังหวัดมุกดาหาร ซึ่ง นางสาวนฤมล วิเชียรแสน อัยการศาลสูงจังหวัดมุกดาหารเปิดเผยเบื้องต้นว่า ได้ยื่นอุทธรณ์คดีในไชย์พลพร้อมพวกอีก2คนในคดีความผิดร่วมกันทำไม้หวงห้าม โดยไม่ได้รับอนุญาตอันเป็นความผิดตาม พ.ร.บ.ป่าไม้2484 มาตรา 11 ร่วมกันทำไม้หวงห้ามในเขตป่าสงวนแห่งชาติอันเป็นความผิดตาม พ.ร.บ.ป่าสงวนแห่งชาติ 2507 มาตรา14 จริง

เนื่องจากว่าจำเลยไม่สำนึกผิดและยังต่อสู้คดีในชั้นศาล ซึ่งทางอัยการศาลสูงจังหวัดมุกดาหารได้ยื่นอุทธรณ์คดีตั้งแต่วันที่ 18 ต.ค.65 ที่ผ่าน โดยยื่นในส่วนในการสั่งรอลงอาญาให้เป็นโทษจำคุก ส่วนเรื่องของรายละเอียนนั้นต้องให้ทางโฆษกสำนักงานอัยการสูงสุดเป็นผู้แถลงอีกครั้ง เพราะในส่วนของอัยการศาลสูงจังหวัดมุกดาหารขอให้ข้อมูลเพียงเท่านี้ก่อน

advertisement

คุณอาจสนใจข่าวนี้

ข่าวยอดนิยม

ข่าวทั่วไป เป็นกระแส