วันที่ 24 พ.ค. 62 จากกรณีที่มีผู้ใช้เฟซบุ๊กชื่อ “Ai Aun” ออกมาโพสต์ภาพผู้หญิงคนหนึ่งถูกแฟนหนุ่มทรมาน ด้วยการจับมัดมือในท่ายืนขึงไว้กับกอไผ่จนมือเขียว มีการเผากองฟางรมควัน และภาพแฟนหนุ่มของหญิงสาวที่ถูกจับมัด กำลังนั่งดื่มสุราอยู่กับเพื่อนที่เป็นญาติกับหญิงสาว และมองดูอย่างไม่สะทกสะท้าน ภายในพื้นที่บ้านทรายอุดม ต.กุดดินจี่ อ.นากลาง จ.หนองบัวลำภู
ล่าสุด ตำรวจ สภ.นากลาง จ.หนองบัวลำภู ได้นำตัวนายสมพงษ์ หรือ ตั๊ก เฉลิมสะคู อายุ 30 ปี ผู้ต้องหาไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพ พร้อมแจ้งข้อกล่าวหา กักขังหน่วงเหนี่ยวและทำร้ายร่างกาย
ด้าน นางสาวยุ อายุ 37 ปี ผู้เสียหาย เปิดเผยว่า ตนและนายตั๊กคบหาดูใจกันมาประมาณ 8 เดือน ยอมรับว่าเคยทะเลาะมีปากเสียง ทำร้ายร่างกายกันบ้างเล็กน้อย เพราะผู้ชายขี้หึงหวง แต่เหตุการณ์ครั้งนี้รุนแรงที่สุด โดยเมื่อวานนี้ (23 พ.ค.) ช่วงเวลาประมาณ 01.00 น. ขณะที่ตนนอนอยู่ในบ้าน นายตั๊กพยายามเข้ามาหาภายในบ้าน ทั้งที่ตนปฏิเสธขอเจอ จนกระทั่งงัดหน้าต่างข้างบ้านเข้ามาโดยที่ตนห้ามไม่ได้
ต่อมารุ่งขึ้น นายตั๊กก็ออกไปกับเพื่อนตามปกติ โดยช่วงสายประมาณ 11.00 น. ตนรู้สึกโกรธนายตั๊กที่ไม่มีความเกรงใจ มักชอบบุกรุกในยามวิกาลบ่อยครั้ง จึงตัดสินใจเข้าไปหานายตั๊กที่บ้านหลังเกิดเหตุเพื่อพูดคุย เมื่อไปถึงพบว่ากำลังนั่งดื่มเหล้ากับเพื่อนอีก 3 คน ด้วยความโมโห ตนจึงใช้ท่อนไม้ฟาดเข้าที่หลังของนายตั๊ก ก่อนที่จะมีการตบตีกันไปมาอยู่สักพัก จากนั้นนายตั๊กจะไปหยิบเอาเชือกมาพันข้อมือของตนอย่างแน่น แล้วนำไปผูกแขวนไว้กับลำต้นไม้ไผ่ ที่กอไผ่หน้าบ้านที่เกิดเหตุ
ระหว่างนั้นตนพยายามร้องอ้อนวอนขอให้ปล่อยตัว เพราะเริ่มมีอาการมือชาและอ่อนแรงจากการถูกแขวนเอาไว้นานกว่า 3 ชม. แต่เขาออกไปซื้อเหล้าขาวเข้ามาดื่มกับเพื่อนต่อเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น จากนั้นจึงยอมแก้เชือกที่ผูกข้อมือของตนไว้ ตนจึงรีบเดินออกไปริมถนน เพื่อไปนั่งพักก่อนหาทางกลับบ้าน ในระหว่างนั้นนายตั๊กพยายามจะไปส่งบ้าน แต่ตนปฏิเสธจึงทำให้เกิดความไม่พอใจ ก่อนนำเชือกกลับมามัดที่ข้อมือตนอีกครั้ง แล้วลากจากริมถนนกลับเข้าไปยังกอไผ่ จากนั้นลงมือผูกตนแขวนไว้กับกอไผ่เป็นรอบที่สอง และมัดแน่นกว่าเดิม ทำให้ข้อมือเริ่มแดงช้ำ
จากนั้นนายตั๊กนำฟางอัดก้อนที่วางอยู่หน้าบ้าน มาพิงด้านหลังตน ก่อนใช้เหล้าขาวในแก้วเทราด แล้วจุดไฟที่ฟางอัดก้อน พร้อมบอกว่า “ไม่กูก็มึงต้องตาย ถ้ามึงไม่ตาย กูอยู่ไม่ได้” และยังบอกอีกว่า “จะทรมานให้ตายไปช้า ๆ” จากนั้นมีเพื่อนผู้หญิงที่นั่งดื่มด้วยกันในวงเหล้าเดินเข้ามาเขี่ยฟางอัดก้อนให้ห่างจากลำตัวตนออกไป แต่กลับไม่มีใครช่วยดับไฟ หรือช่วยแก้มัดเชือกที่ผูกอยู่กอไผ่เลย จนกระทั่งญาติตนเข้ามาช่วยเหลือ
ตนไม่คิดว่าเขาจะกล้าทำรุนแรงได้ถึงขนาดนี้ แม้ว่าเมื่อเช้าที่มีการทำแผนประกอบคำรับสารภาพ นายตั๊กจะเข้ามาขอโทษตนแล้ว แต่ตนไม่พร้อมให้อภัย กับการกระทำและจิตใจที่โหดถึงขนาดนี้ และหลังจากนี้ แม้ว่านายตั๊กจะมาขอคืนดีอย่างไร ตนก็ยืนยันว่าจะไม่กลับไปคืนดี ต่างคนต่างอยู่ แยกย้ายกันไป
ด้านนางเสริมสุข รถโพค อายุ 43 ปี เจ้าของบ้านหลังที่เกิดเหตุ เปิดเผยว่า เมื่อวานนี้ (23 พ.ค.) ขณะที่ตน สามี และนายตั๊กกำลังทำลาบเป็ดกินข้าวเที่ยงกันอยู่ นางสาวยุได้ขี่จักรยานยนต์มาจอดหน้าบ้าน ก่อนเดินถือไม้เข้ามาฟาดกลางหลังนายตั๊ก 3-4 ครั้ง ทุกคนตกใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น จากนั้นทั้งคู่มีการตบตีไปมา จนกระทั่งนายตั๊กนำเชือกมามัดที่แขนแล้วผูกกับกอไผ่ เนื่องจากต้องการสงบสติอารมณ์ให้ฝ่ายหญิงไม่อาละวาด หรือใช้ความรุนแรง ระหว่างนั้นตนและสามีพยายามห้ามปรามทั้งคู่ไม่ให้ทะเลาะกัน แต่ไม่สามารถห้ามได้ เพราะมันเกิดเหตุวุ่นวายและรวดเร็วมาก ส่วนช่วงจังหวะที่ฝ่ายหญิงถูกมัดแขนไว้ ตนพยายามอยากช่วยเหลือ แต่ไม่สามารถช่วยได้ เพราะนายตั๊กสั่งห้าม และหากเข้าไปช่วยกลัวถูกทำร้ายร่างกายตามไปด้วย
โดยนางเสริมสุขเล่าต่อว่า ขณะเกิดเหตุฝ่ายหญิงมีอาการเมาแล้วมาหาเรื่องก่อน จนกระทั่งเกิดเหตุขึ้น ตนยืนยันว่านายตั๊กไม่มีเจตนาฆ่าหรือทำร้ายถึงแก่ชีวิตแน่นอน เพราะรักผู้หญิงคนนี้มาก ทั้งหมดที่ทำเพราะรัก และอยากให้สงบสติอารมณ์เท่านั้น
ขณะที่นางสมบูรณ์ หวังสุข อายุ 88 ปี ยายของนายตั๊ก เปิดเผยว่า เลี้ยงดูนายตั๊กมาตั้งแต่เด็กจนโต ตลอดเวลาที่ผ่านมานายตั๊กเป็นคนดี กตัญญู ขยันทำมาหากิน ช่วยเหลือทำงานที่บ้านเป็นประจำ ไม่เคยสร้างความเดือดเนื้อร้อนใจให้ครอบครัว ซึ่งหลังจากภรรยาของนายตั๊กเสียชีวิตลงเมื่อหลายปีก่อน ก็ไม่เคยไปมีหญิงสาวที่ไหนอีกเลย จนกระทั่งเมื่อ 1 ปีที่ผ่านมา หลานไปติดพันนางสาวยุ
แม้ว่าหลานชายของตนจะเคยดื่มเหล้าบ้างตามโอกาสเทศกาล แต่ไม่เคยมีนิสัยชอบใช้ความรุนแรงแต่อย่างใด จนกระทั่งมาเจอกับผู้หญิงรายนี้ ทำให้หลานชายนิสัยเปลี่ยนไป ติดเหล้ามากขึ้น เพราะผู้หญิงชอบดื่มเหล้า แต่ไม่เคยมีพฤติกรรมรุนแรงทำร้ายร่างกายกัน มีแต่นายตั๊กที่มักถูกฝ่ายหญิงตบตี ทำร้ายร่างกายก่อนเป็นประจำ
ทั้งนี้ หลังจากเกิดเหตุ ตนและครอบครัวไม่เข้าไปขอโทษฝ่ายหญิง เนื่องจากมองว่าหลานชายไม่ได้ทำผิดอะไร ทุกอย่างที่เกิดขึ้นเพราะฝ่ายหญิงตามไปหาเรื่องก่อน และทำให้หลานชายต้องก่อเหตุเช่นนี้ ในขณะเดียวกันเรื่องของคดี ยืนยันว่าแม้ว่าไม่ได้ตัดหางปล่อยวัด แต่จะไม่มีการประกันตัวแต่อย่างใด ให้แต่ละคนชดใช้รับโทษจากการกระทำของตนเอง