จากกรณีเมื่อวันที่ 4 ต.ค. 65 นายประพจน์ วงศ์ก่อเกื่อ ทนายความได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กกลุ่ม "ทนายอาสา ปรึกษาในกลุ่มฟรี โดยทนายอาชีพ"
โดยระบุว่าในฐานะผู้ก่อตั้งกลุ่มนี้และทนายความอาชีพ ผู้ที่ต้องดูแลสมาชิก แต่กลับมีผู้มาแสวงหาประโยชน์ ซ้ำเติมทุกข์ ผมจำต้องเปิดเผยเพื่อประโยชน์สาธารณะ หากมีข้อเท็จจริงไม่ตรงกับเอกสารทะเบียนสภาทนาย ผมขอรับผิดชอบแต่ผู้เดียว
โดยมีการเปิดเผยข้อมูลว่า นายพรเทพ คะเชนทร์ภักดิ์ อายุ 32 ปี ได้ปลอมเป็นทนายความ สวมรอยเลขคดีคนอื่นรับว่าความหลายคดี มีภูมิลำเนาอาศัยอยู่ที่ จ.กำแพงเพชร
วันที่ 5 ต.ค. 65 ทีมข่าวทางไปตามที่อยู่ภิมิในลำเนาของ นายพรเทพ พื้นที่ ต.คณฑี อ.เมือง จ.กำแพงเพชร พบกับ นางกิมไล้ คะเชนทร์ภักดิ์ อายุ 60 ปี แม่ขอนายพรเทพ ขณะเดียวกันพบบริเวณหน้าบ้านมีผ้าหุ่มปิดคลุมอยู่
เมื่อนำผ้าห่มออกกลับพบว่ามีการก่อสร้างห้องกระจกขนาดเล็กด้านหน้าเขียนประตูกระจกติดข้อความว่า รับว่าความทั่วราชอาณาจักร คดีแพ่ง-อาญา พร้อมกับเบอร์ติดต่อ โดยนางนางกิมไล้ ร่ำไห้พร้อมเปิดเผยกับทีมข่าวว่าตนไม่รู้ลูกปลอมเป็นทนายความ
ทั้งนี้ทีมข่าวภูมิภาค จ.กำแพงเพชร ทุกสำนัก และทีมข่าวอมรินทร์ทีวี ได้ช่วยประสานไปยังองค์การบริหารส่วนตำบลคณฑี ขอความช่วยเหลือ นางกิมไล้ คะเชนทร์ภักดิ์ และหลานทั้ง 2 คน โดย นายสุวัจชัย ศิริวาโภ นายกองค์การบริหารส่วนตำบลคณฑี พร้อมทีมพัฒนาชุมชน เดินทางมาตรวจสอบและขอข้อมูลเพื่อนำไปสู่การดูแลในขั้นพื้นที่ต่อไป
นายสุวัจชัย เปิดเผยว่า มาดูแลครอบครัวเป็นการเบื้องต้นก่อน เพราะทราบว่า นายพรเทพ เป็นเสาหลักแต่ต้องคดี อบต.จึงต้องมาดูแลเด็กและคนชราก่อน และจะไม่ยุ่งเกี่ยวเรื่องคดีความ โดยเบื้องต้นพบว่า นางกิมไล้ ขาไม่ปกติ จะต้องนำไปดำเนินการตรวจสุขภาพก่อนดูว่าหลักเกณฑ์เข้าคนพิการหรือไม่ จะได้นำเข้าสู่ระบบระเงินช่วยเหลือต่อไป ส่วนเงินช่วยเหลือจะระดมทุนช่วยเหลือเบื้องต้นไปก่อน สำหรับเรื่องโรคประจำตัวของเธอ พบว่าเป็นความดันสูง ตนจะประสานไปยังโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลคณฑี ให้จัดทีมงานมาตรวจสุขภาพและพาไปรักษาพยาบาลตามนัดหมายของแพทย์
นางมณี (นามสมมติ) อายุ 58 ปี ญาติของนายพรเทพ เปิดเผยว่า เป็นญาติห่าง ๆ ทางพ่อของนางกิมไล้ ปกติเรียกเธอว่า “สาว” ก่อนหน้านี้ก็สนิทกันกับนายพรเทพ ยังเคยมานั่งดื่มที่บ้าน โดยย้อนไปเมื่อ 2 ปีก่อน นางกิมไล้ มีสามีใหม่ ก็มากินอยู่ด้วยกันที่บ้าน ขณะที่นายพรเทพ ไป ๆ มา ๆ ก่อนทราบจากปากนางกิมไล้ว่า นายพรเทพ เป็นทนายความ ซึ่งขณะนั้นก็แอบชื่นชมว่านายพรเทพมีงานดี ๆ ทำ จะได้เลี้ยงแม่และเลี้ยงลูก
นายพรเทพ มีนิสัยก้าวร้าว เคยทำร้ายนางกิมไล้ จนครอบครัวตนต้องไปรับมาอยู่ด้วย ต่อมาก็เริ่มปรับปรุงตัวและก่อนจะเกิดเรื่องนี้ ยังเคยชวนนายพรเทพกับนางกิมไล้และสามีใหม่นางกิมไล้มานั่งดื่ม นั่งกินข้าวกันที่บ้านตน แต่นายพรเทพเมาหนักก่อเหตุทำร้ายพ่อเลี้ยง จากนั้นมาก็ไม่เคยสุงสิงกับนายพรเทพเลย
อีกทั้งนายพรเทพ ก็เก็บตัว ไม่พูด ไม่คุย หรือสุงสิงกับคนในหมู่บ้าน ดังนั้นเรื่องนายพรเทพจะมาหลอกลวงคนในหมู่บ้านหมู่จึงไม่มี เพราะชาวบ้านรู้นิสัยนายพรเทพเป็นอย่างดี อย่างไรก็ตามการที่นายพรเทพถูกจับกุม หรือมีคดีความตนจึงไม่แปลกใจ แต่รู้สึกสงสารนางกิมไล้ และเด็ก ๆ มากที่ต้องตกระกำลำบาก
นายประพจน์ วงศ์ก่อเกื้อ ทนายความ กล่าวว่า ตัวเองเป็นแอดมินเพจปรึกษากฎหมายฟรี และ น.ส.ณัฐกานต์ ติดต่อมาถามตนในวันที่ไปขึ้นศาลแต่นายพรเทพไม่มา โดยได้แนะนำให้ไปขอตรวจเลขคดีดำปรากฏว่าไม่ตรงกับคดีที่ฟ้อง กลายเป็นคดียาเสพติด
ในตอนแรกตนไม่คิดว่านายพรเทพเป็นทนายปลอม มองว่าอาจจะเป็นทนายจริงแต่เหลวไหลดองงานมากกว่า จึงขอดูสำนวนจากผู้เสียหาย พบว่าทุกอย่างถูกต้องทั้งหมด คำฟ้อง คำร้อง บัญชีพยานสามารถใช้ได้ ถือว่ามีทักษะที่ดี
โดยเลขบัตรทนาย เป็นของทนายผู้หญิง แต่ข้อมูลอื่น ๆ เป็นของนายพรเทพเองทั้งหมด กระทั่งไปตรวจสอบที่สภาทนายความถึงรู้ว่าเป็นทนายปลอม นอกจากนี้ยังมีข้อสังเกตคือนานพรเทพอายุแค่ 30 กว่าปี แต่ได้ตั๋วทนายตั้งแต่ปี 54 แสดงว่าต้องได้ตั๋วทนายตั้งแต่อายุ 19-20 ปี ซึ่งค่อนข้างเป็นไปได้ยาก
ทั้งนี้การขึ้นว่าความที่ศาล ไม่มีใครคาดคิดว่าจะมีกรณีแบบนี้ ซึ่งความจริงมีระบบตรวจสอบและศาลค่อนข้างให้เกียรติทนาย
โดยที่ผ่านมาเคยเจอแค่ทนายปลอมทฤษฎี แค่อวดอ้าง รับเงิน แต่เวลาขึ้นศาลแล้วเบี้ยว ไม่มาว่าความ ไม่เคยเจอคนที่กล้าขึ้นศาลว่าความขนาดนี้
โดยตอนนี้โลกออนไลน์ต่างเรียกขานนายพรเทพ ที่ปลอมเป็นทนายว่า แฟรงค์ อบาเนล เมืองไทย ซึ่งอิงจากนักต้มตุ๋นที่ปลอมตัวเองเป็นกัปตันขับเครื่องบิน ทนายความ แพทย์ ทั้งที่ไม่ได้มีความรู้ความสามารถและใช้กลโกลหลอกเช็คจนโด่งดัง ซึ่งถูกสร้างเป็นภาพยนตร์เรื่อง Catch me if you can
ทีมข่าวเดินทางไปที่ตลาดสดเทศบาล ต.ไทรงาม จ.กำแพงเพชร หลังทราบว่า นายพรเทพ ผู้ต้องหาเคยมาตั้งร้านขายไก่หมุนที่นี่ สอบถามพ่อค้าแม่ค้าพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า นายพรเทพ ขายไก่หมุนจริง ตั้งร้านขายอยู่เยื้องตลาดสดไปประมาณ 100 เมตร ทีมข่าวได้พูดคุยกับ น.ส.สุนิสา พิมพ์เทพ อายุ 47 ปี แม่ค้าปลาหมึกย่าง หนึ่งคนที่เคยอุดหนุนไก่หมุนนายพรเทพ เล่าว่า จนถึงวันนี้จะ 2 ปี แล้ว ที่นายพรเทพ เลิกกิจการไปโดยไม่ทราบสาเหตุ ย้อนไปเมื่อประมาณ 2 ปี 6 เดือน นายพรเทพ มาตั้งร้านขายไก่หมุน โดยทราบว่าซื้อต่อแฟรนไชส์มาตั้งชื่อร้านว่า “พรเทพไก่หมุน” ซึ่งไก่รสชาติดีคนแถวนี้ติดใจ เพราะก็เป็นของใหม่ด้วย ช่วงนั้นขายดีมาก
ลักษณะนายพรเทพ เป็นคนหน้าตาดี พูดจาดี ขายของเก่ง และชอบอวดว่ารู้จักคนเยอะ มีอะไรปรึกษาเขาได้ แต่เขาไม่ได้บอกว่าเขาเป็นทนายความ หรือมีอาชีพอะไร กระทั่งขายได้ 6 เดือน จู่ ๆ นายพรเทพ ก็หายไป ทิ้งของไว้เต็มร้าน แต่ไม่มีใครสนใจ จากนั้นรถเข็นไก่ก็หายไป คาดว่านายพรเทพ แอบมาเก็บของ ซึ่งตนเองขายปลาหมึกมาหลาย 10 ปี หากในวันนี้ไม่ได้ยินข่าวว่านายพรเทพถูกจับด้วยข้อหาปลอมตัวเป็นทนายความ ตนก็ไม่ทราบเลยว่าเกิดอะไรขึ้นกับนายพรเทพ
น.ส.ณัฐกานต์ รตนกันฑ์แก้ว หรือ อ๋อมแอ๋ม อายุ 36 ปี ผู้เสียหาย เล่าว่า ตัวเองรู้จักนายพรเทพ ในกลุ่มรับปรึกษากฎหมายฟรีทางเฟซบุ๊กเมื่อช่วงเดือน ธ.ค. ปี 65 โดยตนเข้าไปโพสต์ปรึกษากฎหมายเกี่ยวกับการฟ้อง พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ ซึ่งก็มีทนายหลายคนเข้ามาให้คำแนะนำ
ระหว่างนั้นนายพรเทพ ทักแชตมาให้คำปรึกษาตน โดยแนะนำให้ตนไปแจ้งความ วันที่ 25 ธ.ค. 63 จึงเข้าแจ้งความที่ สภ.ศรีราชา ระหว่างนั้นก็ส่งใบแจ้งความให้นายพรเทพดู ซึ่งนายพรเทพก็โทรศัพท์ประสานกับทางตำรวจมีการอัดเสียงส่งมาให้ตนฟัง โดยนายพรเทพให้คำปรึกษาตนดูมีความน่าเชื่อถือมาก ระหว่างนั้นมีการส่งเอกสารที่ทำให้เชื่อทั้งตั๋วทนาย บัตรประจำตัวประชาชนซึ่งดูน่าเชื่อถือมาก
จนเดือน เม.ย. 64 ตัดสินใจว่าจ้างนายพรเทพเป็นทนายความ โดยต้องจ่ายค่าจ้างรวมทั้งหมด 39,000 บาท แบ่งเป็นค่าวิชาชีพทนาย 20,000 บาท ค่าเดินเรื่อง 5,000 บาท นอกนั้นเป็นค่าดำเนินการอื่น ๆ ในชั้นศาล ซึ่งตนทยอยโอนไปจนครบตามจำนวน ระหว่างนั้นนายพรเทพ แจ้งตนมาว่าขั้นตอนอยู่ในศาลแล้ว มีการไต่สวนออนไลน์
กระทั่งช่วงเดือน ส.ค. 64 นายพรเทพ นัดให้ไปเจอเพื่อขึ้นศาลเพื่อฟังคำตัดสิน ซึ่งตนก็ไปตามนัด แต่เมื่อไปถึงนายพรเทพกลับไม่มาศาล อ้างว่าไม่ได้ไปเพราะโควิด พร้อมบอกให้ตนนำบัตรประชาชนไปยื่นได้เลย เมื่อตนยื่นบัตรประชาชนเจ้าหน้าที่บอกว่าไม่มีในสารระบบ
นายพรเทพจึงส่งเลขคดีดำมาให้ เมื่อนำไปตรวจสอบก็พบว่าเป็นคดียาเสพติด สอบถามกลับไปนายพรเทพอ้างว่าส่งเลขคดีผิดมาให้ แต่ถามทางศาลปรากฏว่าคดีของตนยังไม่มีการฟ้องร้องใด ๆ ตนก็เริ่มเอะใจ ระหว่างนั้นตนจึงขอคำปรึกษาทนายประพจน์ แอดมินเพจปรึกษากฎหมายฟรี จนทราบว่าน่าจะเป็นทนายปลอม และมีความชัดเจนเมื่อทนายประพจน์นำชื่อนายพรเทพ ไปตรวจสอบที่สภาทนายความเมื่อวันที่ 1 ส.ค. 65 โดยพบว่านายพรเทพไม่ใช่ทนายความ
ซึ่งระหว่างนั้นตนยังพูดคุยกับนายพรเทพตามปกติ ไม่ให้อีกฝ่ายรู้ว่าตนรู้เรื่องแล้ว โดยตั้งแต่ว่าจ้างเป็นทนายความยังไม่เคยเจอนายพรเทพตัวจริงแม้แต่ครั้งเดียว เวลานัดกันอีกฝ่ายมักจะบ่ายเบี่ยงตลอด จนช่วง เม.ย. 65 นายพรเทพ บอกว่าจะคืนเงินให้เพราะติดลูกความหลายคนทำคดีไม่ทัน และได้โอนเงินคืนมารวม 15,000 บาท จากนั้นก็เริ่มติดต่อไม่ได้
ส่วนคดี พรบ.คอมพิวเตอร์ ตนไม่ได้ฟ้องต่อแล้ว แต่ได้แจ้งความเอาผิดนานพรเทพ เรื่องการฉ้อโกง ทั้งนี้ตนเสียความรู้สึกกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นมาก อยากบอกนายพรเทพว่า ให้เลิกทำพฤติกรรมแบบนี้ เพราะบางคนต้องไปกู้ยืมเงินมาว่าจ้างทนายแต่กลับต้องเจอเหตุการณ์แบบนี้
โดยผู้เสียหายได้ส่งแชตเฟซบุ๊ก ที่คุยกับนายพรเทพช่วงเดือน มิ.ย. 64 นายพรเทพ อ้างว่าส่งคนไปดูสำนวนแล้ว ตำรวจยังไม่ทำอะไรเลย หมายเรียกก็ยังไม่ออก 5 ก.ค. นายพรเทพ ขอค่าทำเนียมศาล 6,000 บาท ผู้เสียหายโอนไปให้ 24 ก.ค. นายพรเทพ ระบุ กว่าจะนัดสืบคดีได้อีกทีต้องรอถึง 3 เดือน ต้องใช้วิธีให้ตำรวจออกหมายจับเพื่อบีบอีกทาง 29 ก.ค. นายพรเทพ ระบุ 6 ส.ค. ต้องขึ้นศาลไต่สวนที่กำแพงเพชร หากพร้อมแล้วให้โอนเงินส่วนที่เหลือมาก่อนขึ้นศาล 6 ส.ค. ผู้เสียหายโอนเงินให้นายพรเทพ 5,000 บาท
ล่าสุด ดร.วิเชียร ชุบไธสง นายกสภาทนายความ ได้ทำการมอบอำนาจให้นายชัยวัฒน์ บุญเกี้อ นายทะเบียนสภาทนายความ ไปดำเนินคดีกับบุคคลดังกล่าวโดยเด็ดขาดในทันที
ดร.วิเชียร กล่าวว่า เบื้องต้นสภาทนายความได้ตรวจสอบข้อเท็จจริงในเรื่องที่เกิดขึ้น ทราบว่าบุคคลดังกล่าว มีการปลอมใบอนุญาตทนายความ เนื่องจากเลขที่อนุญาตเป็นของบุคคลอื่น และเมื่อตรวจสอบรายชื่อก็พบว่า บุคคลดังกล่าวไม่เคยผ่านการฝึกอบรมวิชาว่าความของสภาทนายความ และไม่เคยมีใบอนุญาตทนายความมาก่อน
ซึ่งเข้าข่ายการกระทำความผิดตาม พ.ร.บ.ทนายความ มีโทษทางอาญากำหนดชัดเจน และยังมีการปลอมแปลงใบอนุญาตทนายความ ซึ่งเป็นเอกสารอิเล็กทรอนิกส์ จะมีความผิดเพิ่มเติมด้วย นอกจากนี้ยังมีการแอบอ้างโดยประชาสัมพันธ์ในสื่อต่าง ๆ ว่าเป็นทนายความให้คนหลงเชื่อเข้าข่ายฉ้อโกงประชาชน ส่วนการไปดำเนินการว่าความในศาล สำนักงานศาลยุติธรรมก็มีกฎระเบียบ อาจเข้าข่ายการละเมิดอำนาจศาล ซึ่งตนได้มอบหมายให้นายทะเบียนสภาทนายความไปดำเนินการแจ้งความร้องทุกข์บุคคลดังกล่าวที่พื้นที่เกิดเหตุ คือ สภ.เมืองกำแพงเพชร ส่วนทนายความที่ถูกสวมใบอนุญาตไป ก็ถือว่าเป็นผู้เสียหาย สามารถไปแจ้งความร้องทุกข์ได้เช่นกัน