จากกรณีเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เมือง จ.สุราษฎร์ธานี เข้าจับกุมสาววัยรุ่นสุดแสบอายุ 16 ปี ก่อเหตุฉกทองในห้างทองโดยทำทีมาซื้อทองแต่ใช้จังหวะที่พนักงานเผลอฉกข้อมือทองคำใส่ในเสื้อคลุมสีดำ บริเวณแขนเสื้อ โดยก่อเหตุทั้งหมด 2 ครั้ง
โดยจากภาพวงจรปิดจากร้านทอง ถ.หน้าเมือง ต.ตลาด อ.เมือง จ.สุราษฎร์ธานี ที่บันทึกเมื่อเวลา 12.12 น. วันที่ 4 ต.ค. 65 ได้มีหญิงสาววัยรุ่นสวมหมวกแก๊ปสีชมพู ใส่เสื้อยืดคอกลมแขนสั้นสีขาว สวมเสื้อแจ็คเก็ตแขนยาวสีดำปิดบังใบหน้าด้วยหน้ากากอนามัยได้เข้ามาทำทีขอซื้อสร้อยข้อมือทองคำรูปพรรณ ขณะดูของพนักงานขายเผลอได้ใช้โทรศัพท์บังพร้อมใช้มือขวาจับสร้อยข้อมือน้ำหนัก 4 บาท ใส่ในกระเปาสะพายที่อยู่บริเวณหน้าอก แล้วออกจากร้านไป
และเวลา 14.15 น. ของวันเดียวกันได้ย้อนกลับมาที่ร้านและซื้อสร้อยข้อมือลักษณะคล้ายทองพร้อมจี้รูปหัวใจน้ำหนักประมาณ 15.18 กรัม สร้อยข้อมือลักษณะคล้ายทองจำนวน 1 เส้น น้ำหนักประมาณ 7.59 กรัม พร้อมแหวนลักษณะคล้ายทองจำนวน 1 วง น้ำหนักประมาณ 1.90 กรัม ในราคาประมาณ 22,000 บาท แต่ในขณะเดียวกันเมื่อพนักงานขายเผลอได้ก่อเหตุขโมยสร้อยข้อมือทองคำน้ำหนัก 4 บาท ไปอีก 1 เส้น รวมการก่อเหตุ 2 ครั้ง ผู้ก่อเหตุสามารถนำสร้อยข้อมือทองคำรูปพรรณรวมน้ำหนักแล้วจำนวน 8 บาท มูลค่า 246,400 บาท
ต่อมาในเวลา 16.00 น. ก่อนปิดร้านเจ้าของร้านทองได้ตรวจสอบพบว่ามีสร้อยข้อมือหายไป 2 เส้น จึงโทรแจ้ง พ.ต.อ.นิพลชาตรีผกก.สภ.เมืองสุราษฎร์ธานี นำเจ้าหน้าที่เข้าตรวจสอบพร้อมสั่งการให้ พ.ต.ท.ยศ ชาวเรา รองผกก.สส.สภ.เมืองสุราษฎร์ธานี, พ.ต.ท.ชุมพล คุ้มภิรมย์ สว.สส.สภ.เมืองสุราษฎร์ธานี ร.ต.อ.เสฎฐวุฒิ ฉวีพรรณ์ รองสว.สส.สภ.เมืองสุราษฎร์ธานี พร้อมด้วยร.ต.ต.จักรชัย เพชรชำนาญ, ด.ต.ภูวดล นาควารี, ด.ต.อนันต์ คงเรือง, ส.ต.อ.กิตติกร ลำใย, ส.ต.อ.ถนอมพงษ์ สองวิหค, ส.ต.อ.ภานุพงศ์ เพชรดำ และ ส.ต.ท.นวัตกรณ์ ชัยจินดา ผบ.หมู่สส.สภ.เมืองสุราษฎร์ธานี สืบสวนสอบสวนอย่างเร่งด่วนทางเจ้าหน้าที่จึงได้ตรวจสอบกล้องวงจรปิดในพื้นที่ใกล้เคียงกับที่เกิดเหตุ จนทราบตัวผู้ก่อเหตุและได้ร่วมกันจับกุมตัว น.ส.มี (นามสมมติ) อายุ 17 ปี ได้ภายในหมู่บ้านแห่งหนึ่งในพื้นที่หมู่ที่ 2 ถ.นาเนียน ต.มะขามเตี้ย อ.เมือง จ.สุราษฎร์ธานี พร้อมด้วยของกลาง
ขณะที่ก่อนหน้านี้มีร้านซ่อมโทรศัพท์มือถือ ชื่อว่าศูนย์ซ่อมมือถือไอฟิกซ์ อยู่ใน อ.เมือง จ.สุราษฎร์ธานี พยายามร้องสื่อฯ เข้ามาบอกว่าที่ร้านถูกหญิงสาววัยรุ่นก่อเหตุชิงไอแพทมินิมูลค่า 5,900 บาท ซึ่งมีลักษณะคล้ายหญิงสาวที่ชิงทองในห้างทอง
ทีมข่าวได้เดินทางไปยังศูนย์ซ่อมมือถือไอฟิกซ์ เพื่อสอบถามเรื่องดังกล่าวได้พูดคุยกับ นายฤทธิชัย เจริญพุฒ เจ้าของศูนย์ซ่อมมือถือไอฟิก เปิดใจกับทีมข่าวว่าจริง ๆ แล้ว ตนเป็นคนให้ข้อมูลผู้ก่อเหตุชิงทองกับเจ้าหน้าที่ตำรวจเองเพราะจำได้ว่าคนที่ก่อเหตุเป็นคนเดียวกับที่เคยมาก่อเหตุที่ร้านตน
โดยเมื่อวันที่ 12 ส.ค. 65 ที่ผ่านมา มีน้องผู้หญิงอายุ 16 ปี เข้ามาขโมยไอแพทภายในร้าน โดยวิธีการของน้องคือเข้ามาทำทีเป็นเอาโทรศัพท์มือถือเข้ามาซ่อม ทำทีเดินดูของรอบ ๆ ร้าน แล้วเดินออกจากร้านไปหยิบกระเป๋าผ้าสีน้ำเงินที่รถจักรยานยนต์แล้วก็ทำเป็นเดินดูของภายในร้าน ตรงมุมสายชาร์จโทรศัพท์มือถืือ
จากนั้นได้ถอดปลั๊กกล้องวงจรปิด 2 ตัวออก เป็นมุมที่มองเห็นตู้ iPad แล้วเดินมาหยิบ iPad มินิใส่กระเป๋าผ้า นำกระเป๋าผ้ากลับไปเก็บที่รถจักรยานยนต์ แล้วก็เดินกลับเข้ามาภายในร้านกลับมาเสียบปลักกล้องวงจรปิดกลับเหมือน ตอนแรกทางร้านยังไม่ทราบว่าถูกขโมย iPad มาทราบตอนที่มีคนมาถามขอซื้อ iPad จึงตกใจว่า iPad ในตู้หายไปไหนไปดูในกล้องวงจรปิดอีกตัวก็เห็นว่าเป็นน้องผู้หญิงคนดังกล่าวเป็นคนก่อเหตุส่วนกล้องวงจรปิดตัวที่น้องถอดปลั๊กออก 2 ตัว ก็เห็นช่วงจังหวะที่น้องเดินเข้ามาใกล้ ๆ ปลั๊ก อีกจังหวะหนึ่งก็เห็นว่า iPad mini จากเดิมภาพเห็นอยู่ในตู้แล้วจู่ ๆ ก็หายไปในพริบตา
จากนั้นเจ้าของร้านได้พยายามตามหาผู้ก่อเหตุโดยได้นำภาพจากกล้องวงจรปิดมาเผยแพร่ลงในเฟซบุ๊กพร้อมทั้งทำใบปลิวแปะตามหาคนก่อเหตุ เจ้าของร้านยังบอกกับทีมข่าวอีกว่าจริง ๆ แล้วราคา iPad แค่ 5,900 บาท ตนจะไม่พยายามตามหาคนก่อเหตุก็ได้ แต่ที่ทำเพราะเห็นว่ามีคนแจ้งทางคอมเมนต์เข้ามาว่าหญิงสาวคนนี้ก่อเหตุแล้วหลายครั้ง ที่สำคัญรู้สึกว่าหญิงสาวคนนี้มีการเตรียมการมาขโมยทรัพย์สินอย่างดี จนสุดท้ายมาทราบว่าผู้ก่อเหตุบ้านอยู่ห่างจากร้านตนเองเพียง 300 เมตร จึงขี่รถจักรยานยนต์ไปดู ก็พบพ่อและแม่ และได้ขอเบอร์โทรศัพท์นำไปพูดคุยกับน้อง ตอนแรกเขาก็ไม่ยอมรับจึงขู่ว่าจะแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจ และแจ้งว่ามีภาพจากกล้องวงจรปิดชัดเจนน้องจึงยอมรับว่าเอาไปจริง
จึงมีการนัดหมายกันเข้ามาที่ร้านในวันที่ 17 ส.ค. 65 เพื่อคืนไอแพด โดยมีพ่อกับแม่น้องมาด้วยแล้วตอนนั้นน้องก็ได้เอา iPad mini มาคืน แต่สิ่งที่เจ้าของร้านอึ้งก็คือหญิงสาวคนนี้ไม่มีท่าทีสลดใจ ถามว่าก่อเหตุไปทำไมก็ไม่ตอบ ขณะที่พ่อและแม่ของน้องก็มีฐานะดีโดยในวันที่พ่อทราบว่าลูกสาวก่อเหตุถึงกับน้ำตาคลอ พอที่ร้านได้ของคืนก็ไม่ได้เอาความกับหญิงสาวคนดังกล่าวเพราะเห็นว่าเป็นเยาวชนแต่ได้ลงบันทึกประจำวันเอาไว้และตกลงพูดคุยกันว่าจะไม่ก่อเหตุอีก แต่ปรากฏว่าเมื่อวานนี้ทราบข่าวว่าน้องไปก่อเหตุชิงทองก็มีเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้ามาขอข้อมูลจากทางร้านจึงให้ข้อมูลไปตำรวจจึงตามจับผู้ก่อเหตุได้ทันควัน
ทีมข่าวได้เสียงคำสารภาพจากคลิปโดยในคลิป เจ้าของร้านขายไอแพดพยายามเกลี้ยกล่อมให้ผู้ก่อเหตุ ยอมรับว่าขโมยของไปจริงและให้เข้ามาเจรจา แต่ช่วงแรกของการพูดคุยปรากฎว่าผู้ก่อเหตุไม่ยอมรับสารภาพ จนเจ้าของร้านขายไอแพดบอกว่าจริง ๆ ในร้านไม่ได้มีกล้องวงจรปิดแค่ 2 ตัวนั้นกล้องวงจรปิดอีกตัวจับภาพตอนน้องขโมยไอแพดได้ชัดเจน และแจ้งความดำเนินคดีกับเจ้าหน้าที่ตำรวจแล้วและมีหมายจับแล้ว แต่ทางร้านไม่อยากเอาเรื่องแต่อยากให้เข้าเอาของมาคืนแล้วนำผู้ปกครองมาพูดคุยด้วย
จนในที่สุดผู้ก่อเหตุยอมรับ ว่าขโมยไปจริงและจะนำมาคืนด้วยตนเองยืนยันว่ายังไม่ได้นำ iPad mini ไปขาย ทางร้านก็บอกว่าให้เอาพ่อแม่มาด้วย ผู้ก่อเหตุก็พยายามขอร้องไม่อยากให้พ่อแม่รับรู้เรื่องนี้ แต่ทางร้านไม่ยอมสุดท้ายน้องก็ยอมตกลงว่าจะพาพ่อไปด้วย
ทีมข่าวเดินทางไปยังร้านทองที่เกิดเหตุปรากฏว่าปิดให้บริการ โทรไปสอบถามบอกว่าไม่ต้องการให้ข้อมูลใด ๆ ขอให้เป็นไปตามกระบวนการของกฎหมาย
สาว 16 ปี ที่ก่อเหตุชิงทอง เปิดใจกับทีมข่าวอัมรินทร์ทีวีว่า ที่ลงมือทำเพราะถูกมิจฉาชีพให้โอนเงินไปลงทุนแล้วบอกว่าจะได้เงินคืนจึงโอนเงินไปทั้งหมด 1.7 แสนบาททำให้เครียดและลงมือก่อเหตุชิงทองเพื่อนำไปขายแลกเป็นเงินเอาไปโอนให้กับมิจฉาชีพ ตอนที่ตนเองคิดจะขโมยของไม่ได้มีการคิดเตรียมการหรือว่าดูจากภาพยนตร์หรือเลียนแบบจับภาพยนตร์แต่เป็นลักษณะคล้าย ๆ เหมือนจะเข้าไปดูสิ่งของแล้วอยู่ดี ๆ ก็รู้สึกอยากจะขโมยมันเป็นความรู้สึกแบบนั้น
ด้านแม่ของสาว 16 ปี เปิดใจทั้งน้ำตา บอกว่าตอนแรกไม่เข้าใจว่าลูกสาวทำไปเพราะอะไร ทั้งที่ครอบครัวมีเงินมีทองให้ทุกอย่างไม่มีอะไรขาดตกบกพร่องเลย จนมาพบว่าลูกสาวไปก่อเหตุขโมย iPad ซึ่งพอทราบเรื่องก็ตกใจมาก งงว่าทำทำไมจนไปปรึกษาแพทย์พบว่าลูกสาวเป็นภาวะซึมเศร้าและเป็นโรคชอบลักเล็กขโมยน้อย kleptomania พอได้ของมาก็จะรู้สึกพึงพอใจแต่ไม่ได้นำของที่ขโมยมาไปใช้อะไรเลยเช่น iPad ก็เอามาวางไว้เฉย ๆ ส่วนล่าสุดที่ลูกสาวก่อเหตุก็เพิ่งมาทราบว่าลูกสาว ไปโอนเงินให้มิจฉาชีพแล้วถูกหลอกว่าจะได้เงินคืนจำนวนมาก จนทำให้เขาพยายามที่จะโอนเงินเข้าไปตามคำสั่งของมิจฉาชีพ โดยหวังที่จะได้เงินที่โอนไปกลับคืนมา จึงลงมือไปก่อเหตุชิงทอง