จากกรณีอุบัติเหตุรถยนต์เก๋งบีเอ็มดับเบิลยูสีขาวฝ่าไฟแดงพุ่งชนรถจักรยานยนต์ ยี่ห้อยามาฮ่า รุ่นฟีลาโน่ สีแดง เป็นเหตุทำให้ นายธนพล แก้วมูล หรือ เต้ อายุ 24 ปี ชาว อ.ท่าตะโก จ.นครสวรรค์ บัณฑิตเกียรตินิยม เสียชีวิต เมื่อคืนวันที่ 30 ก.ย. 65 ที่ผ่านมา
โดยเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ยังถูกวิจารณ์อย่างหนักในสื่อโซเชียลฯ ส่งผลให้แฮทแท็ก #เด็ก16ฝ่าไฟแดงชนคนตาย ติดเทรนด์ทวิตเตอร์อันดับหนึ่ง จำนวนทวิตกว่า 432,000 ครั้ง
พร้อมกับมีแชร์คลิปหลังเกิดเหตุการณ์ ที่มีเยาวชน 3 คน ลงจากรถยนต์คันเกิดเหตุเดินอยู่บริเวณริมถนน พร้อมภาพและแคปชันที่เยาวชนได้โพสต์ลงสตอรี่หลังเกิดเหตุ ซี่งระบุว่า “22.30 แยกไฟแดง มทส.ปลอดภัยดีทั้ง 3 คน แต่รถพังยับเลย ชนมอเตอร์ไซค์” จากคลิปดังกล่าวเกิดเสียงวิพากษ์วิจารณ์ตามมาว่า ไม่ลงไปดูคู่กรณีแต่ยังมีเวลามาโพสต์สตอรี่
ในขณะที่เพจนักเรียนทุน ที่โพสต์ตอนรับเยาวชนที่ก่อเหตุก็ถูกวิจารณ์หนักเมื่อทางเพจได้โพสต์แสดงความยินดีกับเยาวชนคนดังกล่าว ทำให้ชาวเน็ตมองว่าสนับสนุนให้เยาวชนที่ก่อเหตุในทางที่ไม่ถูกต้อง ก่อนที่ทางเพจจะได้ออกมาเขียนข้อความชี้แจ้งระบุว่า "สวัสดีค่ะ ขออนุญาตมาเรียนชี้แจ้งในส่วนของบริษัท EAR SPORT Thailand นะคะ เนื่องจากทางเราเป็นบริษัทที่เปิดให้บริการในส่วนของการไปเรียนต่อต่างประเทศดูแลจัดการเรื่องเอกสารและติดต่อกับทางมหาวิทยาลัย โดยทางน้องและทางครอบครัวเพิ่งได้ติดต่อกับทางบริษัทมาเมื่อ 2 สัปดาห์ก่อนเพื่อใช้บริการทางด้านนี้ ยังไม่ได้มีการดำเนินการขั้นตอนใด ๆ จึงขออนุญาตเรียนให้ทราบว่าทางบริษัทไม่ได้เป็นต้นสังกัดหรือเกี่ยวข้องโดยตรง เราเป็นแค่ Outsource "
วันที่ 4 ต.ค. 65 ทีมข่าวอมรินทร์ทีวี เดินทางไปยังวัดดอนคา ต.ท่าตะโก อ.ท่าตะโก จ.นครสวรรค์ สถานที่ตั้งบำเพ็ญกุศลร่างของผู้ตาย
ในเวลา 12.00 น. พระสงฆ์แสดงพระธรรมเทศนา จากนั้นทางครอบครัวได้ทำการถวายผ้าขนหนูและดอกไม้จันทร์ให้แก่พระสงฆ์ ก่อนในเวลา 13.45 น. ทางครอบครัวจะเคลื่อนโลงบรรจุร่างของผู้ตาย โดยมีเพื่อน ๆ ของผู้ตายช่วยยกดอกไม้หน้าโลงและเคลื่อนโลงศพไปยังเมรุ เพื่อนำร่างของผู้ตายวนรอบเมรุ จำนวน 3 รอบ
สำหรับขบวนเคลื่อนโลงนั้น มีพี่สาวของผู้ตายเป็นผู้ถือกระถางธูปนำขบวน มีเพื่อนของผู้ตายเป็นผู้ถือรูป มีแม่ของผู้ตายถือตะเกียง และมีพ่อของผู้ตายเดินรั้งท้ายประคองโลงศพของผู้ตาย
ขณะเดียวกันทีมข่าวได้โทรศัพท์ไปพูดคุยกับนายเทอดพงษ์ กมลปัญญากร พ่อผู้ก่อเหตุ บอกกับทีมข่าวว่า สำหรับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นยอมรับว่าเสียใจมาก เนื่องจากลูกชายเราเป็นฝ่ายทำผิด จนทำให้เกิดความสูญเสีย ซึ่งตนก็ต้องโทษที่ไม่สามารถดูแลลูกชายอย่างใกล้ชิดได้เหมือนแต่ก่อน
นายเทอดพงษ์ เปิดเผยว่า ตนเดินทางมาถึงวัดดอนคาในเวลาประมาณ 11.00 น. โดยตั้งใจจะเข้ามาขมาศพ อีกทั้งยังนำเงินสดจำนวน 250,000 บาท มามอบให้ครอบครัวของผู้ตาย เพื่อเยียวยาเบื้องต้น โดยหวังจะมอบให้ไว้เป็นค่าทำศพ
แต่อย่างไรก็ตามตนไม่กล้าที่จะเข้าไปภายในศาลาวัด จึงได้ประสานผู้ใหญ่บ้านหมู่ 4 ต.ดอนคา อ.ดอนคา จ.นครสวรรค์ ผู้นำในพื้นที่ เพื่อให้เป็นคนกลางในการเจรจา แต่ผลปรากฎว่าทางครอบครัวของผู้ตายยังคงอยู่ในอาการโศกเศร้า และยุ่งอยู่กับการเตรียมพิธีฌาปนกิจ จึงยังไม่สะดวกให้ตนเข้าพบ ตนจึงอยู่เพียงด้านหน้าศาลาก่อนจะเดินทางกลับ จ.บุรีรัมย์
วันเกิดเหตุลูกชายเล่าให้ฟังว่า ขับรถกลับจากร้านอาหาร กำลังจะไปทำงานต่อที่บ้านเพื่อน ตอนที่ขับรถมา ขับด้วยความเร็วประมาณ 90 กิโลเมตร ต่อชั่วโมง พอขับมาใกล้ถึง 4 แยกที่เกิดเหตุ ปรากฎว่า สัญญาณไฟ เปลี่ยนเป็นสีเหลืองพอดี ทำให้ไม่สามารถเบรครถได้ในทันทีตอนนั้น โดยเปิดไฟฉุกเฉินส่งสัญญาณ พอปล่อยรถผ่าน 4 แยก ไป ก็ได้มีการชนเข้ากับรถจักรยายนต์ของผู้เสียชีวิต ส่วนลูกชายก็ได้รับบาดเจ็บจากการถูกกระแทกและมีรอยถลอก
ประเด็นเรื่องการขับรถ ตนยอมรับว่าตอนทราบข่าวก็ตกใจมาก และรู้สึกเสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น แต่ตอนนี้ไม่สามารถย้อนเวลากลับไปได้ สิ่งที่ทำได้ในตอนนี้คือต้องรับผิดชอบ โดยพาลูกชายเข้าไปพบพนักงานสอบสวน เพื่อรับทราบข้อกล่าวหา ซึ่งสภาพจิตใจของลูกชายตอนนี้ก็ค่อนข้างเครียด ก็ต้องให้กำลังใจเคียงข้างเพราะเขาจะผิดยังไงก็เป็นลูกเรา
ขณะที่พ่อของผู้เสียชีวิต นายรักษ์ แก้วมูล ได้เปิดเผยว่า ตอนแรกตนเองและครอบครัวได้เจอคู่กรณีได้เรียกค่าทำศพไปสองแสนห้าหมื่นบาท แต่คู่กรณียังมีทีท่าบ่ายเบี่ยง จึงนัดให้ไปเจรจากันที่โรงพักพื้นที่ที่เกิดเหตุ และเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ทำการเปิดกล้องวงจรปิดให้ดู เห็นชัดเจนว่าคู่กรณีขับผ่าไฟแดง โดยที่โรงพักตนก็พูดกับคู่กรณีว่า ตนไม่ได้เอาความตายของลูกชายมาแลกเป็นเงิน แต่ถ้าคิดแบบนั้นตนจะไม่เอาเงินสักบาท แล้วขอขับรถชนคู่กรณีดูบ้างได้ไหม แล้วจะทำศพกันเองและก็ยอมติดคุก
ด้าน นายธีรวัฒน์ ผู้ใหญ่บ้านหมู่ 4 บอกว่า นายเทอดพงษ์ พ่อของคู่กรณี ได้ประสานผ่านผู้ใหญ่บ้านอีกตำบลมายังตน ตั้งแต่เมื่อคืนวานนี้ อีกฝ่ายมีความประสงค์จะเดินทางมาร่วมพิธีสวดพระอภิธรรมและเป็นเจ้าภาพเลี้ยงอาหารเย็น แต่ทางเจ้าภาพปฏิเสธ วันนี้เวลาประมาณ 11.00 น. พ่อของคู่กรณีกับญาติคนหนึ่งได้เดินทางมายังวัด พร้อมตรียมเงินสดช่วยค่างานศพมาจำนวน 250,000 บาท โดยหวังจะเข้าไปมอบเงินช่วยเหลือให้แก่ครอบครัวของผู้ตายแล้วจะเข้าไปขอขมาศพ
ตนจึงได้เข้าไปพูดคุยกับนายรักษ์ พ่อของผู้ตาย แต่ขณะนั้นทางครอบครัวของผู้ตายกำลังยุ่งกับการเตรียมพิธีฌาปนกิจ นายรักษ์ พ่อของผู้ตาย จึงปัดให้ตนไปถามญาติคนอื่น ๆ เพราะไม่กล้าตัดสินใจเพียงคนเดียว แต่สุดท้ายก็ไม่มีใครให้คำตอบได้ ตนจึงแจ้งพ่อของคู่กรณีไปว่าทางเจ้าภาพยังไม่พร้อมที่จะพบเจอ ทางฝั่งคู่กรณีจึงได้ฝากแสดงความเสียใจกับครอบครัวของผู้ตายผ่านตน แล้วเดินทางกลับ
โดยเบื้องต้นเจ้าหน้าที่ตำรวจเตรียมแจ้งดำเนินคดีนักกีฬาเยาวชนทีมชาติ ผู้ก่อเหตุ ในความผิด 3 ข้อหา ได้แก่ 1.ขับรถโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นเสียชีวิต 2.ขับรถฝ่าสัญญาณไฟแดง และ 3.ไม่มีใบอนุญาตขับขี่
