ความคืบหน้ากรณี ส.ต.ท.สัญลักษณ์ จันทร์ดำ ผบ.หมู่ (ป) สภ.กระพ้อ จ.ปัตตานี พร้อมเพื่อนอีก 5 คนซึ่งไม่ได้เป็นตำรวจ ถูกกลุ่มชายฉกรรจ์ อ้างตัวเป็นชุดสืบสวนตำรวจภูธรภาค 9 อุ้มขึ้นรถเรียกค่าไถ่ 500,000 บาท ที่เซฟเฮ้าส์แห่งหนึ่ง ใน อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา เมื่อช่วงค่ำของวันที่ 26 มี.ค. 62 ต่อเนื่องช่วงเที่ยงของวันที่ 27 มี.ค. 62 แต่มีการต่อรองกันจนเหลือ 120,000 บาท และต้องจำนำรถเก๋งส่วนตัว 1 คัน ก่อนถูกปล่อยตัวออกมา หลังเกิดเหตุ ส.ต.ท.สัญลักษณ์ เข้าร้องเรียนกับผู้บังคับบัญชา และแจ้งความที่ สภ.หาดใหญ่
บริเวณเซฟเฮ้าส์จุดเกิดเหตุ
ล่าสุด วันที่ 12 พ.ค. 62 มีคำสั่งย้ายตำรวจที่ถูกกล่าวหา 3 นาย คือ ด.ต.ธีระยุทธ สุวรรณรัตน์, ด.ต.สิรภพ หมื่นหนู และ ด.ต.พิรชัย หวั้นเส้ง มาช่วยราชการที่สำนักตำรวจภูธรภาค 9 พร้อมถูกตั้งคณะกรรมการสอบสวนความผิด หากพบความผิดจะถูกดำเนินการอย่างเด็ดขาด
ผู้เกี่ยวข้องขบวนการตำรวจอุ้มตำรวจ
ขณะที่พนักงานสอบสวน สภ.หาดใหญ่ สอบสวน ส.ต.ท.สัญลักษณ์ นานกว่า 4 ชั่วโมง และเร่งสรุปคดีเพื่อเตรียมยื่นเรื่องให้ ป.ป.ช. ภายใน 30 วัน เนื่องจากผู้ที่ถูกกล่าวหาเป็นเจ้าพนักงานที่กระทำผิด โดยเฉพาะข้อความที่มีการแชตคุยกัน เรื่องรถเก๋งที่ถูกนำไปจำนำต่อให้กับผู้ค้ายาเสพติด
ส.ต.ท.สัญลักษณ์ จันทร์ดำ ให้ปากคำ
โดย ส.ต.ท.สัญลักษณ์ ให้ข้อมูลว่า วันเกิดเหตุ ตนอยู่กับเพื่อนรวม 6 คน ที่หน้าบ้านพักของเพื่อน จากนั้นมีกลุ่มชายจำนวน 10 คน เข้ามาควบคุมตัวตนและเพื่อน ตนก็ไม่ทรายบว่าเกิดอะไรขึ้น เพราะกลุ่มชายฉกรรจ์ไม่ได้แสดงตัว เพื่อนของตนจึงไปหยิบปืนในรถมาไว้เพื่อป้องกันตัว กลุ่มชายฉกรรจ์จึงแสดงตัวว่าเป็นตำรวจ แล้วขอจับกุมทั้งหมดเนื่องจากมีคดีเกี่ยวกับอาวุธปืน จากนั้นก็อุ้มพวกตนไปที่เซฟเฮ้าส์ แล้วเรียกเงิน โดยให้ผู้หญิงรายหนึ่งไปคุยกับญาติของตนเพื่อจ่ายเงินค่าไถ่ พร้อมปล่อยตัวออกมา
ภาพจำลองเหตุการณ์
ส่วนกลุ่มตำรวจที่ถูกกล่าวหา ทาง พล.ต.ท.รณศิลป์ ภู่สาระ ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 9 ได้สั่งการให้เร่งดำเนินการสอบสวนหาข้อเท็จจริงโดยเร็วที่สุด และเป็นธรรมกับทั้งสองฝ่าย
ร.ต.อ.สยบมาร ไมตรีจร ลุงของ ส.ต.ท.สัญลักษณ์
ร.ต.อ.สยบมาร ไมตรีจร เจ้าหน้าที่ชุด EOD จ.ปัตตานี ลุงของ ส.ต.ท.สัญลักษณ์ เปิดเผยว่า ตนเองได้พาร้อยเวรเจ้าของคดีลงพื้นที่เกิดเหตุที่เจ้าหน้าที่ตำรวจ ซึ่งอ้างว่าเป็นชุดสืบภาค 9 ได้พา ส.ต.ท.สัญลักษณ์ หลานชายไปที่เซฟเฮ้าส์ และเรียกทรัพย์สิน เรื่องนี้ตนเองไม่ได้กังวล ทางครอบครัวเก็บหลักฐานทั้งหมดไว้แล้ว เช่น หน้าจอข้อความที่มีการถูกข่มขู่
ทั้งนี้ ส่วนตัวรู้สึกตกใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ไม่นึกว่าตำรวจจะมาจับตำรวจด้วยกันเองเพื่ออุ้มรีดทรัพย์ คิดว่าจะดำเนินการให้ถึงที่สุด หากใครเป็นฝ่ายผิด ก็ต้องรับความผิดไป อยากให้ผู้บังคับบัญชา และเจ้าหน้าที่ตรวจสอบข้อเท็จจริงอย่างตรงไปตรงมา โดยหลานชายได้ไปแจ้งความที่ สภ.หาดใหญ่ เรียบร้อยแล้ว ล่าสุด กลับไปอยู่ที่บ้านใน อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา โดยหลานชายได้ลางานชั่วคราวเพื่อติดตามคดี
