ความคืบหน้ากรณีเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นหลังทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เกาะสมุย ได้รับเเจ้งจากผู้เสียหายชาวต่างชาติอย่าง นายเยฟกีนี อับดุลลิน สัญชาติรัสเซีย และ นางเยกาเทอร์นา อับดุลลิน ซึ่งทั้งคู่เป็นสามีภรรยา ได้เข้ามาแจ้งความระบุว่าได้เดินทางเข้าใช้บริการของ บอยส์ ออแกนิก คอฟฟี่ ตั้งอยู่ที่ ต.ตลิ่งงาม อ.เกาะสมุย จ.สุราษฎร์ธานี
จู่ ๆ ก็มีกลุ่มชายฉกรรจ์ชาวต่างชาติจำนวน 6 คน ได้เข้ามาข่มขู่ให้ผู้เสียหายโอนเงินสกุล หรือ คริปโตเคอร์เรนซี มูลค่า 3,000,000,00 ดอลลาร์ คิดเป็นเงินไทยประมาณ 112 ล้านบาท ผู้เสียหายอ้างว่ามีเงินสกุลดังกล่าวเเค่ 58,000,00 ดอลลาร์ หรือคิดเป็นเงินไทยประมาณ 2.280 ล้านบาท ผู้เสียหายจึงโอนไปจำนวน 50,000 ดอลลาร์ หรือประมาณ 1.878 ล้านบาท จากนั้นคนร้ายได้ใช้รถตู้สีดำและรถจักรยานยนต์ขับหลบหนีไป โดยเหตุการณ์เกิดขึ้นเมื่อ 15 ก.ย. 65 ที่ผ่านมา
วันที่ 28 ก.ย. 65 ตำรวจสืบสวน จ.ชลบุรี สามารถควบคุมตัว 1 ใน 6 คน ที่ร่วมก่อเหตุได้แล้วที่ จ.ชลบุรี ทราบชื่อ MR. ANDREY (อันเดรย์) อายุ 37 ปี สัญชาติคาซัคสถาน พร้อมยึดรถตู้สีดำที่กลุ่มคนร้ายใช้เป็นยานพาหนะ ก่อนที่ได้คุมตัวผู้ต้องหามายัง สภ.เกาะสมุย เพื่อสอบปากคำเพิ่มเติมพร้อมมีการตั้งข้อหา "ปล้นทรัพย์"
ทางทีมข่าวได้เดินทางย้อนกลับไปที่โรงเเรมที่ทางกลุ่มผู้ก่อเหตุ ได้เดินทางเข้าพักในช่วงที่เกิดเหตุ ตรวจสอบข้อมูลจากเจ้าหน้าที่โรงแรม เผยว่า กลุ่มคนก่อเหตุจำนวน 6 คน ไม่ได้เดินทางมาพร้อมกันทั้งหมด แต่จะเเบ่งกันมา 2 รอบ
โดยรอบแรกจะมากัน 5 คน นั่งรถตู้สีดำป้ายทะเบียนกรุงเทพฯ มาถึงโรงเเรมประมาณเที่ยง ก่อนจะเช็คอินจองห้องพักจำนวน 3 ห้อง เป็นเวลา 2 คืน ก่อนที่จะมีการติดต่อให้ทางพนักงานโรงเเรมไปเช่ารถจักรยานยนต์จำนวน 2 คัน ให้มาส่งที่โรงแรม พฤติการณ์ที่มาพักส่วนตัวก็ไม่ได้พบพิรุธหรือลักษณะผิดปกติ เห็นเขาเองเดินทางขับจักรยานยนต์เข้าออก ในวันที่ 14 ก.ย. 65 แต่ไม่ได้ถามว่าไปไหน อย่างไร และไม่ได้สอบถามเรื่องส่วนตัวของเขาว่าเขามาทำอะไร ทำงานอะไร
ขณะที่รอบที่ 2 จะเป็นชายไม่ทราบสัญชาติเดินทางมาคนเดียวในวันที่ 15 ก.ย. 65 เท่าที่เห็นคือเขาเองโดยสารมาด้วยรถแท็กซี่แต่ไม่ทราบว่าแท็กซี่ของสนามบินหรือแท็กซี่นอก หลังจากนั้นพอทั้งหมดมากันครบทั้ง 6 คน ช่วงบ่ายของวันที่ 15 ก.ย. 65 ทั้งหมดก็ได้เดินทางออกกันไปข้างนอก โดยนั่งรถตู้กัน 4 คน ขับจักรยานยนต์ 2 คน ออกไป หลังจากนั้นประมาณช่วง 5 โมงกว่า ทั้งหมดก็เดินทางกลับมา โดยที่ 5 คนแรกที่มาตั้งแต่วันที่ 14 ก.ย. 65 บอกว่าเขาเองจะกลับก่อน เดียวจะรีบไปลงเรือ หากว่าทันเรือรอบ 6 โมงเย็นก็คงจะกลับเลย แต่หากไม่ทันก็จะกลับมาพักอีกครั้ง ขณะที่ชายไม่ทราบสัญชาติคนที่เพิ่งมา เขาเองได้พักต่อ 1 คืน โดยพักเพียงคนเดียว
ก่อนจะเช็กเอ้าท์กลับในช่วงวันที่ 16 ก.ย. 65 ช่วงบ่าย ๆ ท้้งนี้ยืนยันว่าทางโรงเเรมเองไม่ทราบว่าเขามาก่อเหตุอะไร เพราะไม่ได้สอบถามข้อมูลเขา
ทีมข่าวได้พูดคุยกับทาง "นางสาวอร" (นามสมมติ) พนักงานร้านอาหารที่ทางคนก่อเหตุไปใช้บริการ โดยทางเจ้าตัวได้เล่าให้ฟังว่าวันที่ 14 ก.ย.65 ช่วงประมาณบ่าย 3-4 โมงเย็น ได้มีกลุ่มชาวต่างชาติที่มาพักโรงเเรมฝั่งตรงข้าม ได้เดินข้ามถนนมาใช้บริการ โดยมากัน 5 คน เท่าที่ทราบมีชายสัญชาติรัสเซีย 2 คน อายุประมาณ 30-40 ปี ชายสัญชาติคล้ายคาซัคสถาน 1 ราย ถือไม้เท้า อายุประมาณ 50 ปี มีชายสัญชาติจีน 1 ราย อายุ 30-40 ปี และชายสัญชาติเยอรมัน 1 รายอายุ 30-40 ปี โดยเข้ามาใช้บริการนั่งโต๊ะอาหารหมายเลข 3 ก่อนที่จะชายสัญชาติจีนที่สื่อสารไทยได้เป็นคนสั่งอาหารและเครื่องดื่ม
ตอนนั้นที่เขามาใช้บริการส่วนตัวก็สงสัยแต่ไม่ได้ติดใจอะไร ที่สงสัยนั้นเพราะงงว่ามานั่งทานข้าวแต่ทำไมพูดถึงเรื่องกล้อง ถามว่าแล้วพฤติกรรมที่เราสังเกตหลังจากที่มารับประทานที่อาหารแล้ว ก็พบว่าเขาเองเข้าออกที่โรงแรมค่อนข้างถี่ จะมีการขับรถจักรยานยนต์เข้าออกตลอด แต่จะแยกกันออกไม่ได้ไปกันทีเดียว จะมีแต่วันที่ 15 ก.ย. 65 ช่วงบ่ายที่ทั้งหมดจะออกไปพร้อมกัน หลังจากนั้นจะกลับเข้ามาช่วง 6 โมงเย็น ก่อนรถตู้สีดำจะขับออกไปและไม่ได้กลับเข้ามา ขณะที่มีชายอีกคนผิวขาวมีเคราที่ยังคงนอนอยู่ได้ออกจากโรงแรมวันที่ 16 ก.ย. 65 ตอนเช้า แต่ไม่ทราบว่ากลับรถอะไร มองจากที่สังเกตในใจคิดว่าชาวคาซัคสถานเหมือนจะเป็นหัวหน้าใหญ่ เพราะเขาค่อนข้างดุ และเป็นเหมือนคนสั่งการทุกคน
ต่อมาเวลา 16.00 น. ทางด้าน " พล.ต.ต.นภันต์วุฒิ เลี่ยมสงวน" ผู้บังคับการสืบสวนสอบสวนตำรวจภูธร ภาค 8 ได้เปิดเผยข้อมูลภายหลังการประชุมติดตามความคืบหน้าของคดี โดยทางผู้การระบุว่าเบื้องต้นตอนนี้ความคืบหน้าคือทางเข้าหน้าได้มีการจับกุม 1 ในผู้ก่อเหตุ ทราบชื่อคือ "นายอันเดรย์" ชาวสัญชาติคาซัคสถาน
ซึ่งเป็นบุคคลที่ปรากฎในคลิปกล้องวงจรปิดสวมกางเกงสีน้ำเงินในช่วงที่ไปเเลกเงินก่อนไปก่อเหตุ โดยสามารถจับกุมได้ในพื้นที่ จ.ชลบุรี ผู้ต้องหาที่จับกุมมาได้เขาเองยังปฎิเสธทุกข้อกล่าวหา ซึ่งก็อยู่ในช่วงของการสอบสวนอยู่ ถามว่าในส่วนของผู้ต้องหาเองมีความเชื่อมโยงหรือมีหน้าที่ในการก่อเหตุอย่างไร ในส่วนนี้ยังต้องรอการสอบสวนอย่างละเอียด แต่ข้อมูลที่ได้รับมาก็ค่อนข้างมั่นใจว่าทางนายอันเดรย์เองเป็นหนึ่งในคนสำคัญที่ก่อเหตุครั้งนี้ ส่วนถามว่าผู้ก่อเหตุเองมีปัญหากับทางผู้เสียหายอย่างไร ในส่วนนี้ก็อยู่ในขั้นตอนสอบสวน ขณะที่ผู้ต้องหารายอื่นอีก 5 ราย กำลังดำเนินการขยายผลเพื่อติดตามตัวมาดำเนินคดี ยอมรับว่ามีบางส่วนที่ได้หลบหนีออกนอกประเทศเเล้ว
ขณะที่ในช่วงบ่ายทางชุดตำรวจชุดสืบสวนภาค 8 และเจ้าหน้าที่ตำรวจสืบสวน จ.สุราษฎร์ธานี และเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนในพื้นที่ รวมไปถึงตำรวจท่องเที่ยว และ ตม. ได้มีการเดินทางไปควบคุมตัวชายสัญชาติยูเครน ทราบชื่อคือ "ยาโรดเชนโก" (โอเล่) อายุ 35 ปี หลังพบเบาะแสว่าบุคคลดังกล่าวอาจจะมีความเชื่อมโยงกับทางกลุ้มก่อเหตุทั้ง 6 ราย เพราะชายสัญชาติยูเครนคนดังกล่าวเองเป็นเหมือนคนจัดการเรื่องตั๋วข้ามฟาก และเรื่องของการจองโรงแรม ซึ่งตอนนี้เองทางเจ้าหน้าที่ตำรวจกำลังเร่งสอบสวนว่าจะมีส่วนรู้เห็นหรือไม่
ส่วนของผู้เสียหายที่เพิ่งจะมาเเจ้งความหลังเกิดเรื่องตั้งแต่วันที่ 15 ก.ย. 65 ทางผู้เสียหายระบุว่าช่วงหลังที่เกิดเหตุเกิดความหวาดกลัวเลยไม่กล้าจะแจ้งความ
ต่อมาทางด้านผู้เสียหาย "นายเยฟกีนี อับดุลลิน" สัญชาติรัสเซีย ได้เดินทางมาที่ สภ.เกาะสมุย เพื่อเข้าให้ปากคำเพิ่มเติมกับทางเจ้าหน้าที่ชุดสอบสวน โดยที่ทางเจ้าตัวเองไม่สะดวกให้ข้อมูลเนื่องจากไม่สามารถสื่อสารภาษาไทยได้ ก่อนที่จะเดินเข้าห้องสอบสวน
