กรณีครอบครัวของนายกิตติศักดิ์ (สงวนนามสกุล) ได้ร้องเรียนทีมข่าวอมรินทร์ทีวีว่า นายกิตติศักดิ์ ถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจ โรงพักแห่งหนึ่งใน จ.ชลบุรี จับกุม เมื่อวันที่ 21 ก.ย. 65 กระทั่งได้เสียชีวิตปริศนาคาห้องขังในวันที่ 22 ก.ย. 65 ทำให้ญาติติดใจสาเหตุการตายหลายอย่างนั้น
วันที่ 24 ก.ย. 65 ทีมข่าวอมรินทร์ทีวี ได้พูดคุยทางวีดีโอคอลกับนายพี (นามสมมติ) รุ่นพี่ของผู้เสียชีวิต นายพี กล่าวว่า เมื่อเวลาประมาณ 18.00 น. วันที่ 21 ก.ย. 65 ที่ผ่านมา นายกิตติศักดิ์ ผู้เสียชีวิต ได้ถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจโรงพักแห่งหนึ่งใน จ.ชลบุรี จับกุมเนื่องจากนายกิตติศักดิ์ เมาแล้วอาละวาด จากนั้นเจ้าหน้าที่ก็ได้มาคุมตัวไปคุมขังที่โรงพัก
เวลา 21.00 น. ญาติติดต่อเข้าเยี่ยมนายกิตติศักดิ์ในห้องขัง แต่เจ้าหน้าที่ไม่ให้เยี่ยมบอกว่าผู้ต้องหานอนหลับแล้ว ต่อมาวันที่ 22 ก.ย. 65 เวลาประมาณ 09.00 น. ญาติของนายกิตติศักดิ์ได้ขอเยี่ยมอีกครั้งแต่ทางเจ้าหน้าที่ก็ไม่ให้เยี่ยมอีก กระทั่งเวลา 11.00 น. ทางเจ้าหน้ามี่ตำรวจได้โทรหาญาติแจ้งว่านายกิตติศักดิ์ เสียชีวิตในห้องขัง โดยเสียชีวิตจากหัวใจล้มเหลว จากนั้นญาติซึ่งเป็นคู่เขยของผู้ตายก็ได้ไปดูศพ แต่ญาติคนดังกล่าวไม่ได้สังเกตุรอยช้ำตามร่างกายเท่าที่ควรเพราะเขาดูศพห่าง ๆ เจ้าหน้าที่จึงส่งศพไปที่โรงพยาบาลแห่งหนึ่งใน จ.ชลบุรี แพทย์แจ้งเบื้องต้นว่าเสียชีวิตไม่ต่ำกว่า 8 ชั่วโมง
จากนั้นจึงศพไปชันสูตรต่อที่โรงพยาบาลตำรวจ ซึ่งแพทย์ได้ลงสาเหตุการตายเบื้องต้นว่า "เลือดออกใต้เยื่อหุ้มสมองและในโพรงสมอง" พอเจ้าหน้าที่ส่งศพกลับไปถึงบ้านเกิดผู้ตายที่ จ.เลย ก็ได้เจอว่าที่ตาซ้ายของผู้ตาปูดบวม และแผ่นหลังมีรอยเขียวช้ำ ทำให้ทางครอบครัวจึงติดใจสาเหตุการตาย
สิ่งที่ทางครอบครัวติดใจคือ ที่โรงพยาบาลแห่งหนึ่งใน จ.ชลบุรี ซึ่งเป็นโรงพบาลแห่งแรกที่รับศพมาชันสูตรเบื้องต้นว่า นายกิติศักดิ์ เสียชีวิตมาแล้วไม่ต่ำกว่า 8 ชั่วโมง ครอบครัวจึงอยากถามตำรวจว่า ก่อนหน้านี้ไม่ได้ดูผู้ต้องหาในห้องขังเลยหรอ ทำไมถึงปล่อยให้เสียชีวิตกว่า 8 ชั่วโมง กรณีที่ผลชันสูตรเบื้องต้นโรงพยาบาลตำรวจลงสาเหตุการตายเบื้องต้นว่า "เลือดออกใต้เยื่อหุ้มสมองและในโพรงสมอง" นั้นมาจากอะไร ตัวเองยืนยันว่าผู้ตายไม่มีโรคประจำตัว และก่อนจะถูกคุมตัวเข้าห้องขังในวันที่ 21 ก.ย. 65 ผู้ตายก็ไม่ได้ถูกทำร้ายร่างกายมาก่อน จึงไม่มีบาดแผลและรอยช้ำตามกายอีกด้วย จึงอยากรู้ว่ารอยบวมที่ตาของผู้เสียชีวิตเกิดจากอะไร
เบื้องต้นทางญาติก็ได้ติดต่อสอบถามเรื่องข้อสงสัยต่าง ๆ ไปยังเจ้าหน้าที่ตำรวจโรงพักดังกล่าวแล้ว ซึ่งเจ้าหน้าที่ก็ตอบญาติแบบไม่เคลียร์ บอกแค่ว่าจะให้ความเป็นธรรมญาติแน่นอน สำหรับนายกิตติศักดิ์ ผู้เสียชีวิต เป็นคนดื่มเหล้าไม่หนักมาก เนื่องจากต้องทำงานขับรถส่งสินค้าระหว่าง จ.ชลบุรี และ จ.ตาก อีกทั้งก็ไม่มีโรคประจำตัวอีกด้วย ทางตัวเองและญาติของผู้ตายอยากให้เจ้าหน้าที่ตำรวจออกมาชี้แจง ซึ่งถ้ามีพยานหลักฐานว่านายกิตติศักดิ์ไม่ได้ถูกทำร้ายจนเสียชีวิตญาติจะไม่ติดใจ แต่ถ้าหากว่านายกิตติศักดิ์ เสียชีวิตเพราะถูกทำร้าย ครอบครัวก็จะเอาเรื่องถึงที่สุด
โดยในช่วงค่ำวันนี้ ครอบครัวผู้เสียชีวิต ได้ส่งภาพที่ทางครอบครัวประกอบด้วยแม่ของผู้เสียชีวิต ภรรยาและลูก ๆ ของผู้เสียชีวิต ถือป้ายร้องขอความเป็นธรรมให้กับผู้ตายมาให้กับทีมข่าวอีกด้วย
ในขณะที่ พ.ต.อ.ทวี กุดแถลง ผกก.สภ.บ้านบึง ให้ข้อมูลกับทีมข่าวอมรินทร์ว่า เมื่อวันที่ 21 ก.ย. 65 นายกิตติศักดิ์มีการอาการมึนเมาอย่างหนัก เดินถือมีดอาละวาด ก่อความเดือดร้อนรำคาญให้แก่ชาวบ้าน เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงเข้าจับกุมพร้อมพาตัวมาสงบสติอารมณ์ที่โรงพัก
พร้อมแจ้งข้อหาเสพสุราหรือของเมาอย่างอื่น จนเป็นเหตุให้ตนเมาประพฤติวุ่นวายหรือครองสติไม่ได้ขณะอยู่ในถนนสาธารณ หรือ สาธารณสถาน
โดยขณะอยู่ภายในห้องขัง นายกิตติศักดิ์ไม่สามารถให้ข้อมูลอะไรได้ บอกแต่เพียงว่าเดินทางมาจากภาคอีสาน แต่จำเหตุการณ์อาละวาดไม่ได้ อีงทั้งในช่วงกลางดึก เวลาประมาณ 23.00 น. ยังมีอาการไอ หายใจแรงถี่ ๆ ก่อนจะเงียบไป ซึ่งผู้ต้องหารายอื่นภายในห้องขังไม่มีใครเอะใจว่านายกิตติศักดิ์เสียชีวิต
ทั้งนี้ขอยืนยันว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจไม่ได้เดินเข้าไปในห้องขัง และไม่มีการทำร้ายร่างนายกิตติศักดิ์ รวมถึงผู้ต้องหารายอื่น ๆ โดยขณะนี้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ชี้แจงกับญาติของนายกิตติศักดิ์ไปเบื้องต้นแล้ว พร้อมทั้งกำลังรวบรวมข้อมูลและกล้องวงจรปิดภายในสถานีตำรวจทั้งหมด เพื่อเป็นหลักฐานยืนยันให้แก่ครอบครัว ว
ด้าน รศ.นพ.วีระศักดิ์ จรัสชัยศรี แพทย์ผู้เชี่ยวชาญทางนิติเวชศาสตร์ บอกว่า เลือดออกใต้เยื่อหุ้มสมองและโพรงสมองสามารถเกิดได้จากอาการป่วย และการทำร้ายร่างกาย ยกตัวอย่างสาเหตุที่เกิดจากอาการป่วย เช่น ความดันโลหิตสูง ส่วนการสูบบุหรี่ และการดื่มสุรา จะกระตุ้นทำให้เกิดภาวะเลือดออกใต้เยื้อหุ้มสมองและโพรงสมองได้ง่าย โดยหากเกิดจากการทำร้ายร่างกาย จะต้องมีร่องรอยปรากฎให้เห็น ซึ่งปกติแพทย์ชันสูตรจะระบุไว้ในใบแจ้งตาย แต่อย่างไรก็ตาม หากทางครอบครัวคาใจเกี่ยวกับการทำร้ายร่างกายก็สามารถยื่นเรื่องสอบถามแพทย์ผู้ทำการผ่าชันสูตรได้
