กรณีพบศพนายผดุงเกียรติ หรือ ตุดา สวัสดิ์เริ่มใหม่ อายุ 36 ปี ชาว อ.ลี้ ที่พงหญ้าข้างถนนบริเวณ กม.ที่ 22 ถนนสายอำเภอเถิน–อำเภอลี้ ซึ่งเป็นเขตรอยต่อระหว่าง จ.ลำปาง และ จ.ลำพูน ช่วงสายวันที่ 21 ก.ย. 65 เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เถิน พร้อมด้วยชุดสืบสวน, จนท.พิสูจน์หลักฐาน 5 ลำปาง หน่วยกู้ภัยออมบุญเถินลำปางและกู้ภัยใกล้กู้ภัยใกล้เคียง
ตรวจสอบสภาพร่างเน่าเหม็น และมีแมลง สัตว์ต่าง ๆ แทะบริเวณเนื้อส่วนแขน และส่วนต่าง ๆ หายไปจำนวน จึงนำร่างผู้เสียชีวิตไปตรวจสอบอย่างละเอียดที่ รพ.เถิน
โดยนายผดุงเกียรติ ชาว ต.ท่าทราย อ.ลี้ หายตัวไปตั้งแต่หัวค่ำวันที่ 13 ก.ย. 65 ซึ่งเจ้าหน้าที่และญาติได้ระดมค้นหามาแล้วหลายวันแล้ว พร้อมมีการแจ้งความไว้ที่ สภ.ลี้ จ.ลำพูน และหวั่นว่าผู้เสียชีวิตจะถูกผู้มีอิทธิพลในพื้นที่ฆาตกรรม เบื้องต้น ผู้เสียชีวิตอาจจะไปพัวพันธุรกิจบางอย่างที่ไม่อาจเปิดเผยได้ แต่คาดว่าผู้ที่ก่อเหตุลงมืออุ้มฆ่าในครั้งนี้ มีทั้งหมด 3 คน
จากนั้นมีชายคนหนึ่งใช้ชื่อว่า "ยังโอม" นายไกรสร โพสต์รับสารภาพว่าคนบ่งการฆ่าคือ ภรรยาเก่าของนายตุดา และสามีใหม่ชื่อเสือมืด
วันที่ 22 ก.ย. 65 นางนราพร คะเนทรัพย์สิน อายุ 55 ปี แม่ของ น.ส.ธมลวรรณ หรือ น้ออู้ บอกว่า ตนติดต่อลูกสาวได้ตลอด โดยระหว่างสัมภาษณ์ น.ส.ธมลวรรณ ก็ติดต่อกลับมา เจ้าตัวเปิดใจผ่านทางโทรศัพท์ว่ากรณีที่นายไกรสร หรือ ยังโอม โพสต์นั้นไม่เป็นความจริง ตนเองคาดว่ามีผู้ไม่หวังดีเกลียดชังก่อนแฮ็กเฟซบุ๊กและโพสต์กล่าวหาตนกับสามีใหม่
น.ส.ธมลวรรณ ชี้แจงว่า นายไกรสรเป็นลูกน้องสามีใหม่ตน เขาเพิ่งสูญเสียลูกไป จึงมาขอพึ่งพาอาศัยเสือมืด เสือมืดจึงพาทำงานก่อสร้าง ซึ่งที่ผ่านมานายไกรสรไม่เคยพูดถึงหรืออาฆาตแค้นนายตุดา แต่ลึก ๆ ไม่รู้ว่ามีอะไรกันหรือไม่ เพราะนายไกรสรก็เป็นคนหนึ่งที่ชอบไปนั่งดื่มเหล้ากับนายตุดา และก่อนที่นายตุดาจะหายไป นายตุดาไปนั่งดื่มเหล้ากับนายไกรสรและนายนุนุ วันนี้นายไกรสรหายไป ยังตามตัวไม่เจอเลย ส่วนตนไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง เพราะตนทะเลาะกับเสือมืด หนีออกจากบ้านมาตั้งแต่วันที่ 4 ก.ย. แล้ว ขณะที่เสือมืดก็ออกมาพยายามตามง้อจนเจอตนตั้งแต่วันที่ 10 ก.ย. 65 มาขอร้องให้ตนกลับบ้านตนก็ไม่กลับ
จนกระทั่งมาเกิดเหตุนายตุดาหายไป เสือมืดและตนก็เข้าให้การกับตำรวจตลอด ตำรวจสงสัยเสือมืดจึงควบคุมตัว และนำตัวส่งศาลฝากขังที่เรือนจำ จ.ลำพูน ตั้งแต่วันที่ 19-20 ก.ย. 65 ซึ่งรอวันพิสูจน์ว่าเสือมืดไม่ได้ทำ ตำรวจจึงจะปล่อยตัว อีกทั้งเสือมืดก็ยินยอมให้ตำรวจจับกุมด้วยซ้ำ เพราะเขาบอกว่าเขาไม่ได้ทำ ดังนั้นตอนนี้กล่าวหาตน 2 คนเป็นผู้กระทำมันไม่ถูกต้อง ยืนยันว่าตนไม่เกี่ยวข้อง ไม่ได้เป็นคนทำ และตนกับนายตุดาเลิกกันมา 6 ปีกว่าแล้ว ไม่เคยยุ่งเกี่ยวกันเลย ทำไมต้องมากล่าวหาตน และตนจะทำไปเพื่ออะไร ทำไมไม่ไปถามคนในวงเหล้าในวันนั้น ทั้งนายนุนุและนายไกรสรหายตัวไปไหน
อย่างไรก็ตาม ตอนนี้ตนอยู่ในที่ปลอดภัย และตนได้ร้องขอทนายความให้เข้ามาช่วยเหลือแล้ว มองว่าไม่เป็นธรรมกับตนเลย อีกทั้งยังมากล่าวหาว่าทำธุรกิจมืด ซึ่งไม่เป็นความจริง
ด้านนางนราพร แม่ของ น.ส.ธมลวรรณ ผู้ถูกกล่าวหา เปิดเผยว่า ลูกสาวทะเลาะกับสามี ตั้งแต่วันที่ 4 ก.ย. เพราะความหึงหวง ชอบดุ ขี้ด่า แถมมาอาละวาดกับตนถึงที่บ้าน โดยเสือมืดมาถามหาลูกสาวตนว่า "อยู่ไหน หนีไปไหน ถ้ารู้เห็น จะตีจะฆ่าให้ตาย" ตอนนั้นตนกลัวมาก ตนรีบติดต่อหาลูกว่าให้อยู่ในที่ปลอดภัย อย่ากลับมาบ้านเด็ดขาด
ซึ่งลูกเขยหรือเสือมืดเป็นชาวเมียนมา แต่เขาพูดได้หลายภาษา และเขาไม่มีบัตรประจำตัวประชาชน ตนจึงค่อนข้างกลัว อีกทั้งมีนิสัยพกปืนตลอด ตนเคยด่าว่าเสือมืดก็เอาปืนชี้หน้าก็มี และเขาก็ทำร้ายร่างกายลูกสาวบ่อยครั้ง ถึงขั้นแจ้งความกันหลายครั้ง แต่ทั้งคู่ทะเลาะกันเอง ไม่เคยจะเอ่ยถึงนายตุดา ผู้เสียชีวิตคิดว่าทั้งคู่ไม่รู้จักกันด้วยซ้ำ แต่จะเกี่ยวข้องกันอย่างไรตนไม่ทราบ เพราะไม่ได้ใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันกับเสือมืด
ทีมข่าวเดินไปบ้านนายเต้ ผู้ต้องสงสัย พบนายอำพล ปิยะธรรมดำรง อายุ 55 ปี พ่อของนายเต้ เปิดเผยว่า ส่วนตัวไม่ค่อยได้พูดคุยกับลูกชาย เพราะปกติเขาเป็นคนไม่ชอบคุยกับพ่อ ไม่ชอบรับสายพ่อ ดังนั้นคืนวันที่ 13 ก.ย. 65 ตนไม่รู้เลยว่าลูกอยู่บ้านหรือไปไหน เพราะมีนิสัยเข้าออกบ้านไปก็ไม่ค่อยบอกใคร
แต่หากย้อนไปเมื่อ 10 วันก่อน ลูกประกาศขายบ้านเมีย เพื่อไปซื้อไม้ปลูกบ้านใหม่ แต่เอาไม้ไปไว้ที่บ้านอีกหลัง หรือบ้านที่เขาชวนเพื่อนไปดื่ม จากนั้นลูกอยู่บ้านปกติ วันแรกที่ชาวบ้านตามหานายผดุงเกียรติ ลูกก็ยังอยู่บ้าน กระทั่งวันที่ 16 ก.ย. วันที่เจอเสื้อผ้า และรองเท้านายผดุงเกียรติที่ไร่ข้าวโพด มาจนถึงวันนี้ตนก็ไม่สามารถติดต่อลูกได้
สำหรับตนมองว่าทั้งคู่เป็นญาติกัน จะทำกันจริง ๆ หรือไม่ตนไม่ทราบ แต่หากเสือมืดว่าจ้างลูกตนจะจ้างกันอย่างไรตนก็ไม่รู้ แต่ยืนยันตนจะไม่เข้าข้างลูก แต่ใจอยากให้มามอบตัว เพราะเป็นห่วงลูก เนื่องจากไปหาหมอดู 2 รอบ บอกว่าลูกไม่มีชีวิตอยู่แล้ว สำหรับตนทำได้แค่เคยตะโกนบอกลูกลอย ๆ ว่าให้มามอบตัว หนีอยู่แบบนี้มันทรมาน โทษหนักได้เป็นเบา ซึ่งวันนี้ข่าวลูกก็เงียบมาก อยากรู้เรื่องราวทั้งหมด เพราะคนตายก็เป็นญาติตนด้วย
ทีมข่าวเดินทางไปบ้านนายไกรสร ผู้ต้องสงสัยอีกราย พบนางกิ่งกาญจน์ ธรรมสภาวกุล อายุ 50 ปี แม่ของนายไกรสร เปิดเผยว่า จริง ๆ ลูกไปเป็นลูกน้องเสือมืดได้ประมาณ 2 เดือน ก่อนวันที่ 30 ก.ค. 65 วันที่ลูกเขาเสียชีวิต เขาก็บอกตนว่าจะไปอยู่กับเสือมืดเต็มตัว รวมวันนี้ก็ 6 เดือนกว่าที่เป็นลูกน้องเสือมืด ซึ่งทุกครั้งที่โทรหาลูก จะบอกว่าไปทำเฟอร์นิเจอร์ และจะไม่ค่อยรับสายโทรศัพท์ตน อีกทั้งล่าสุดเมื่อ 2 เดือนก่อนก็ถูกตำรวจจับเรื่องขนไม้ แต่ลูกบอกว่าเสือมืดช่วยไว้ และมีหนี้บุญคุณ "ลูกไม่ใช่คนดี เคยต้องโทษคดีค้ายาเสพติด และเสพยาพ้นโทษมาไม่นาน"
ทั้งนี้ ตนได้เจอหน้าครั้งสุดท้ายเมื่อวันที่ 10 ก.ย. 65 โดยเช้ามืดวันนั้นลูกบอกว่าฝันเห็นลูกที่ตายไป ขอให้ตนเตรียมของทำบุญ และก็ไปทำบุญกันตอน 11.30 น. จากนั้นลูกก็บอกว่าไปทำงานกับเสือมืด และก็ไม่ได้เจอกัน กระทั่งมาทราบข่าวว่านายตุดาหายไปได้ 3 วัน ตนจึงโทรหาลูกถามว่านายตุดาหายไป เกี่ยวข้องกับลูกหรือไม่ ลูกตอบว่า "ไม่เกี่ยว ตอนนี้ไม่ได้อยู่บ้าน" ด้วยน้ำเสียงปกติ ก่อนตัดสายทิ้งไป และก็ติดต่อไม่ได้อีกเลย
ตนยอมรับว่าเฟซบุ๊กที่โพสต์รับสารภาพเป็นของลูกชายจริง แต่ใครโพสต์นั้นตนไม่ทราบ ซึ่งตอนแรกไม่เชื่อว่าลูกทำ เพราะลูกกับคนตายไม่ยุ่งเกี่ยวกัน ไม่รู้จักกัน แต่พอโพสต์ก็คิดว่าน่าเป็นไปได้ เพราะลูกทำงานกับเสือมืด สำหรับตนวันนี้เป็นห่วงลูกอยากให้ลูกมอบตัว โทษหนักจะได้เป็นเบา และกลัวว่าจะไม่มีชีวิตรอด
ล่าสุดที่ สภ.ลี้ พบว่าตำรวจมีการยึดรถมา 2 คัน เป็นคันที่คาดว่าใช้ก่อเหตุขนศพไปทิ้ง พบเป็นรถยี่ห้ออีซูซุ ตอนเดียว สีบรอนซ์เทา หมายเลขทะเบียนผพ 5215 เชียงใหม่ กับรถต้องสงสัยพบเป็นรถยี่ห้อ อีซูซุ สีเทาดำ ป้ายขาวทะเบียน ยท 5299 กรุงเทพฯ
ตรวจสอบเฟซบุ๊กของเสือมืด พบมีการถ่ายภาพรถรุ่นเดียวกันคันต้องสงสัย ขณะนั้นพบยังเป็นป้ายแดง และกันชนหน้าแบบดั้งเดิม จึงไม่ชัดเจนว่ารถคันนี้ว่าเป็นของเสือมืดหรือไม่ เบื้องต้น ตำรวจตั้งรางวัลนำจับทั้ง 2 ราย จำนวน 10,000 บาท
นางแบวา สวัสดิเริ่มใหม่ แม่ผู้เสียชีวิต เปิดใจผ่าน น.ส.นิด อายุ 36 ปี ว่าวันนี้แม่ได้ไปตรวจดีเอ็นเอ ที่ สภ.เถิน ขณะที่ตำรวจมามอบเงินให้กำลังใจ ครอบครัวก็รู้ดีใจที่ตำรวจเร่งรัดคดี ขอให้ตำรวจนำตัวบงการตัวจริงมา ไม่ใช่แพะ เพราะรถยนต์คือหลักฐานสำคัญ หากจับตัวบงการไม่ได้ แม่อาจจะไม่ปลอดภัย
ส่วน 2 ผู้ต้องสงสัยคือนายไกรสรกับนายเต้นั้นแม่ไม่ได้รู้จักเขาเลย แม่รู้จักแต่นายนุนุที่มารับลูกชายไป นายนุนุเองก็ไม่รู้เรื่อง แต่มองว่าการที่นายไกรสรโพสต์น่าจะมีมูลความจริง จึงอยากให้นายไกรสรมอบตัว เพื่อให้คดีคลี่คลาย ครอบครัวก็ขอให้เขาปลอดภัย เพื่อมามอบตัว สำหรับชนวนเหตุมั่นใจว่าเป็นเรื่องหึงหวง เพราะตัวลูกชายกับคนที่คาดว่าเป็นคนฆ่าลูกไม่มีบาดหมางใจกันมาก่อน นอกจากความหึงหวง น.ส.อู้ คือภรรยาเก่าของลูกชายเท่านั้น และจะไปบอกว่าทำธุระกิจด้วยกันก็ไม่ใช่ เพราะเลิกขาดมา 6 ปี แต่ที่ตัดไม่ขาดคือมีลูกด้วยกัน แต่ไม่ขอปรักปรำใคร
"อยากให้ตำรวจเร่งรัดคดี ขอบคุณตำรวจที่ทำงาน พร้อมอยากให้เรื่องนี้จบไว ๆ ได้ตัวคนบงการตัวจริง ๆ สำหรับแม่มีลูกก็รักลูก แต่เอาลูกไปทิ้งยิ่งกว่าหมูกว่าหมา แม่ก็รู้สึกเสียใจ ส่วนตนขอบคุณคนที่แชร์โพสต์จนนักข่าวมาช่วย มิเช่นนั้นนายผดุงเกียรติคงหายสาบสูญ และขอบคุณผู้นำ ชาวบ้านกว่า 100 คนที่ช่วยตามหา ซึ่งเป็นแรงที่เห็นว่าหากนายผดุงเกียรติไม่ดีจริง ๆ คงไม่มีใครมาช่วยตามหา เพราะเขาต่อให้เป็นคนดื่มเหล้า แต่เขาไม่เคยทำร้ายใคร เขาเป็นคนกตัญญูคนหนึ่งที่ดูแลแม่เสมอมา"
